"สว.พันธุ์ใหม่"ข้องใจปมเขากระโดง ตั้ง"นาย ส."นายก อบต.กลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นกรรมการสอบ จนมีมติไม่เพิกถอนที่ดิน ถาม"อนุทิน"มีอำนาจสั่ง"อธิบดีกรมที่ดิน"หรือไม่ ด้าน"มท.1"ยันไม่รู้จัก-ทำอย่างรอบคอบ แจงเหตุทะเบียนบ้านอยู่บุรีรัมย์ เป็นเพราะความจำเป็นทางการเมืองเมื่อ 7 ปีก่อน
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถาม เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง ของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ถาม รมว.มหาดไทย ว่า ปัญหาที่ดินพื้นที่เขากระโดง เนื้อพื้นที่ 5,083 ไร่ กรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนโฉนดที่ออกโดยมิชอบ ทั้งที่มีคำตัดสินของศาลฏีกาซึ่งตัดสินสิ้นสุดว่าสิทธิในที่ดินดังกล่าวเป็นของการไฟ พร้อมสั่งให้ผู้ครอบครองที่ดินเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่
น.ส.นันทนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้กรมที่ดิน และการรถไฟ ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนที่ดินที่ออกโดยมิชอบ และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 โดยมีกรรมการ 4 คน หนึ่งในคณะกรรมการนั้นคือ "นาย ส." ซึ่งเป็นนายก อบต.ที่น่าสนใจคือตอนที่ "นาย ส." ลงสมัครรับเลือกตั้งใช้ชื่อว่า "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ตนไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนจริงหรือไม่ อาจจะแอบอ้างก็ได้ แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่มาเป็นกรรมการเรื่องนี้ ซึ่งผลคำวินิจฉัยออกมาเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 ที่ช็อกคนทั้งประเทศเพราะมีมติยืนยันไม่สมควรที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินด้วยมติเอกฉันท์จนกว่าจะได้มีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้
"หากคำพากษาของศาลปกครองต้องการเพียงให้คณะกรรมการมีมติดังกล่าว แล้วศาลจะให้รังวัดที่ดินทำไม นั่นคือเหตุผลที่ผู้ว่า รฟท.ทำหนังสือคัดค้านมติคณะกรรมการ โดยอ้างอิงถึง 5 หน่วยงาน ที่ระบุชัดเจนว่านี่คือที่ดินของการรถไฟ จากข้อพิพาทดังกล่าว รมว.มหาดไทย ที่มีเสียงเล่าขานว่าเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านบริเวณเขากระโดงหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของอธิบดีกรมที่ดิน ดังนั้น ขอถามว่า กระทรวงมหาดไทยจะมีมาตรการอย่างไรต่อมติของคณะกรรมการ รวมถึงจะเร่งรัดกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกโดยมิชอบหรือไม่" น.ส.นันทนา กล่าว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า ที่ตนมาเพราะตนเป็น รมว.มหาดไทย และเห็นความสำคัญ ความมุ่งมั่นของวุฒิสภาที่มีความตั้งใจที่จะถาม เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับพี่น้องประชาชน ไม่ได้มาเพราะมีความใกล้ชิดกับใคร ซึ่งจะเห็นได้ว่าห้วงเวลาทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเป็น รมว.มหาดไทย ทั้งสิ้น ตนขอเริ่มต้นที่ข้อเท็จจริง ที่การกล่าวอ้างว่าจำนวนที่ดิน 5,083 ไร่ ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นั้น มีคำพิพากษาจากศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ว่าเป็นของการรถไฟแล้ว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และเป็นข้อมูลที่บิดเบือน ข้อเท็จจริงที่เป็นส่วนของศาลฎีกา คือ มีคำพิพากษาที่มีคู่ความเป็นราษฎรฟ้องการรถไฟ ภาษาชาวบ้านคือราษฎรเขาอยู่มานานแล้วในบริเวณนั้น และไปขอกรมที่ดินออกโฉนด เมื่อเขาไปขอการรถไฟก็คัดค้าน เมื่อมีความไม่ตรงกันก็จะไปสู่กระบวนการยุติธรรม ทางศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าสิทธิในการออกโฉนดของชาวบ้านนั้น ไม่มี ไม่ใช่บอกว่าให้ไปเพิกถอนโฉนดหรือรางวัด ซึ่งกรมที่ดินก็ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอย่างครบถ้วน คือ ไม่มีการออกโฉนดให้
"ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้กระทรวงมหาดไทยที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง จะไม่ปฏิบัติตามของคำพิพากษาของศาล อย่าว่าแต่ศาลฎีกา ศาลชั้นต้นพิพากษามา การอุทธรณ์ฎีกาก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ คำพิพากษาดังกล่าวผูกพันและบังคับได้เฉพาะคู่ความ คือ ราษฎรที่เป็นโจทก์ในคดีนั้นๆ ไม่อาจเป็นเหตุให้กรมที่ดินไปกระทำการใดๆ ต่อผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินแปลงอื่นๆ ได้ และศาลไม่ได้วินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่ การอ้างว่าคำพิพากษานั้นเป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมด ถือเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา" นายอนุทิน กล่าว
รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อว่า ส่วนของศาลปกครองกลาง ข้อเท็จจริงส่วนนี้ คือ ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด แต่ศาลสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งคือการทำตามคำสั่งของศาลปกครอง ตามมาตรา 61 ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยชัดเจนว่า หากอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และพิจารณาข้อเท็จจริงได้ผลเป็นเช่นไร ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะดำเนินการมีคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามมี่เห็นสมควร ศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ ดังนั้น ถ้าผู้ตั้งกระทู้จะกรุณาไปตรวจสอบว่าความในมาตรา 61 ในการตั้งคณะกรรมการมีกำหนดว่าจะต้องตั้งใคร เช่น เหตุเกิดที่เขากระโดงก็ต้องตั้งนายอำเภอ ที่เขากระโดงตั้งอยู่เป็นคณะกรรมการ จะไปเอาคนอื่นที่อยู่นอกพื้นที่เป็นกรรมการไม่ได้
"ส่วนที่ท่านระบุว่า เอา "นาย ส." มาเป็นกรรมการนั้น ผมไม่รู้จัก และที่ท่านกล่าวถึงตระกูลชิดชอบ จะรู้จัก "นาย ส." หรือไม่ ผมคิดว่าเขาอาจจะรู้จักกัน เพราะเขาทำการเมืองอยู่ตรงนั้น และคนที่มาเป็นนายก อบต.ซึ่งเป็นคนการเมือง มีเครือข่าย ก็อาจจะรู้จักกัน แต่จะสนิทกันมากน้อยแค่ไหน ผมไม่ทราบ แต่สำหรับผม ผมไม่รู้จักเลย และไม่มีความผูกพัน เกี่ยวพันใดๆ" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ชี้แจงอีกว่า ตนยืนยันว่า ตนไม่สามารถสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานในเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับหรือเป็นสิ่งผิดได้ และตนไม่เคยทำนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตนกำชับอธิบดีกรมที่ดิน ทั้งวาจา ต่อหน้า และในที่ประชุม ว่าให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามกฎหมาย ตามระเบียบ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้ยืนยันว่า การดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีความเป็นธรรม และเหตุที่ตนมาชี้แจงครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะมีความเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับใคร และไม่รู้จักกับอธิบดีกรมที่ดิน ตนเคยถามอธิบดีกรมที่ดินว่า ถามจริงๆ หากตนไม่ได้เป็น มท.1 คำตอบเป็นแบบนี้หรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินตอบว่าไม่ว่าใครเป็น มท.1 ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวน และอธิบดีกรมที่ดินสั่งยุติเรื่องเป็นแบบนี้ ไม่เป็นอย่างอื่นตามหลักฐานที่มีอยู่ ดังนั้น ขอให้มั่นใจในการทำงานของกระทรวงมหาดไทย และตนเคารพกติกาทุกอย่าง เมื่อมีมติคำสั่งกรรมาธิการ ตนพร้อมปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนบัตรประชาชนของตนที่มีที่อยู่ ต.อีสาน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นั้น เป็นความจำเป็นทางการเมืองเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่มีการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ชุดสมัยที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในร่างนั้นกำหนดให้ผู้ที่จะสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ต้องมีพื้นเพอยู่ในท้องที่จังหวัดนั้นๆ และมีกำหนดว่าต้องมีพื้นเพอยู่ 5 ปี ตนจึงต้องรีบย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ ไปอยู่ฐานะผู้อาศัย แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายบวรศักดิ์ไม่บังคับใช้ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้บังคับไว้ แต่หลังจากนั้นมีการทำการเมืองเพิ่มมากขึ้น ตนมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตนจึงไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านกลับมา
"มีคนเตือนว่า ถ้าไม่มีการบังคับใช้แล้วก็กลับมาอยู่พื้นเพของตัวเอง แต่เนื่องจากผมไปทำงานที่บุรีรัมย์เยอะ และรู้สึกเป็นคนบุรีรัมย์แล้วจึงไม่ได้ย้าย หากจะย้ายตอนนี้จะเป็นเรื่องอีก ดังนั้น ขอให้ สว.นันทนา ฐานะผู้ตั้งคำถามให้ทราบ ว่าผมมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งสิ้น" นายอนุทิน กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี