โรงพยาบาลตำรวจ ยอมส่งเอกสารข้อมูลรักษา“เทวดาแม้ว”ชั้น 14ให้แพทยสภา ขณะที่ อนุกรรมการสอบสวนฯนัดประชุมทันที16 มกราคม แย้มเป็นเอกสารลับ ต้องดูให้ครบ ยังไม่รู้ว่า มีการแนบเวชระเบียนมาด้วยหรือไม่
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ แพทยสภาที่สอบสวนจรรยาบรรณแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรณีรักษาอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร ที่นอนรพ.ตำรวจหกเดือน เปิดเผยว่า ได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการฯในวันพฤหัสบดีนี้ 16 ม.ค. เพื่อวางแนวทางการสอบสวนเรื่องดังกล่าว หลังจากครบกำหนดที่คณะอนุกรรมการส่งหนังสือถึงแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจให้ส่งเอกสารการรักษาตัวนายทักษิณมาให้คณะอนุกรรมการทั้งหมดภายในวันนี้ 15 มกราคม
“ ซึ่งเบื้องต้นก็ทราบมาว่า ได้มีการทยอยส่งมาให้บ้างแล้ว แต่จะส่งมาครบตามที่ขอให้รพ.ตำรวจส่งมาให้ทั้งหมดหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบในที่ประชุมก่อนว่าส่งมาครบหรือไม่ครบอย่างไร ตอนนี้จึงยังตอบไม่ได้ว่าส่งมาให้ครบหรือไม่ครบ ขอตรวจสอบในที่ประชุมอนุกรรมการก่อน”นพ.อมร ระบุ พร้อมย้ำว่า การสอบสวนของอนุกรรมการฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งหากรพ.ตำรวจส่งเอกสารมาครบ การตรวจสอบก็ใช้เวลาไม่นาน โดยหากมีประเด็นที่อนุกรรมการสอบสวนติดใจสงสัย ก็อาจต้องเรียกแพทย์รพ.ตำรวจแต่ละคนที่เกี่ยวข้องมาสอบถามต่อไป ที่ก็พยายามให้เสร็จภายในไม่เกินเดือนมีนาคมนี้
“ก็ได้ข่าวว่ารพ.ตำรวจส่งเอกสารมาให้บ้างแล้ว แต่ต้องขอตรวจสอบก่อนวันพรุ่งนี้ รอดูให้ชัดเจนก่อน เอาให้มันชัดๆ จะๆ เลย เราก็มีการเตรียมการไว้แล้วว่าจะพิจารณาอะไรกันบ้าง อนุกรรมการจะทำงานให้เร็ว ไม่อยากให้เสียเวลา หากเอกสารมาครบถ้วน เราก็จะดูว่าจะสามารถวินิจฉัยได้หรือยัง ต้องดูตามเอกสารข้อมูลที่ส่งมา โดยหากอนุกรรมการพิจารณาและทำความเห็นเสร็จ เราก็ส่งให้แพทยสภาชุดใหม่ ที่เลือกตั้งกันวันนี้ 15 มกราคม เป็นผู้พิจารณาว่าจะเห็นด้วยกับอนุกรรมการหรือไม่ การตรวจสอบช้าหรือเร็วอยู่ที่เอกสารมาครบหรือไม่ อนุกรรมการก็อยากเร่งแต่ต้องทำให้รอบคอบ ถูกต้อง การตรวจสอบจบเร็วก็ดี มีนาคมก็อยากให้จบ ผมก็อยากให้จบเร็ว ไม่อยากให้ช้า ส่วนที่สังคมจับตามองการทำงานของอนุกรรมการ ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ยืนยันจะทำให้ถูกต้อง ยุติธรรม ตามเอกสารหลักฐาน ตามกฎเกณฑ์”นพ.อมรระบุ
เมื่อถามว่า อนุกรรมการจะต้องเรียกหมอรพ.ตำรวจมาชี้แจงหรือไม่ นพ.อมร กล่าวว่า ก็อาจจะต้องเรียกมาชี้แจง ถ้าตรงไหนไม่ชัดเจน เห็นเอกสารแล้วไม่ชัดเจน ก็ต้องเชิญเขามา ให้เขาพูดชี้แจงได้เต็มที่ ก็เหมือนกับศาล ก็ถามกันได้เต็มที่ แต่ขั้นตอนนี้ก็อยู่ในกฎระเบียบการสอบสวนของแพทยสภาอยู่แล้ว คือเรียกเอกสาร และเรียกมาชี้แจงเพิ่มเติมได้ อนุกรรมการก็จะดำเนินการให้ครบถ้วน ทำให้ดีที่สุด
อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภาในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ที่ตั้งโดยมติที่ประชุมแพทยสภาฯ ได้ทำหนังสือของแพทยสภา ลงวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ถึง แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมสามหน้ากระดาษ มีใจความโดยสรุปว่าคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเฉพาะกิจตั้งขึ้นตามมติของกรรมการแพทยสภาฯ เมื่อ 10 ต.ค. 2567 ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พรบ.วิชาชีพเวชกรรมพ.ศ. 2525 เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าวที่เกิดจาก กรณีมีการย้ายผู้ป่วยจากรพ.ราชทัณฑ์มาที่รพ.ตำรวจ จึงขอข้อมูลเพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวน อันเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม คณะอนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจ จึงขอให้ท่าน(แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งพยานหลักฐานหรือวัตถุพยานเพื่อประโยชน์การแก่การพิจารณาจริยธรรม ดังนี้
1.คำชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาพยาบาล ของผู้ป่วยชาย นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดโดยละเอียด 2.ขอทราบ ชื่อ สกุลแพทย์ทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย นายทักษิณ ชินวัตร รวมถึงเลขใบประกอบวิชาชีพรวมถึงคำชี้แจงของบุคคลในข้อ 2 เกี่ยวกับกระบวนการตรวจ การวินิจฉัย การดูแลรักษาในรายผู้ป่วย นายทักษิณ ชินวัตรโดยละเอียด
ที่น่าสนใจหนังสือดังกล่า วยังระบุอีกว่า เนื่องจากนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังที่ส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่าสามสิบวันและหกสิบวัน -หกสิบวันและหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามลำดับ ตามที่กำหนดในข้อ 7 ของกฎกระทรวง(กระทรวงยุติธรรม) การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ที่กำหนดให้ผู้บัญชาการเรือนจำ มีหนังสือขอความเห็นจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา และหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวง(ยุติธรรม)และรัฐมนตรีว่าการกระรทวงยุติธรรม ทราบ (ตามลำดับ) ดังนั้นจึงขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ที่ก็คือ การขอความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตอนที่แพทย์ทำรายงานสามครั้ง คือถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์-ปลัดกระทรวงยุติธรรมและรมว.ยุติธรรม ในช่วงครบ 30 วัน 60 วันและ 120 วันตามลำดับ โดยให้ส่งรวมมาให้อนุกรรมการฯทั้งหมด
นอกจากนี้ อนุกรรมการสอบสวน ของแพทยสภา ยังขอให้ส่งสำเนาใบส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาต่อ สำเนาเวชระเบียน สำนาบันทึกการผ่าตัด สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก สำเนาบันทึกการพยาบาล สำเนารายงานทางการแพทย์ และเอกสารหรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล เช่นภาพถ่ายทางรังสีวินิจฉัย ผลการตรวจทางรังสี ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือเอกสารใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร โดยให้ระบุหมายเลขหน้าเอกสาร และให้เจ้าหน้าที่ลงนามรับรองเอกสารทุกหน้าด้วย
“ขอตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566ที่ผู้ป่วยถูกส่งต่อการรักษาไปที่ รพ.ตำรวจ จนกระทั่งผู้ป่วยถูกจำหน่ายออกจากรพ. ตำรวจ ซึ่งถือว่าเกี่ยวข้องกับการพิจารณาจริยธรรมในครั้งนี้ โดยขอให้ท่านทำคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานที่สนับสนุนคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรตามประเด็นข้างต้น โดยให้ส่งมาให้คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจภายใน วันที่ 15 มกราคม 2568 “เอกสารสำคัญของแพทยสภาดังกล่าวระบุ
วันเดียวกัน ที่บริเวณด้านหน้าอาคารมหิตลาธิเบศร ซอยสาธารณสุข 8 กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ดร.ใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ศปปส.รวมตัว ยื่นหนังสือและให้กำลังใจแพทยสภาในการเฝ้ารอเวชระเบียน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้าย ของทางแพทยสภาที่ได้ขอข้อมูลการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ตลอด 6 เดือน โดยมีผู้แทนฝ่ายกฎหมายของแพทยสภาเป็นผู้รับมอบหนังสือ เรื่อง ขอให้ยึดมั่นในจรรยาบรรณแพทย์
ด้านผู้แทนฝ่ายกฎหมายแพทยสภา กล่าวว่าขอบคุณกำลังใจที่มาวันนี้พร้อมตั้งข้อสังเกตการทำงาน ซึ่งตนจะนำเรื่องส่งถึงผู้บริหารต่อไป ขอยืนยันว่า แพทยสภาเป็นองค์กรตามพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม กรรมการแพทย สภามาจากการเลือกตั้งของสมาชิก ไม่ได้ขึ้นตรงกับกระทรวงสาธารณสุข จึงยืนยันว่าไม่ได้มีการเมืองแทรกแซง ส่วนเอกสารการรักษาของนายทักษิณ ที่มีการขอไปที่รพ.ตำรวจนั้นยังต้องรอจนถึงตอนเย็นวันนี้ ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น เป็นหน้าที่ของอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมา รายละเอียดยังเป็นความลับ สุดท้ายแล้ว หากในวันนี้ยังไม่มีการส่งเอกสารมาให้ตามที่มีการเรียกไป ทางอนุกรรมการก็พิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่ หากเห็นว่าครบถ้วนก็ตัดสินได้เลย กับอีกทางหนึ่งหากมีการเชิญบุคคลก็ได้ เป็นไปตามดุลพินิจของอนุกรรมการฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี