(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

อำนาจสั่งดำเนินการลงโทษทางวินัยหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้เป็นไปตามหมวดนี้ได้ เว้นแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นจะออกจากราชการเพราะตาย ดังนั้นผู้บังคับบัญชาจึงไม่มีอำนาจสั่งดำเนินการลงโทษแก่ข้าราชการผู้นี้ เพราะผู้นี้ได้ออกจากราชการเพราะตายไปแล้วและเมื่อผู้นี้ยังไม่เป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัย กรณีจึงไม่เป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา60 พรรษา พ.ศ.2530 ต่อไป (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่ นร 0711/351 ลงวันที่7 มีนาคม 2531)

(7) กรมควบคุมโรคติดต่อได้หารือปัญหามายังสำนักงานก.พ.ความว่าศูนย์กามโรคเขตฯ ได้มีคำสั่งลงวันที่ 5 ตุลาคม 2580 ลงโทษภาคทัณฑ์เจ้าหน้าที่พยาบาล 4 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงานการเงินและบัญชีของหน่วยงาน กรณีส่งหลักฐานบัญชีเงินสดไม่เป็นปัจจุบันใช้ใบเสร็จรับเงินไม่เรียงลำดับก่อนหลัง เปลี่ยนแปลงวันที่ในใบเสร็จรับเงินและโอนเงินบำรุงเข้าธนาคารไม่ถูกต้องตรงตามยอดเงินที่ได้รับแต่ละวันทำให้เงินขาดบัญชีจำนวน 42,770 บาท แต่ข้าราชการรายนี้ได้ส่งคืนเงินให้แก่ทางราชการครบถ้วนแล้ว โดยศูนย์กามโรคเขตฯ ได้รายงานการลงโทษมายังส่วนราชการต้นสังกัด ซึ่งกรมเจ้าสังกัดพิจารณาแล้วเห็นว่า การสั่งลงโทษของศูนย์กามโรคเขตฯ ยังไม่ชอบเพราะพฤติการณ์ของผู้นี้เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและอาจเป็นความผิดทางอาญาด้วยแต่โดยที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 จึงหารือว่า ในกรณีดังกล่าว กรมควบคุมโรคติดต่อจะดำเนินการทางวินัยแก่ผู้นี้ได้อีกหรือไม่ นั้น

สำนักงานก.พ.พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 บัญญัติว่า “ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม2530 และได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปก่อนหรือในวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิเคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆ”

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)