"สภาฯ"ชง"กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ" ศึกษาแผนสางปัญหา"แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์" ด้าน"กัณวีร์"เปิดคลิปเป็นอุทาหรณ์เหยื่อถูกช็อตไฟฟ้าทรมาน ยกสาเหตุหนึ่งมาจากนโยบายฟรีวีซ่า จนไทยกลายเป็นทางผ่าน ขณะที่"โรม"ลั่นต้องปราบให้ถึงโคน ชี้บางพื้นที่เติบโต ส่อมี จนท.รัฐ ร่วมเอี่ยว ส่วน"รักชนก"เย้ย"นายกฯ"ถูกหลอกให้บริจาคเงิน จี้โชว์ฝีมือ อย่ามาแค่ฝึกงาน
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา 3 ญัตติ ซึ่งขอให้สภาฯ ศึกษากลไกการป้องกัน ปราบปราบ และแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า และการหลอกลวงชาวไทยและต่างชาติไปทำงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเสนอโดย สส.พรรคเป็นธรรม พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ สส.นั้นสนับสนุนให้สภาฯ ศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อเสนอต่อรัฐบาลให้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง ผ่านคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
โดย นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายว่า การค้ามนุษย์ กาสิโน คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจสีดำที่อยู่บริเวณรอบชายแดนไทย ที่ไทยได้รับผลกระทบเต็มๆ จากกระบวนการมาเฟียระดับโลก โดยได้นำคลิปวิดีโอเหยื่อกระบวนการค้ามนุษย์ ในประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกช็อตด้วยไฟฟ้าและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด พร้อมเปิดคลิปวิดีโอญาติของเหยื่อที่ร้องขอความช่วยเหลือ มาเปิดในที่ประชุมสภาฯ เพื่อชี้เห็นปัญหาการค้ามนุษย์ พร้อมอ้างอิงข้อมูลว่าประเทศไทยเป็นทางผ่านกระบวนการค้ามนุษย์กว่า 25 สัญชาติที่เข้ามา และในช่วงมีนโยบายฟรีวีซ่าที่สามารถเข้าประเทศไทยได้สะดวกกว่า 90 ประเทศ ที่สามารถอยู่ได้นานถึง 90 วัน มองว่าเป็นช่องว่างของกระบวนการค้ามนุษย์ที่นำพานำคนเข้ามาในประเทศไทยและพาไปยังบริเวณชายแดนของไทย ทั้งชายแดนทางเมียนมา กัมพูชา ลาวที่สามารถข้ามแดนได้โดยไม่ผ่านจุดตรวจผ่านแดน และถามถึงมาตรการต่างๆ ในการตรวจค้นข้ามแดนเข้มงวดเพียงพอหรือไม่ที่ต้องมีการศึกษา
"ขบวนการนำพาใส่เขี้ยวเล็บกลายเป็นขบวนการค้ามนุษย์ บังคับคนให้ตามโควตาที่เขาต้องการว่าแต่ละเดือนต้องทำงานได้เท่าไหร่ ต้องหลอกเงินคนให้ได้กี่ยูเอสดอลล่าร์ ที่ได้ยินมาเมื่อวานนี้แต่ละคนต้องทำได้ 20,000 ยูเอสดอลลาร์ หรือประมาณ 600,000 กว่าบาท ถ้าไม่ได้จะถูกทำร้าย ถ้าไม่ได้ช่วงแรกให้ทำงานเพิ่มขึ้นวันละ 20 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะถูกทำร้ายตามคลิปที่ได้โชว์ไป" นายกัณวีร์ กล่าว
นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า มีข้อมูลถึงรายชื่อคน รูปภาพ พิกัดกลุ่มขบวนการสีดำฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีความร่วมมือจากหลายส่วน รัฐต่อรัฐ หรือรัฐต่อที่ไม่ใช่รัฐ เพราะชายแดนยังมีกองกำลังต่างๆ และพวกขบวนการค้ามนุษย์ธุรกิจสีดำใช้ช่องว่างจ่ายเงินใช้พื้นที่ต่างๆที่รัฐเข้าไม่ถึง ดังนั้นการช่วยเหลือเหยื่อจึงเป็นสิ่งที่ยาก และยังอ้างอิงถึงข้อมูลว่าคนไทยตกอยู่ในกระบวนการค้ามนุษย์ในประเทศเพื่อนบ้านกว่า 20,000 คน ดังนั้น จะต้องมีการศึกษาและควบคุมว่ากฎหมายที่มีอยู่ พระราชบัญญัติป้องกันการค้ามนุษย์ที่มีอยู่เพียงพอหรือไม่ โดยยังไม่มีมาตรการเชิงรุกป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงขอเสนอให้ส่งเรื่องนี้ไปยังกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐในการพิจารณาศึกษากลไกการดูแลแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันขบวนการนำพาและค้ามนุษย์
ด้าน น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ระบุ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้บริจาคเงินให้ประเทศหนึ่ง ว่า เป็นเรื่องน่าขำที่นายกฯ เล่าให้ฟัง และบอกว่าเกือบจะเชื่อแล้ว ทั้งนี้ ประชาชนไม่ต้องการรู้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นหลอกเก่งอย่างไร หรือนายกฯ โดยหลอกอย่างไร แต่ประชาชนอยากรู้และต้องการเห็นวิธีการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน และเป็นเรื่องที่เหนือกว่ารองนายกฯ จะทำได้ จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ลงมาแก้ปัญหา
"นายกฯ ต้องเพิ่มอัตราการเรียนรู้ได้แล้ว อย่าให้คนในประเทศเข้าใจว่า มาฝึกงาน ดังนั้นต้องแสดงความเป็นตัวจริงและแก้ปัญหาเรื่องดังกลาวให้สำเร็จในยุคสมัยของท่าน" น.ส.รักชนก อภิปราย
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ อภิปรายปิดญัตติในช่วงท้ายการประชุมตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอรร์ที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันพบว่ามีจุดที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่หลายที่ เช่น สามเหลี่ยมทองคำ เมียวดี กัมพูชา ซึ่งถือว่าอยู่รอบประเทศไทย และมีความพยายามของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาตั้งในประเทศไทยด้วย โดยพื้นที่ชายแดน จ.ตาก พบว่ามีจุดตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 34 จุด ทั้งนี้ มีจุดน่าสงสัย 10 จุด ที่เชื่อว่ามีหน่วยงานความมั่นคงเกี่ยวข้อง
นายรังสิมันต์ อภิปรายด้วยว่า ประเด็นที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์รอบประเทศไทยเติบโต เพราะมีการขายไฟฟ้าจากประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ที่ จ.ตาก พบว่ามีนอมินี คือ บริษัทของชนกลุ่มน้อยเข้ามาซื้อไฟจากไทย ซึ่งตนขอตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกปล่อยให้ทุนเทามาเช่าพื้นที่ ดังนั้น การซื้อไฟส่วนใหญ่จะเข้าไปสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ดี มีบางพื้นที่ที่ตัดการขายไฟ แต่ยังพบเสาไฟติดตั้งอยู่ ตนทราบเหตุผลที่ยังมีเสาไฟจากหน่วยงานว่าเผื่ออนาคตจะขายไฟได้อีก
"ผมเชื่อว่า ครม.ไม่นิ่งนอนใจ แต่หากจะพยายามปราบปรามให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือ และต้องตัดลมใต้ปีกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศไทย อย่างไรก็ดี ในการลงพื้นที่ของ กมธ.มั่นคง ได้เป็นประจักษ์พยานว่าไทยเป็นฝ่ายสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่ามีรถขนปูนข้ามผ่านช่องแคบไปในพื้นที่ก่อสร้างของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบริเวณท่าข้ามดังกล่าวมีฝ่ายความมั่นคงของไทย ทหารไทยดูแลด้วย" นายรังสิมันต์ อภิปราย
นายรังสิมันต์ อภิปรายด้วยว่า ตนได้เปิดข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจน ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปลูกสร้างโดยคนไทยและประเทศไทย ที่มีบางกลุ่มได้ประโยชน์ ทั้งนี้หน่วยงานของรัฐไม่ต้องรอให้กมธ.หรือสภาฯ พูดซ้ำ ควรเป็นวาระแห่งชาติ ทุ่มกำลังปราบปราม มาตรการบัญชีม้า ซิมม้า อย่างเดียวไม่พอ ต้องปราบปรามถึงรากถึงโคน คือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต คอรัปชั่น เพื่อช่วยคนอีก 6,000 คนที่ถูกหลอก ทั้งนี้ผมยินดีที่จะส่งให้กมธ.มั่นคงพิจารณา แต่คิดว่าต้องช่วยกัน จาก สส.และฝั่งรัฐบาล ร่วมมือปราบปราบภัยคุกคามจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภาฯ ได้เห็นด้วยกับการศึกษาเรื่องดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหา ผ่าน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ โดยกำหนดระยะเวลาศึกษา 90 วัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี