‘โรม’ชี้เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่เฟิร์มปล่อยตัว‘ซิงซิง’วันนี้ เชื่อเป็นไปได้ถูก‘เรียกค่าไถ่’ บี้‘นายกฯ’ เอาจริง ทำเต็มที่หน่อยอย่าให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายมากกว่านี้ ปูด‘เครือข่ายตู้ห่าว’กลับมาแล้ว ขู่จัดหนักเชือด‘ซักฟอก’ ชำแหละบาดแผลล้มเหลว เหน็บเวลาที่เหลืออย่ามัวแต่ให้‘พ่อเลี้ยง’
7 มกราคม 2568 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ซิงซิงดาราชาวจีน หายตัวไปจากชายแดนไทยเมียนมาทางแม่สอด ว่า ตนพยายามตรวจสอบแหล่งข่าวในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รัฐ ข้อมูลตรงกันว่าคอนเฟิร์มแล้วว่าถูกพาตัวไปฝั่งนั้นจริง เพียงแค่เรื่องของการระบุสถานที่ แหล่งข่าวบางส่วนก็ระบุแล้วว่าอยู่บริเวณใด เรื่องนี้พยายามเช็กอยู่ ส่วนที่มีสื่อบางที่รายงานว่าจะมีการปล่อยตัววันนี้ แต่ที่ตนเช็กมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเบื้องต้นก็ยังไม่ถึงขนาดคอนเฟิร์ม 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นวันนี้หรือไม่ แต่ต้องติดตามต่อและตนก็ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สภาฯ ได้อภิปรายและเตือนกันหลายครั้งว่าเรื่องนี้ทำลายภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยวของประเทศไทย ต้องยอมรับว่าก่อนมีกรณีของดาราชาวจีน ก็มีกรณีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ถูกพาตัวข้ามไปทำงานและเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาเป็นเวลานาน มีคนนับแสนคนที่อยู่ที่นั่น จำนวนมากถูกบังคับเป็นแรงงานทาสให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้น หากเราไม่ทำอะไรภาพลักษณ์ประเทศไทยก็จะเสียหายไปเรื่อยๆ ว่าไทยเป็นทางผ่านเกือบทั้งหมดของคนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ จะต้องเดินทางผ่านประเทศไทย
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวได้รับการติดต่อมาจากสถานทูตหลายแห่ง เพื่อขอให้ช่วยเหลือคนของประเทศเขาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ทำสำเร็จไปด้วยความยากลำบาก แต่ต้องขอบคุณกองทัพบกที่สามารถช่วยเหลือคนโมร็อกกัน และมีอีกหลายชาติที่ติดต่อมาทั้งเคนย่า ศรีลังกา และอีกหลายประเทศ ดังนั้น กรณีของดาราชาวจีนไม่ใช่กรณีแรก แต่ควรเป็นบทเรียนได้แล้วที่ประเทศเราต้องเอาจริงเอาจัง
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นในส่วนกมธ.ความมั่นคงฯ เรานัดพิจารณาเรื่องการค้ามนุษย์แนวชายแดน โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในวันที่ 9 มกราคม หวังว่าจะมีความคืบหน้าและจะนำเรื่องนี้หารือกับกองทัพรวมถึงฝ่ายที่มีอำนาจหน้าที่ หาวิธีการที่จะช่วยเหลือ แต่ต้องยืนยันว่าวิธีการที่เรากำลังจะทำในวันที่ 9 มกราคมนี้ เราช่วยออกมาอย่างเต็มที่หน่อย อาจจะแค่หลักร้อยแต่ตัวเลขที่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์อาจจะหลักแสน ดังนั้น สิ่งที่เราต้องการคือระบบและการเอาจริงของรัฐบาล วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของต่างประเทศ ประเทศไทยจะไปทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เราไม่ควรปฏิเสธอีกต่อไป ประเทศไทยต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า กรณีของซิงซิงการข่าวระบุชัดแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นการเรียกค่าไถ่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข้อมูลตรงนั้น แต่เชื่อว่าก็เป็นไปได้ในเรื่องของค่าไถ่ เพราะปกติแล้วมันจะมีเอเย่นต์ เมื่อล่อลวงและได้คนมาแล้ว เขาส่งก็จะได้เงิน ฉะนั้น ทุกคนมีค่าตัวและมีต้นทุน ดังนั้น หากอยู่ๆ คนเหล่านี้จะกลับก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะเป็นอะไร ก็อาจจะเป็นค่าไถ่ได้ เนื่องจากเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า เรื่องการปราบปรามมาเฟียชาวจีนมองว่าฝ่ายความมั่นคงทำงานช้าไปหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมาเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตู้ห่าวที่ได้ข่าวว่ากลับมาอีกแล้ว แต่จริงเท็จอย่างไรก็ฝากหน่วยงานบ้านเมืองไปตรวจสอบ พอได้ข่าวว่าเครือข่ายตู้ห่าวกลับมาและพร้อมปฏิบัติการแล้ว ขอให้ลองไปดูที่สนามบินแม่สอดว่าคนส่วนใหญ่เป็นชาติไหน เรื่องนี้ทำกันอย่างโจ่งครึ่ม แต่เวลาที่หน่วยงานความมั่นคงจะจัดการกลับต้องรอให้เป็นข่าวก่อน ดังนั้น สิ่งที่เป็นโจทย์ให้รัฐบาลคือต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไร วันนี้ชายแดนของเราอ่อนแอมาก สิ่งดำๆ เทาๆ ทั้งหลาย ถึงเวลาที่เราต้องทำมาตรการทั้งหลายดำเนินการได้แล้ว ตนมองว่าหากปัญหาเรื่องการฟรีวีซ่า เปิดให้ชาวจีนสามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร หากเป็นปัญหา ตนคิดว่าหากกำหนดพื้นที่พิเศษอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนเช่นเดียวกัน
“พูดมาถึงตรงนี้ ผมไม่เห็นคุณอุ๊งอิ๊งค์ (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) พูดอะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมเห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดเรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้จะเอาอย่างไร เพราะผมก็ฟังนโยบายและทิศทางต่างๆ จากนายทักษิณ หวังว่ามันจะเอาจริงเอาจังกันซะเสียที พูดมาหลายรอบแล้วเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาการหลอกลวงทั้งเงินและค้ามนุษย์ ผมว่ารัฐบาลนี้ควรทำให้ได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะนำไปสู่การอภิปรายหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังมีเวลาเตรียมการ เพราะเราไม่ไว้ใจรัฐบาลให้เป็นรัฐบาล ดังนั้น ยิ่งรัฐบาลล้มเหลวในเรื่องต่างๆ มากเท่าไหร่ เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นโอกาสสนับสนุนให้ฝ่ายค้านในการโหวตไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมปัญหา บาดแผล ความล้มเหลวทั้งหมด ดังนั้น ทุกเรื่องมีความเป็นไปได้หมด และยืนยันว่า การซักฟอกครั้งนี้เราเต็มที่อย่างแน่นอน เรามีเท่าไหร่ใส่จนหมด และระหว่างที่การซักฟอกยังมาไม่ถึง เราอยากเห็นรัฐบาลใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์ ในการช่วยเหลือคนเหล่านี้ ใช้อำนาจที่ตัวเองมีในการทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไป ไม่ใช่มัวแต่มาตีกัน กัดกัน ขวางกัน ไม่ใช่มัวแต่มาให้พ่อเลี้ยง อย่าปล่อยให้เวลาการเป็นรัฐบาลตอนนี้เสียไป อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังไปมากกว่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี