ยันปมชั้น14-MOU44ไม่มีปัญหา
‘พท.’โวอย่ครบเทอม
‘ชัยเกษม’อวยแหลก‘อิ๊งค์’คนดี
ชี้ใครคิดไม่ดีต่อชาติมีอันเป็นไป
ปชน.เตรียมทีมก.ม.สู้คดี44สส.
นัดส่งข้อมูลซักฟอกกลางก.พ.
นายกฯอิ๊งค์ นำครม.และคู่สมรสร่วมทำบุญตักบาตรปีใหม่ที่ทำเนียบฯ “ชัยเกษม”แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย โวเชื่อรัฐบาล “อิ๊งค์” อยู่ครบเทอม ชี้ปมร้อนชั้น 14-MOU44 ไม่มีปัญหา แก้ได้พร้อมบอก “ใครที่ไม่หวังดีต่อชาติต้องมีอันเป็นไป” ลั่นสุขภาพแข็งแรง ยังฟิต พร้อมลุยทำงานตลอดเวลา‘ชูศักดิ์’ชี้เป็นสิทธิ์‘ฝ่ายค้าน’จ่อยื่นซักฟอกรัฐบาล ชี้ไม่มีน้ำหนักก็เสียเอง’ธนกร’ฟันธงการเมืองปี68เข้มข้น รบ.พร้อมถูกรวจสอบ ฝากแก้ศก.ปากท้อง-ปราบแก๊งคอลฯ-ยาเสพติด ‘เท้ง’เผยทีมกฎหมายปชน.เตรียมสู้คดี44สส.ชี้ส่งผลต่อการเมืองในอนาคต เล็งแก้อำนาจองค์กรอิสระพรรคปชน.ขยับส่งประกวดข้อมูลศึกซักฟอกกลางก.พ.68เฟ้นขุนพลสะเด็ดน้ำ‘วิโรจน์’ขู่หลัง‘วาเลนไทน์’เตรียมพบกับ‘ความโหดร้าย’ ด้าน’เทพไท’ส่อเข้ายุคมืด!ลุยฟ้อง‘นักร้อง’ซัดเห็นเค้าลาง‘ระบอบทักษิณ’ครองเมือง หวนกลับมาอีกครั้ง
เมื่อเวลา 07.25 น. วันที่ 2 มกราคม 2568ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อมาถึงนายกฯทักทายสื่อมวลชนว่า“สวัสดีปีใหม่”อย่างอารมณ์ดี
นายกฯนำครม.คู่สมรสทำบุญปีใหม่
จากนั้นนายกฯ เป็นประธานในพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.)โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังราม, สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศ, พระพรหมเสนาบดี วัดปทุมคงคา, พระพรหมวชิโรดม วัดโมลีโลกยาราม, พระพรหมวัชรวิมลมุนี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์, พระพรหมวชิรรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร, พระธรรมคุณาภรณ์ วัดไตรมิตรวิทยาราม, พระธรรมวชิราภรณ์ วัดเทวราชกุญชร และพระธรรมวชิราธิบดี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เจริญพระพุทธมนต์
ต่อมา นายกรัฐมนตรีและคู่สมรสและครม.ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร พระสงฆ์รวม 68 รูป ที่บริเวณแนวถนนด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์นายกฯและคู่สมรส รวมถึง ครม. ได้สักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯได้ขอพรอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ นายกฯ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “สวัสดีปีใหม่สื่อมวลชน ขอให้ปีนี้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงทุกคน” จากนั้นนายกฯเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ไปประชุมกับรัฐมนตรีบางส่วนเพื่อติดตามงาน
‘ชัยเกษม’ใครคิดไม่ดีต่อปท.มีอันเป็นไป
นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568ว่าหากมีเรื่องร้อนเข้ามา ถ้าเราไม่ร้อนกลับไป มันก็ไม่แรง เมื่อถามว่าขณะนี้มีประเด็นร้อนโดยเฉพาะเรื่อง ชั้น14และ MOU44จะเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือไม่นายชัยเกษม กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างแก้ได้ ตนเชื่อว่าทุกอย่างจะเดินไปได้ด้วยดี เพราะทุกคนอยากให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองด้วยกันทั้งนั้น และทุกอย่างจะคลี่คลายและไปต่อไปได้เรื่อยๆ
“สำหรับตัวผมคิดว่า พอใจการทำงานของรัฐบาล เชื่อว่าในเมืองไทย มีแต่คนทำงานเพื่อชาติ และรักกันจึงไม่ต้องไปห่วง คนที่ไม่หวังดีต่อชาติยังมองไม่เห็นชัดๆซักคน และใครที่ไม่หวังดีต่อชาติ ต้องมีอันเป็นไปโดยสภาพของเขาเอง เราไม่ต้องไปทำอะไรหรอก”นายชัยเกษม กล่าว
โวเชื่อมั่นรัฐบาล‘อิ๊งค์’อยู่ครบเทอม
เมื่อถามว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะอยู่ครบวาระหรือไม่ นายชัยเกษม กล่าวว่า“ท่านเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน เพราะฉะนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งคนที่จะไปก่อนเวลานั้นต้องมีเหตุ ซึ่งท่านเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน ก็เชื่อว่าจะอยู่ไปได้สบายๆ” เมื่อถามอีกว่าน.ส.แพทองธารมีอะไรต้องปรับปรุงในเรื่องการทำงานหรือไม่นายชัยเกษม กล่าวว่าท่านขึ้นมาเป็นนายกฯแล้วต้องรู้ดีกว่าคนอื่น ที่ท่านทำงานมา ตนก็คิดว่าท่านยังทำงานได้ราบรื่นดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปห่วงท่านหรอก ท่านฉลาดมาก และมีความเหมาะสมที่จะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่าได้เห็นการยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่นายชัยเกษมกล่าวว่าตนยังไม่เห็น จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรไปคงไม่ดี แต่คณะทำงานมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้น เชื่อว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ลั่นสุขภาพยังฟิต/พร้อมลุยงาน
เมื่อถามต่อว่าขณะนี้นายชัยเกษมสุขภาพแข็งแรง พร้อมจะทำงานตลอดเวลา ใช่หรือไม่ นายชัยเกษม กล่าวว่า”ผมนี่พร้อมทำงานตลอดเวลาอยู่แล้วสุขภาพผมก็ดีขึ้น ที่บอกว่าเดินป่วยเดินเป๋อะไรก็หายไปนมนานแล้ว “
เมื่อถามย้ำอีกว่าหากมีอุบัติเหตุทางการเมือง พร้อมจะทำงานเลยใช่หรือไม่ แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า “ ไม่มีปัญหา หมอบอกว่าผมโชคดีมหาศาล ที่เคยป่วยหายไปหมดแล้ว โรคทุกอย่างไปหมด จบ สบาย”
‘ชูศักดิ์’ไม่ห่วงฝ่ายค้านซักฟอก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบมีการลงมติ ตามมาตรา151 ในสมัยประชุมนี้ ว่า ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่ตนคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นขึ้นอยู่กับประเด็น เพราะคนที่ยื่นต้องชั่งน้ำหนัก สิ่งที่ยื่นไปมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ถ้าพูดไปแล้วน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง ก็จะเสียกับตัวผู้ยื่นเอง
เมื่อถามว่าเรื่องที่ฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นอาทิประเด็นชั้น14 และMOU44 ประเมินแล้วมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า“เป็นเรื่องที่เราคุยนานมมาแล้ว ผมเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไร”
‘ธนกร’ฟันธงการเมืองปี68เข้มข้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มองสถานการณ์ทางการเมืองปี 2568คาดการณ์ว่า จะมีความเคลื่อนไหวในหลายประเด็นที่ส่งผลให้การเมืองไทยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นหลังจากการทำงานของรัฐบาลผ่านเข้าสู่ปีที่2เดินมาครึ่งเทอมแล้วซึ่งนายกฯและรัฐบาลจะต้องเร่งเครื่องทำผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น
เร่งแก้ศก.ปากท้องแก๊งคอลฯยานรก
โดยเฉพาะเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ปัญหาหนี้สิน ค่าครองชีพและรายได้ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับปากท้องประชาชน ยังมีหลายโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา ทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนสูญเสียเงินจำนวนมากและปัญหายาเสพติดที่ยังไม่ลดลง มีการลักลอบลำเลียงเข้ามาตามแนวชายแดนต่อเนื่อง ทั้ง 2 ปัญหานี้ ถือเป็นทั้งภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติ ทำลายทรัพยากรมนุษย์และทำลายระบบเศรษฐกิจด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการออกมาปราบปรามขั้นเด็ดขาดจริงจังโดยต้องมีการตั้งเป้าหมาย เป็นตัวชี้วัดให้ปราบปรามได้มากยิ่งขึ้น และกำจัดตัดวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เรื่องการยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายที่ร่วมขบวนการอย่างจริงจัง
พร้อมถูกตรวจสอบ-ยื่นซักฟอก
“เข้าสู่ช่วงปีที่ 2 ของรัฐบาล ถือว่าเดินหน้าทำงานมาครึ่งทางแล้ว เป็นปกติที่การเมืองจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ในการถูกตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทั้งในและนอกสภา เช่นการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายกฯและรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเครื่องทำผลงานออกมาให้ชัดเจนจับต้องได้ขอฝากแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องแก้หนี้สิน ลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นโดยต้องทำให้เกิดความต่อเนื่องในระยะยาว แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปราบยาเสพติดที่เป็นขบวนการบ่อนทำลายชาติขอให้เร่งแก้ขั้นเด็ดขาดเพื่อยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน”นายธนกร กล่าว
‘เท้ง’ลั่นทีมกม.เตรียมสู้คดี44สส.
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวถึงความคืบหน้าในคดีจริยธรรมของ 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล ว่า ทีมกฎหมายได้เตรียมการไว้อย่างดี และตนยังอยากให้ทุกคนกลับมาย้อนคิดอีกครั้ง อยากให้ทุกคนย้อนกลับมาคิดอีกครั้งว่าที่มาที่ไปของปัญหานี้เกิดจาก กติกาที่ไม่ชอบทำทำให้องค์กรอิสระถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการจัดแย่งทางการเมืองหากจะแก้ไขจริงๆอาจจะต้องโยงกลับไปที่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องและไม่อยากให้มองเฉพาะคดี44สส. พรรคประชาชนอย่างเดียวเท่านั้นแต่เป็นคดีที่อาจส่งผลกระทบกับสุขภาพทางการเมือง และระบบการเมืองของประเทศในอนาคตซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดประเด็นเรื่องอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระไม่เหมาะสมที่ส่งผลกระทบถึงพรรคเพื่อไทย อย่างเช่นในกรณี ที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง
เล็งเดินหน้าแก้อำนาจองค์กรอิสระ
“ขอย้ำว่าจุดยืนของพรรคประชาชน มองว่าไม่ได้ต้องการผลักดันแก้ไขในเรื่องนี้เพื่อคนใดคนหนึ่งหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นการแก้ที่ตัวระบบเพื่อทำให้ตำแหน่งขององค์กรอิสระเป็นไปตามสากลมากขึ้น”หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุ และเมื่อถามว่าหากสุดท้าย 44สส.ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจริง พรรคประชาชนมีกำลังพอที่จะเดินหน้าต่อหรือไม่ นายณัฐพงษ์ย้ำว่า ตนเชื่อมั่นเพื่อนๆในพรรคประชาชนที่กำลังทำหน้าที่อยู่ในตอนนี้ ทุกคนจะเห็นว่าการทำหน้าที่ของสส.ในพรรคประชาช เรามีดาวเด่นในสภาหลายคน เชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครในตอนนี้หากต้องถูกตัดสิทธิ์ในอนาคตก็ยังเชื่อว่าพระประชาชนสามารถ เดินหน้าต่อได้ตราบใดที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในประเทศ
ปชน.ส่งข้อมูลซักฟอกกลางก.พ.68
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน (ปชน.) เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเรื่องการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคปชน.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ออกมาเผยไทม์ไลน์การซักฟอกจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมีนาคม 2568 แน่นอน ว่า ล่าสุด กระบวนการคัดเลือกข้อมูลซักฟอกเบื้องต้นเสร็จสิ้นไปแล้วในเดือนธันวาคม2567
โดยพรรคปชน.มีการเปิดให้สส. ผู้มีความประสงค์จะผู้อภิปรายฯ ส่งข้อมูลของตนเองไปให้ยังคณะกรรมการฯผู้คัดเลือกซึ่งประกอบไปด้วยหลายฝ่ายในพรรค อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย และ นายวีรยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคปชน. รวมถึงนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคปชน. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นต้น โดยคาดว่า การคัดข้อมูล และประเด็น รวมถึงขุนพลซักฟอก ของคณะกรรมการฯจะสะเด็ดน้ำประมาณ ช่วงกลางเดือนกุมพาพันธ์ 2568
จับตาศึก‘ซักฟอก’ขู่หลังวาเลนไทน์
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ กรณีการคัดข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของคณะกรรมการฯในพรรคประชาชนว่า ตนไม่ทราบข้อมูลเรื่องนี้ เพราะตนไม่ใช่หนึ่งในคณะกรรมการฯ แต่ให้เรียกตนว่าฝ่ายป้อนอาวุธหนัก ชี้เป้า ส่งประเด็นสำคัญให้กับคณะกรรมการฯ และล็อคเป้าขุนพลซักฟอกเป้าหมาย ส่วนใครจะได้ขึ้นอภิปราย ก็อยู่ที่คณะกรรมการคัดเลือก ขอให้จับตาว่า ถ้าหมดห้วงเวลาแห่งความรักในช่วง วันที่ 14 ก.พ.2568 เมื่อไหร่ ก็จะเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความจริงอันโหดร้ายของรัฐบาล เมื่อนั้น ตนก็ส่งสัญญาณถึงรัฐบาลว่า ความผิดสำเร็จแล้วทำอะไรก็ไม่ทัน รัฐบาลทำใจเถอะ
เย้ย‘อิ๊งค์’ชีวิตคนไทยจะดีขึ้นไม่จริง
นายวิโรจน์กล่าวถึงกรณีที่วานนี้(1ม.ค.) นายกรัฐมนตรีสัญญาทำนองว่าในปี2568 ชีวิตประชาชนจะดีขึ้น ว่า ตนขออำนวยอวยพรให้มันเป็นอย่างที่นายกพูดจริงๆสักทีเหมือนกัน เพราะประชาชนก็รอมานานแล้ว พูดมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกิน มีใช้ ตั้งแต่ตอนหาเสียง แต่มันก็ไม่เป็นจริงสักครั้ง ส่วนเรื่องปัญหาค่าไฟ ไม่แก้ที่ต้นตอ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นกฎหมายที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่ำๆจะออก ก็ยังไม่ออกสักที ยังไม่รู้ว่าออกกฎหมายมาแล้ว การบังคับใช้กฎหมาย จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน รวมถึงการปราบยาเสพติด ยาบ้ายังราคาถูก ถ้าปราบได้จริงยาบ้าต้องแพงขึ้นตามกลไกตลาด วันนี้ยาบ้า ก็ยังหาง่าย และราคาถูกอยู่เหมือนเดิม การปราบยาก็ยังเป็นแค่ภาพลวงตา
แย้มจองกฐินลุยถล่ม’คมนาคม’
“นอกจากนี้รวมถึงยังมีเรื่องของกระทรวงคมนาคมด้วย แล้วก็ให้ปักธงเลยนะว่า อย่าคิดว่านามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ แล้วจะรอด แล้วจะไม่โดน แต่จะโดนหนักกว่าใครด้วย ทำอะไรไว้รู้อยู่แก่ใจ ไม่ใช่คิดว่านามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ แล้วจะปลอดภัย”นายวิโรจน์ ย้ำ
เมื่อถามอีกว่า จะมีปฏิบัติการโรยเกลือหลังศึกซักฟอกเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา หรือไม่ นายวิโรจน์ตอบว่า ใช่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งข้อมูลต่อให้ป.ป.ช. หรือ สตง. มันก็เป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว
‘เทพไท’ส่อเข้ายุคมืดลุยฟ้อง‘นักร้อง’
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราชโพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ”ทักษิณคนเดิมกลับมาแล้ว”ว่า หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศเช็คบิลนักร้องที่ยื่นคำร้องเรียนต่อองค์กรอิสระ เพื่อให้ตรวจสอบนายทักษิณ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลว่าหลังจากนี้ไปจะเอาคืนโดยการฟ้องกลับ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เตรียมการยื่นฟ้องร้องต่อบุคคลเหล่านี้แล้ว บุคคลแรกที่ได้รับเกียรติจากนายทักษิณฟ้องร้อง คือ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญข้อกล่าวหานายทักษิณล้มล้างการปกครอง แต่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องไป จึงทำให้นายทักษิณยกมาเป็นเหตุผลในการฟ้องกลับ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลอีกหลายคน ที่อยู่ในข่ายอาจจะถูกนายทักษิณฟ้องกลับอีก เพราะได้ยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระหลายองค์กร หลายสำนวน ซึ่งต้องรอดูว่า นายทักษิณจะฟ้องร้องใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่
นายเทพไทยังมองว่า การแสดงท่าทีอย่างแข็งกร้าวของนายทักษิณ เล่นงานฝ่ายตรงข้ามแบบตาต่อตาฟันต่อฟันแบบนี้ เคยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยนายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ได้ใช้กลไกรัฐ และอำนาจรัฐตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลในวงการสื่อสารมวลชน โดยใช้การตรวจสอบภาษี เส้นทางเงิน และรายได้ โดยใช้กรมสรรพากรและปปง.เข้ามาตรวจสอบ เห็นได้จากกรณีการตรวจสอบการเงินของแม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของนายชวน หลีกภัย และการตรวจสอบนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส
ซัด‘ระบอบทักษิณ’ครองเมืองคัมแบ็ค
“วันก่อนในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน นายทักษิณได้เอ่ยปากให้กรมสรรพากรและปปง.ตรวจสอบนักเคลื่อนไหว นักร้องเรียน ที่มีเมีย 3 คน มีลูก5คน ไม่มีอาชีพ แต่ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกว่า มีเส้นทางการเงินหรือมีรายได้มาจากไหน ซึ่งตอนนี้จะเห็นได้ว่า นายทักษิณยังใช้วิธีการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเหมือนเดิม จิตวิญญาณนิสัยดั้งเดิมของนายทักษิณในอดีต ได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ใช้กลไกรัฐอำนาจรัฐตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม กำชับแทรกแทรกสื่อหลายสำนัก ห้ามไม่ให้เชิญวิทยากรขาประจำ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออกสื่อหรือเสนอข่าว ขออย่าให้ยุคมืดสมัยอดีต กลับมาครอบงำการเมืองประเทศไทย เหมือนกับยุคสมัยระบอบทักษิณครองเมืองอีกครั้ง”นายเทพไท ระบุทิ้งท้าย
ปชป.ป้อง‘ชวน’ซัด‘2ลิ่วล้อ พท.
นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้กรณีที่ 2 ลิ่วล้อพรรคเพื่อไทยออกมาตำหนิ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและ อดีตประธานรัฐสภา 2 สมัยว่าตนเข้าใจดีว่านักการเมืองประเภทที่เข้ามาเป็นนักการเมืองด้วยวิธีพึ่งชายคาบ้านคนอื่นนั้น ต้องทำงานเอาหน้าเพื่อส่งการบ้านนายใหญ่เจ้าของบ้าน แต่อยากเตือนว่าขอให้สงบปากสงบคำบ้าง เพราะการทำงานแบบเชลียร์หวังเอาใจแบบไม่คิดหน้าคิดหลังบางครั้งนายใหญ่ก็ไม่เห็น
โดยเฉพาะการออกมาวิจารณ์ นักการเมืองอาวุโสที่ประกอบคุณงามความดี เป็นผู้แทนราษฎร เคียงข้างประชาชนมามากกว่า 17 สมัย เป็นนักการเมืองน้ำดี มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็น สส.มาจากศรัทธาของประชาชน ผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ไม่เคยซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว ไม่มีประวัติทุจริตคอร์รัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง ไม่มีประวัติหนีคุก หนีคดี ไม่เคยติดคุกเพราะล้มการประชุมจนบ้านเมืองเสียหายเหมือนบางคน เป็นนักการเมืองควรเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์และควรเข็ดหลาบกับพฤติกรรมปากพล่อยจะได้ไม่กลับไปติดคุกติดตะรางอีก”นายพิทักษ์เดชย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี