‘พีระพันธุ์’ลั่นไม่กลัววิชามาร
โวยโดนเจาะยาง
ยันกับ‘อุ๊งอิ๊งค์’เข้าใจกันดี
หลังมีข่าวถูกปรับพ้นครม.
‘ทักษิณ’ลุยเชียงราย5ม.ค.
ปราศรัยช่วยหาเสียงอบจ.
“พีระพันธุ์” ประกาศลั่นไม่กลัววิชามาร! แฉโดนขบวนการปั้นข่าวรุมถล่ม หลังพรรคใหม่ทุนหนาเปิดตัว ยันไม่เคยขัดแย้งกับทั้งสองนายกฯ ขอเดินหน้าแก้ปัญหาพลังงานเต็มสูบขณะที่ “ทักษิณ” โหมหนัก! ขึ้นเชียงราย 5 มกราคม ลุย “เทิง-เชียงของ-แม่จัน” ปราศรัย 3 เวทีช่วย “สลักจฤฎดิ์” หาเสียงเลือกนายกอบจ.เชียงราย
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ
‘พีระพันธุ์’โวทำงานสำเร็จเกือบ100%
นายพีระพันธุ์ สำหรับผม ปี 2567ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ100%ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯเศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร
2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้ จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย
ดันกม.‘โซลาร์รูฟ’พังกฎเกณฑ์เดิมๆ
3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือ กฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้น แต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ
ปี68ชงกม.สำรองน้ำมันเพื่อชาติ
นายพีระพันธุ์ ระบุอีกว่า สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรก คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน
ต่อยอดผลิตอุปกรณ์ลดภาระค่าไฟฟ้า
รมว.พลังงานบอกว่าส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงเครื่องละ30,000-40,000บาทโดยน่าจะผลิตได้ ในราคาเพียง 1ใน3ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจาก สถาบัน สวทช.แล้วและกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุดและจะหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย
“ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี2567ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย”นายพีระพันธุ์ ระบุ
แฉโดนวิชามารถล่ม ลั่นไม่กลัว
นายพีระพันธุ์ระบุว่า“สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามาร กระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัว และผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้”
“และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า สื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธาร และอดีตนายกฯเศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ก็สำเร็จด้วยดี เพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน”นายพีระพันธ์ ระบุ
ทำลายทุนผูกขาด/ทำงานหนักขึ้น
รมว.พลังงาน ย้ำด้วยว่าล่าสุดที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศว่า จะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วน ก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทนและกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการกพช.ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย
“โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ”นายพีระพันธ์ย้ำและว่าขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆและขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงานและในปี 2568 นี้ตนจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมือง
‘ธนกร’ชี้เหมาะซักฟอกกลางกพ.
นายธนกร วังบุญคงชนะ รอง หัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 151 ว่า หากมองไทม์ไลน์ที่ฝ่ายค้านวางไว้ช่วงกลางเดือน ก.พ.หรือหลังวาเลนไทน์ ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากเป็นการทำงานต่อเนื่องของ 2 รัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาล ตนมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นายกรัฐมนตรีและทุกกระทรวง จะได้ชี้แจงผลการดำเนินงานของตัวเองให้กับประชาชนได้ทราบด้วย เพราะจากที่เห็นการทำงานมาโดยตลอดรัฐบาลและรัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ทุกกระทรวง เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น
เหน็บฝ่ายค้านอย่าน้ำท่วมทุ่ง
นายธนกรกล่าวว่าการที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ควรต้องมีข้อมูลที่แน่นหนามากเพียงพอที่จะอภิปราย ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การกล่าวหาโจมตีสร้างวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น ขอให้ฝ่ายค้านใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ให้มีประสิทธิภาพ ใช้เวทีสภาอย่างสร้างสรรค์ ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่พิธีกรรม เกรงว่าจะถูกประชาชนประเมินการทำงานของฝ่ายค้านว่า อภิปรายเป็นแค่การเล่นละครฉากใหญ่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะตรวจสอบอย่างจริงจังเข้มข้น
“ขอฝ่ายค้านใช้เวทีสภาสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการสร้างวาทกรรมมากล่าวหาโจมตีให้ร้าย ขอข้อมูลแบบเนื้อๆเน้นๆ ไม่ใช่น้ำท่วมทุ่ง อภิปรายพอเป็นพิธี เดี๋ยวพี่น้องประชาชนมองแล้วจะหาว่าเป็นการเล่นละครตบตา ผลัดกันเกาหลัง หากมีข้อมูลหลักฐาน ควรนำไปสู่การตรวจสอบได้จริง ไม่ใช่แค่ต้องการสร้างกระแสโซเชียล หวังตีกินทางการเมือง อยากเห็นฝ่ายค้านรุ่นใหม่ ที่ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์จริงๆ”นายธนกร กล่าว
‘แม้ว’ลุยเชียงรายขึ้นเวที3อำเภอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางไป จ.เชียงราย ปราศรัยหาเสียงช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช คนใกล้ชิดนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตนักการเมืองชื่อดังซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เชียงราย ได้หมายเลข 2 ในนามพรรคเพื่อไทยและต้องแข่งขันกับนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายกอบจ.เชียงราย ที่ประกาศลงสมัครได้หมายเลข 1ในนามอิสระ โดยมีกำหนดจะไปขึ้นปราศรัยถึง3เวทีในพื้นที่3อำเภอด้วย
โดยนายทักษิณมีกำหนดจะเดินทางด้วยเครื่องบินจาก ท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จากนั้น จะมุ่งตรงไปปราศรัยที่สนามโรงเรียนปล้องวิทยาคม ต.ปล้อง อ.เทิงซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของนางอทิตาธรโดยจะมีแกนนำของพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนไปร่วมปราศรัยหลายคน เช่นนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส่วนเวทีที่ 2 คือสนามโรงเรียนบ้านห้วยซ้อวิทยาคม อ.เชียงของ และเวทีสุดท้ายที่สนามโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จันก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงหัวค่ำ
สำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.เชียงราย มีจำนวน 3 คน โดยนอกจาก นางอทิตาธร และ นางสลักจฤฎดิ์ แล้วยังมีน.ส.จิราพร หมื่นไชยวงศ์ ได้หมายเลข 3 และเป็นคนใกล้ชิด และอยู่ทางฝ่าย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ซึ่งการลงสมัครของน.ส.จิราพร ทำให้เป็นที่น่าแปลกใจในวงการการเมืองท้องถิ่นจ.เชียงราย เพราะไม่ได้เป็นอดีตนายกอบจ.เชียงราย หรือชื่อชั้นเทียบเท่ากับผู้สมัคร 2 คนแรก จึงสงสัยกันว่า อาจจะลงเพื่อตัดคะแนนคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่
‘เทพไท’ซัด’แม้ว’ผู้มีอำนาจตัวจริง
วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ”ทักษิณเดินสายช่วยบ้านใหญ่ชนบ้านใหญ่”ว่าเห็นตารางการลงพื้นที่หาเสียงนายก อบจ.ของนายทักษิณ ชินวัตร ในหลายพื้นที่แล้ว ก็ต้องยอมรับความจริงว่านายทักษิณ คือแม่เหล็ก ที่สามารถดึงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยได้ ถ้าหากไม่ขลังจริงก็คงจะไม่มีผู้สมัครคนใดเรียกร้องให้ไปปราศรัยหาเสียงให้ แม้กระทั่งระดับ น.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรียังลงพื้นที่หาเสียงน้อยกว่านายทักษิณเสียอีก แค่นี้ก็รู้ว่า ใครคือผู้มีบารมี หรือ อำนาจทางการเมืองตัวจริง
การแข่งขันสนามเลือกตั้ง อบจ.ในหลายจังหวัดภาคเหนือและอีสาน เป็นการต่อสู้กันระหว่างบ้านใหญ่กับบ้านใหญ่ จึงทำให้เห็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครบ้านใหญ่ของพรรคเพื่อไทยกับผู้สมัครบ้านใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยในหลายพื้นที่ มีการงัดกลยุทธ์ออกมาต่อสู้กันในทุกรูปแบบ ทั้งการสร้างกระแสและการสาดกระสุน รวมไปถึงการใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือในการเลือกตั้ง ตามที่เป็นข่าวอยู่
เมืองคอนโมเดลไม่ได้ผลทุกพื้นที่
นายเทพไทยังมองว่าสำหรับประเทศไทยการเลือกตั้งในทุกระดับ ทุกสนาม มีปัจจัยการซื้อเสียงเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นปัจจัยชี้ขาดเสมอ แม้ว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. นครศรีธรรมราชที่ผ่านมาได้สร้างนครโมเดลขึ้นมาในการเลือกตั้งและมีการนำไปใช้ในหลายจังหวัดโดยการปั่นกระแสสู้กับกระสุน แต่เชื่อว่าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับการเลือกตั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชก็ได้เพราะปัจจัยและเงื่อนไขทางการเมืองที่แตกต่างกัน
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ มีการต่อสู้กันระหว่างบ้านใหญ่บ้านใหญ่กันบ้าง แต่หลายจังหวัด เป็นเรื่องของบ้านใหญ่สู้กับกลุ่มอิสระ ที่รวมตัวกันเพื่อโค่นบ้านใหญ่ ซึ่งผลออกมาจะได้รู้ว่า บ้านใหญ่ยังขลังอยู่หรือไม่ หรือยังเป็นที่หมายปองของพรรคการเมือง ในการเลือกตั้งปี 2570 หรือไม่
“นันทนา”ออกตัวหนุนแก้รธน.ม.256
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภากลางเดือนมกราคมนี้ว่า ยืนยันว่าจะสนับสนุน เพราะการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมี ส.ส.ร.จากประชาชนทั้งหมด เป็นจุดยืนและหลักการของกลุ่มเรามาตั้งแต่ต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มของ สว.เป็นอย่างไร เพราะหากร่างนี้จะผ่าน ต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 น.ส.นันทนา กล่าวว่า หากดูจากทิศทางการลงมติ พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ สส.พรรคภูมิใจไทย จะเห็นได้ว่ากลุ่ม สว.เสียงข้างมาก ไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เล่นเกมยืดเยื้อในกระบวนการ เพราะฉะนั้น คาดหมายได้ว่าอาจจะไม่ได้เสียงสนับสนุนถึง 1 ใน 3
เมื่อถามว่า ต้องไปพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้เขาเห็นด้วยหรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า หากดูจากการลงมติต่างๆ ที่ผ่านมา เราไม่สามารถไปเจรจา หรือพูดคุยโน้มน้าวกลุ่ม สว.เสียงข้างมากได้ และเชื่อว่าทุกการลงมติหลังจากนี้จะเป็นปึกแผ่น 150 เสียงขึ้นไป
เมื่อถามว่า ต่อให้พรรคเพื่อไทยเสนอร่างประกบเข้ามา ก็มองว่าผ่านยากใช่หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า ค่อนข้างยาก เพราะการลงมติของพรรคภูมิใจไทย ประสานกับ สว.เสียงข้างมาก เหมือนไม่พยายามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย
เมื่อถามว่า จะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง 2 สภาหรือไม่ เพราะร่างของพรรค ประชาชนเอง ก็ตัดอำนาจของ สว.หลายอย่าง น.ส.นันทนา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องของหลักการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยแบบสากลและมีอารยะ จะมองว่าลดอำนาจแล้วไม่โหวตให้ไม่ได้
“อยากจะเตือนสติของสมาชิกรัฐสภาว่า การร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ทําเพื่อใครหรือกลุ่มใด แต่เป็นกติกาที่ใช้กับคนทั้งประเทศ ควรเป็นกติกาที่สากลยอมรับได้ และเป็นประชาธิปไตยแบบไม่ซ่อนเร้น ขอให้นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ” น.ส.นันทนา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี