พท.ชูสัญญาประชาคม
ยืนยันตั้งใจแก้ไขรธน.
ลั่นไม่แตะหมวด 1-2
โยนวิปนัดวันประชุม
“เพื่อไทย”อ้างสัญญาประชาคม! ยันตั้งใจ แก้รธน.ไม่แตะหมวด 1-2 ตั้งเป้าประเทศเป็น“ประชาธิปไตย”ประนอมอำนาจเต็มที่ ปธ.วิปรัฐบาล ชี้แก้รธน.ถกรอคุยวิป 3 ฝ่าย “ชูศักดิ์” หนุนตั้งสสร./ไม่ควรแก้รายมาตรา ปัด คอมเมนต์‘ปชน.’ดักคอ‘เพื่อไทย’มีโอกาสกลับลำไม่แก้รธน.บางประเด็น โยน ปธ.วิปเคาะประชุมร่วมฯแก้รธน. ‘ธนกร’ค้าน’ปชน.’ปมชงแก้ม.256 ชี้ตัดอำนาจสว.ชัดขัดเจตนารมณ์รธน.หนักข้อสุดซอย เอื้อมแตะหมวด1-2 พ่วงอำนาจองค์กรอิสระ หวั่นขัดรธน.เตือนระวังถูกฟ้องม.157เจอผิดกราวรูด เชื่อรัฐสภาไม่เอาด้วยแน่
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.)ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีในวันที่ 14-15 มกราคมนี้คาดว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา วาระพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256ได้คุยกับวิปฝ่ายค้านแล้วหรือไม่ว่า ยังไม่ได้คุยซึ่งเราจะไปกำหนดว่า14-15ม.ค.ไม่ได้ อย่างนั้น อย่างนี้ไม่ได้ เราต้องเคารพเสียงของสว.ที่จะมาปรึกษาหารือ แม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งหมดเราก็ต้องปรึกษาว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน เหมือนที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่าพรรคอื่นอาจจะเสนอร่างเข้ามาประกบ โดยต้องมีการหารือกันในประเด็นนี้ด้วย
ปธ.วิปรบ.ย้ำแก้รธน.รอคุยวิป3ฝ่าย
“เราจะไปตัดสิน 14-15ม.ค.อย่างเดียวและบังคับจะเอาไวๆก็ยาก ต้องเป็นความร่วมมือหลายฝ่าย เสียงของวุฒิสภาก็สำคัญว่า มีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ เราต้องพึ่งเขาเกือบ 70 เสียงที่โหวตให้ ขอให้ได้หารือร่วมกันในที่ประชุมวิป3 ฝ่ายในวันที่ 8 ม.ค.ก่อน”ประธานวิปรัฐบาล ย้ำ
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเหมือนวุฒิสภาโดนข้อครหาว่ามีพรรคบางพรรคหนุนหลัง นายวิสุทธิ์กล่าวว่าไม่กล่าวหาท่าน วันนี้ท่านเป็น สว.และมีการรับรองแล้ว เราไม่ไปกล่าวหาใครว่าอยู่เบื้องหลังใคร ฉะนั้น การที่ไปกล่าวหาว่าพรรคไหนไปครอบงำ สว.ไม่ใช่พวกตน การเข้าใจต้องอาศัยความร่วมมือ เจรจา ทุกอย่างต้องอาศัยความร่วมมือถึงจะแก้รัฐธรรมนูญได้จริงไม่ใช่พูดจะแก้เอาเท่ห์ๆต้องอย่างโน่นอย่างนี้ แต่แก้ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไร
พท.ตั้งใจแก้รธน.ไม่แตะหมวด1-2
“พรรคเพื่อไทยมีเจตนาเพราะเราได้สัญญาประชาคมไว้ว่า จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย แต่มีแค่หมวด 1 และ 2 ที่เราจะไม่แตะต้อง ทางพรรคชัดเจน ส่วนที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ถ้าเสนอแล้วสามารถพิจารณาร่วมกันได้และตั้งกรรมาธิการ ก็ไปว่ากัน เรามีความตั้งใจว่าถ้าแก้ก็ต้องแก้ได้จริง ประสานกันทุกฝ่ายถึงจำเร็จ หากไปตั้งธงว่าทุกคนต้องปฏิบัติตามมันจะล้มไม่เป็นท่า” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ชูศักดิ์หนุนตั้งสสร./ไม่แก้รายมาตรา
ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256ที่เตรียมจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่เพิ่มหมวดว่าด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)มาตรา 15/1ซึ่งเป็นร่างที่เราเคยนำเสนอไว้แล้วแต่ไม่ได้รับการบรรจุจึงได้มีการนำมาเสนอใหม่ เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคพท.ในการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะรับหลักการร่างของพรรคพท.อย่างเดียว หรือของพรรคประชาชน(ปชน.)ด้วยเนื่องจากอาจจะมีการพิจารณาทั้งหมด18ร่าง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะมีการพิจารณา18ร่าง ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าร่างที่มีอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นร่างรายประเด็น มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคปชน.และพรรค พท.ที่จะมีการนำเสนอด้วยแต่พรรค พท.ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมของพรรคพท.ก่อนในวันที่ 7 ธันวาคม
“หากจะมีการพิจารณาไล่ไปทุกฉบับ จะทำให้เกิดความสับสน เพราะหากคิดจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้มีสสร.มายกร่างก็ควรจะเน้นไปที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีสสร.เป็นหลักซึ่งหากในส่วนนี้ประสบความสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องไปพิจารณารายประเด็นอะไรเนื่องจากสามารถให้สสร.ไปจัดทำได้ จะเป็นประโยชน์มากกว่า และเข้าใจว่าวิป3ฝ่ายคงได้คุยกัน โดยท่าทีของเราควรมุ่งไปที่การมีสสร.คงจะดีกว่า มีประโยชน์มากกว่า”นายชูศักดิ์ ย้ำและว่า เป็นเพียงแค่ความเห็นของตน เมื่อจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และให้มีสสร.แล้วจะพิจารณารายประเด็นทำไม
เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนของพรรคพท.ในการโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เรายังไม่ได้ประชุมกันว่าจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะพิจารณากัน จะไปตอบแทนคนอื่นว่าจะรับหรือไม่รับของคนนั้นคนนี้ไม่ได้ ให้เขาว่ากันโดยเหตุและผล
โยนปธ.วิปเคาะประชุมร่วมแก้รธน.
เมื่อถามว่ามีเสียงหวั่นว่าพรรคพท.จะไม่รับร่างของพรรคปชน.นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเพียงแค่เสียง เราจะไปพูดถึงขนาดนั้นไม่ได้ รอให้มีการพิจารณาในรัฐสภาก่อน แล้วให้ว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วนจะมีการประชุมวิป 3ฝ่ายวันไหนนั้น ต้องถามนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ประธานวิปรัฐบาล แต่ตนมองว่าหากจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 แล้วควรจะเปิดโอกาสให้พรรคอื่นร่วมเสนอด้วย แต่จะทันการพิจารณาวันที่ 14 - 15 มกราคม ที่มีการกำหนดมาคร่าวๆ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะต้องไปฟังความเห็นของแต่ละฝ่ายด้วย
เมินปชน.ดักคอ พท.อาจกลับลำ
ส่วนกรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน.ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคพท.จะกลับลำในบางประเด็นจะเป็นความขัดแย้งที่คุยกันไม่ได้หรือไม่นายชูศักดิ์ กล่าวว่าตนเข้าใจนายพริษฐ์ที่ต้องการแก้ไขทั้งฉบับ แต่ก็ถูกมองว่ามีความขัดแย้งในบางประเด็นเช่น หมวด 1 หมวด 2ที่เป็นความขัดแย้งมานานแล้ว เป็นในจุดยืนที่เห็นไม่ตรงกันและทางเขาก็ยังรักษาจุดยืนของเขา ส่วนเราก็รักษาจุดยืนของเราเช่นรัฐธรรมนูญ2560มีความพยายามจะแก้และตั้งกรรมการร่วมกันแต่ข้อขัดแย้งนี้ทำให้ไม่มีการร่วมลงชื่อด้วยก็เคยมีมาแล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นจุดยืนของแต่ละพรรค ไม่ขอวิจารณ์ว่า ใครถูกใครผิด
‘ธนกร’ค้าน’ปชน.’ปมชงแก้ม.256
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาชนที่เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256และเพิ่มเติมหมวด 15/1นั้น ตนมองว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 256โดยใน (6) ของพรรคประชาชนเรื่องการออกเสียงรับหลักการวาระแรก และเสียงเห็นชอบในวาระสาม ที่กำหนดให้ใช้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ โดยเสนอให้ตัดเงื่อนไขที่ต้องใช้เสียงเห็นร่วมด้วยของ สว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ออกไป และแทนที่ด้วยเสียงเห็นชอบจากสส.ไม่น้อยกว่า2ใน3แทนนั้น ถือเป็นการริบอำนาจ หรือ ตัดทอนอำนาจของสว.ลงอย่างชัดเจนซึ่งขัดต่อเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเรื่องอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา โดย สว. หรือสภาสูง มีเพื่อช่วยกลั่นกรองกฎหมายจากสภาผู้แทนราษฎรให้เกิดความรอบคอบ ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ประเทศชาติมากที่สุด หากถูกตัดอำนาจลงไป มองว่าจะเป็นการเสียสมดุลของอำนาจทั้งสองสภาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างสองสภาอย่างแน่นอน ที่สำคัญรัฐธรรมนูญมาตรา156(15) ได้บัญญัติชัดเจนให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ต้องกระทำร่วมกันของรัฐสภา
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ ตนขอคัดค้านในการเสนอร่างแก้ไขพรรคประชาชน ได้ตัดเงื่อนไขของการนำไปออกเสียงประชามติ ก่อนการทูลเกล้าฯในมาตรา 256(8)ในกรณีเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด1บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆตามรัฐธรรมนูญ เรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจศาลหรือองค์กรอิสระนั้น
เตือนระวังถูกฟ้องม.157ผิดกราวรูด
นายธนกร ระบุว่าในฐานะสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แต่ต้องไม่แตะหมวด1และหมวด 2 ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เพราะรัฐธรรมนูญในหมวดดังกล่าวได้เขียนไว้อย่างดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปแก้ไข ส่วนการเสนอของพรรคประชาชน ที่เสนอให้ไม่ต้องจัดทำประชามติก่อนเสนอทูลเกล้าฯ นั้น มองว่า สุดท้ายจะมีปัญหาเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามมา เพราะเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 วินิจฉัย เป็นบรรทัดฐานไว้แล้วว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องจัดทำประชามติก่อนและหลังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับถึง 3 ครั้ง
“หากพรรคประชาชน ดันทุรังอาจสุ่มเสี่ยงที่ผู้เสนอร่างและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมพิจารณา เนื่องจากไม่มีการจัดทำประชามติก่อนเสนอทูลเกล้าฯอาจถูกร้องเอาผิดฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157รวมทั้งเกี่ยวโยงปัญหาสมาชิกรัฐสภาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง และอาจถูกส่งให้ ป.ป.ช.ถอดถอนด้วย เชื่อว่าจะไม่ผ่านความเห็นชอบทั้งสองสภา ไม่เอาด้วยกับกฎหมายที่สุ่มเสี่ยงแบบนี้แน่นอน ที่สำคัญพรรคร่วมรัฐบาล ย้ำจุดยืนเดิมชัดเจนมาตลอดว่า แก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1-2”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี