"ชูศักดิ์"ปัดคอมเมนต์"ปชน." ดักคอ"เพื่อไทย"มีโอกาสกลับลำไม่แก้รธน.บางประเด็น ย้ำต้องรักษาจุดยืนพรรค โยน"ปธ.วิปรัฐบาล"เคาะประชุมร่วมฯแก้กติกาประเทศ 14-15 ม.ค.หรือไม่ เมินเสียงวิจารณ์คว่ำร่าง"พรรคส้ม"ต้องรอดูถกในสภาฯ
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 ที่เตรียมจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่เพิ่มหมวดว่าด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาตรา 15/1 ซึ่งเป็นร่างที่เราเคยนำเสนอไว้แล้วแต่ไม่ได้รับการบรรจุ จึงได้มีการนำมาเสนอใหม่
เมื่อถามถึง จุดยืนของพรรค พท.ในการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะรับหลักการร่างของพรรค พท.อย่างเดียวหรือของพรรคประชาชน (ปชน.) ด้วย เนื่องจากอาจจะมีการพิจารณาทั้งหมด 18 ร่าง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะมีการพิจารณา 18 ร่าง ซึ่งตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าร่างที่มีอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นร่างรายประเด็น มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรค ปชน. และพรรคพท.ที่จะมีการนำเสนอด้วย แต่พรรค พท.ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมของพรรค พท.ก่อนในวันที่ 7 ธันวาคม อย่างไรก็ตาม หากจะมีการพิจารณาไล่ไปทุกฉบับจะทำให้เกิดความสับสน เพราะหากคิดจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้มี สสร.มายกร่าง ก็ควรจะเน้นไปที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี สสร.เป็นหลัก ซึ่งหากในส่วนนี้ประสบความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องไปพิจารณารายประเด็นอะไร เนื่องจากสามารถให้ สสร.ไปจัดทำได้ จะเป็นประโยชน์มากกว่า และเข้าใจว่าวิป 3 ฝ่ายคงได้คุยกัน ซึ่งท่าทีของเราควรมุ่งไปที่การมี สสร.คงจะดีกว่า มีประโยชน์มากกว่า
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนัดนี้ อาจจะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาแค่ 2 ร่างก่อน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แล้วแต่วิปสามฝ่ายจะไปคุยกัน แต่ที่พูดไปนั้นเป็นเพียงแค่ความเห็นของตนซึ่งเป็นเหตุเป็นผลว่าในเมื่อจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และให้มี สสร.แล้ว จะพิจารณารายประเด็นทำไม
เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนของพรรค พท.ในการโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้ประชุมกันว่าจะเป็นอย่างไร ให้เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะพิจารณากัน จะไปตอบแทนคนอื่นว่าจะรับหรือไม่รับของคนนั้นคนนี้ไม่ได้ ให้เขาว่ากันโดยเหตุและผล
เมื่อถามว่า มีเสียงหวั่นว่าพรรค พท.จะไม่รับร่างของพรรคปชน. นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเพียงแค่เสียง เราจะไปพูดถึงขนาดนั้นไม่ได้ รอให้มีการพิจารณาในรัฐสภาก่อนแล้วให้ว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วนจะมีการประชุมวิปสามฝ่ายวันไหนนั้น ต้องถามนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แต่ตนมองว่าหากจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 แล้วควรจะเปิดโอกาสให้พรรคอื่นร่วมเสนอด้วย แต่จะทันการพิจารณาวันที่ 14 - 15 มกราคม ที่มีการกำหนดมาคร่าวๆ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะต้องไปฟังความเห็นของแต่ละฝ่ายด้วย
เมื่อถามว่า จะไม่ถือว่าล่าช้าไปใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร เพราะตนเพียงแค่เสนอแนะไปว่าขอให้เป็นความพร้อมเพรียงของพรรคการเมืองและรับฟังเขาว่าเขาจะเสนอหรือไม่ หากเขาเสนอมาก็ว่ากันไป แต่ถ้าเขาไม่เสนอมาก็จะมีเพียงแค่ 2 ร่าง ส่วนจะพิจารณาในวันที่ 14 - 15 มกราคมหรือไม่ ต้องให้นายวิสุทธิ์เป็นคนตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร
เมื่อถามว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ตั้งข้อสังเกตว่าพรรค พท.จะกลับลำในบางประเด็น จะเป็นความขัดแย้งที่คุยกันไม่ได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจนายพริษฐ์ที่ต้องการแก้ไขทั้งฉบับ แต่ก็ถูกมองว่ามีความขัดแย้งในบางประเด็น เช่น หมวด 1 หมวด 2 ที่เป็นความขัดแย้งมานานแล้ว ซึ่งเป็นในจุดยืนที่เห็นไม่ตรงกันและทางเขาก็ยังรักษาจุดยืนของเขา ส่วนเราก็รักษาจุดยืนของเรา เช่น รัฐธรรมนูญ 2550 มีความพยายามจะแก้และตั้งกรรมการร่วมกัน แต่ข้อขัดแย้งนี้ทำให้ไม่มีการร่วมลงชื่อด้วย ก็เคยมีมาแล้ว ฉะนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นจุดยืนของแต่ละพรรค ไม่ขอวิจารณ์ว่าใครถูกใครผิด
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี