‘อนุทิน’วอนอย่าโยงการเมืองที่ดินอัลไพน์
‘ชาดา’เซ็นจริง
ให้กรมที่ดินปฏิบัติตามก.ม.
แต่รองปลัดมท.มีอำนาจอนุมัติ
แจงหากมีการสั่งเพิกถอนจริง
ต้องชดใช้เงินตามมูลค่าปัจจุบัน
“มท.1” อนุทิน ยอมรับ “ชาดา” เซ็นปม“อัลไพน์” ให้ยึดกฎหมายเคร่งครัดก่อนพ้น“รมช.มหาดไทย”จริงย้ำชัดอำนาจเพิกถอนเป็นของ“รองปลัดมท.”แย้มทางออกมีไม่มาก-ดุลพินิจถูกล็อกโดยแนวทาง “กฤษฎีกา” ต้องคืน‘ธรณีสงฆ์’ระบุ‘กรมที่ดิน’งานหนักหน่อย หากเพิกถอนจริง เตรียมเงินชดใช้ตามมูลค่าปัจจุบัน วอนอย่าโยงการเมืองพรรคร่วมฯแลกหมัด‘ภท.-พท.’ด้าน‘กรมที่ดิน’ตั้งป้อมรอ-พร้อมเพิกถอน‘ที่ดินอัลไพน์’หากมท.มีคำสั่งมา ขณะ‘อิ๊งค์’ย้อนสื่อ‘สังเกตไหมล่ะ’หลังที่อัลไพน์เป็นประเด็นอีกรอบนายกฯพร้อมคณะบินลง3จังหวัดชายแดนใต้ยกเลิกไป’ปัตตานี’หลังฝนตกหนัก เมื่อถึงนราธิวาสเปิดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ฯชาวนราฯรอรับแน่นอบอุ่นประชุมเร่งรัดติดตามความคืบหน้าพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อเวลา12.25น.วันที่ 16 มกราคม 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย เซ็นคำสั่งเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับคืนเป็นที่ธรณีสงฆ์ ก่อนพ้นจากตำแหน่งรมช.มหาดไทย
มท.1ย้ำอำนาจเพิกถอน‘รองปลัดมท.’
นายอนุทินยอมรับว่านายชาดาได้เซ็นให้กรมที่ดินปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดและได้ลงนามก่อนพ้นตำแหน่งแต่นายชาดาไม่มีอำนาจในการเพิกถอน เพราะเป็นอำนาจของนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยจะต้องพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายที่ไม่ใช่เฉพาะคดีอัลไพน์ รวมถึงคดีที่ดินเขากระโดงด้วย
“ขณะนี้เรื่องของการเพิกถอนอยู่ระหว่างกระบวนการซึ่งมาถึงจุดที่เป็นดุลยพินิจของนาบชำนาญวิทย์แล้ว และหากไม่ดำเนินการก็จะผิดตามมาตรา157ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และรองปลัดฯก็มีเวลาถึงเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ เชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย”นายอนุทินกล่าว
ทางออกมีไม่มาก/ต้องคืน‘ธรณีสงฆ์’
รมว.มหาดไทยระบุว่า“ไม่มีทางออกสักเท่าไหร่เพราะดุลยพินิจถูกล็อคมาตามแนวทางของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่จะต้องเพิกถอนกรรมสิทธิ์ ด้วยการออกเอกสารสิทธิ์ของที่ดินอัลไพน์เป็นโมฆะและที่ดินกลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์”
เมื่อถามว่าอำนาจการเพิกถอนที่ดินดังกล่าวสิ้นสุดที่รองปลัดแล้วใช่หรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า อุทธรณ์อีกคงไม่มี สมมุติว่ารองปลัดฯให้เพิกถอนที่ดิน ส่วนผู้เสียหาย ที่ไม่พอใจก็ให้ไปร้องต่อศาลเป็นรายบุคคลไป
ชี้กรมที่ดินงานหนักหากเพิกถอนจริง
เมื่อถามว่าหากมีการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ กรมที่ดิน จะต้องเยียวยาผู้ถือครองโดยสุจริตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าตรงนั้นก็ว่ากันไป กรมที่ดินก็หนักหน่อยเพราะเป็นผู้เก็บค่าธรรมเนียมและออกโฉนดให้แก่ประชาชน หากเกิดอะไรขึ้น กรมที่ดินจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนใครจะถูกจะผิดก็ต้องไปไล่เบี้ยกันซึ่งตนเคยให้นโยบายกรมที่ดินไปแล้ว
เตรียมเงินชดใช้ตามมูลค่าปัจจุบัน
เมื่อถามย้ำว่าหากเพิกถอนที่ดิน ผู้ถือครองโดยสุจริตจะต้องชดใช้ตามการประเมินมูลค่าที่ดินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวยอมรับว่า”ใช่”เมื่อถามว่ากรมที่ดินมีการประเมินราคาที่ดินอัลไพน์หรือไม่หากต้องชดใช้ นายอนุทิน กล่าวว่าตนก็ประเมินได้ ตอนนี้ไร่เป็นล้านอยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่เป็นพื้นที่ชนบท ที่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่เมืองทั้งหมดแล้วก็ต้องไปฟ้องกัน
ขออย่าโยงการเมืองภท.กับพท.
เมื่อถามว่าประเด็นที่ดินอัลไพน์ ถือเป็นการแลกกันคนละหมัด ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการดำเนินการเรื่องที่ดินเขากระโดง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเลยเรื่องพวกนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ถ้าตนไปสั่ง รองปลัดฯเมื่อไหร่ แล้วรองปลัดฯไปพูดต่อ ตนตายเลย เพราะมันเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของ รองปลัดฯ และอำนาจของรัฐมนตรีก็ไม่มีสิทธิ์ไปยับยั้ง จะบอกว่าที่แล้วมาก็แล้วไปไม่ได้ซึ่งเรื่องเขากระโดงกับเรื่องอัลไพน์ หน่วยงานที่รับผิดชอบก็คล้ายๆกัน มีการออกเอกสารสิทธิ์ แต่วันดีคืนดีก็มีคำสั่งศาลมาเพิกถอน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ
เมื่อถามย้ำว่าเรื่องดังกล่าวไม่เชื่อม โยงกับการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า”ยืนยันว่าไม่ใช่เลย การไปโยงกับการเมืองทำให้คนมีอารมณ์ร่วมเปล่าๆถึงตนไม่ใช่รมว.มหาดไทย เรื่องนี้รองปลัดฯก็ต้องดำเนินการ”
ยันใครทำเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่าการพิจารณาเพิกถอนที่ดินอัลไพน์จะต้องชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เคยชี้แจงแล้วเพราะเป็นเอกสารสิทธิ์ที่หน่วยงานรัฐออกให้มีตราครุฑอยู่บนหัวโฉนด ถ้าจะไปยกเลิกก็เปรียบ เหมือนเวลาเราเซ็นเช็คไปให้คน หากมีปัญหาขึ้นมา ผู้ที่เซ็นเช็คก็ต้องชดใช้ใช่หรือไม่ เรื่องนี้ก็เหมือนกันซึ่งที่ตนกล้าพูดเพราะอธิบดีกรมที่ดินคนปัจจุบันไม่เกี่ยวข้อง เพราะเรื่องเกิดขึ้นสมัยเขาอยู่ซี3-ซี4 เองซึ่งใครทำเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบ
ย้ำให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าหากไปเพิกถอนที่ดินของครอบครัวนายกรัฐมนตรี กรมที่ดินมีเงินเพียงพอเยียวยาหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า”ก็เงินรัฐบาลไทย เขากระโดงก็เหมือนกันนะมาเย๊วเย๊วกัน ต้องเพิกถอน ต้องยกเลิก และถ้าเขามีโฉนดถูกต้องก็ต้องเอาเงินไปเยียวยาเขา ในมูลค่าปัจจุบันซึ่งตนไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น ซึ่งเดี๋ยวเราต้องขอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปพวกเราไม่เกี่ยว แต่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะอย่าลืมว่าหากประชาชนทั่วไป ไม่สามารถเชื่อถือเอกสารของรัฐได้แล้ว ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ดังนั้นคนที่ออกเอกสารสิทธิ์อะไรไปก็ต้องรับผิดชอบ”
‘กรมที่ดิน’ตั้งป้อมพร้อมเพิกถอน
ขณะที่ กรมที่ดินกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้งโดยระบุว่าตามที่ปรากฏข่าวสารแก่สื่อมวลชนเรื่องการเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เดิมของนายยงยุทธวิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยกรณีที่ดินอัลไพน์ โดยเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาลที่ได้มีคำวินิจฉัยว่า ที่ดินดังกล่าวตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการเพิกถอนคำสั่งเดิม
“เพื่อให้คำสั่งกรมที่ดินกลับมามีผลในการเพิกถอน การโอนที่ดินระหว่างมูลนิธิมหามงกุฎฯกับเอกชนซึ่งในเรื่องนี้กรมที่ดินได้มีการติดตามผลการดำเนินการพิจารณาวินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยอยู่เป็นประจำทุกเดือนพร้อมทั้งได้มีหนังสือรายงานข้อมูลผู้ถือกรรมสิทธ์ที่ดิน ราคาประเมินทุนทรัพย์และราคาตลาด ตลอดจนข้อมูลอื่นๆที่เป็นประโยชน์ให้กระทรวงมหาดไทยทราบเป็นประจำทุกเดือนโดยหากเมื่อกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (นางยงยุทธวิชัยดิษฐ) และได้แจ้งมายังกรมที่ดินกรมที่ดินก็พร้อมที่ปฏิบัติตามกฎหมายในส่วนที่กรมที่ดินต้องรับผิดชอบทันที โดยการเพิกถอนรายงานการจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินของนางเนื่อมชำนาญชาติศักดา”
นายกฯย้อนสื่อ‘สังเกตไหมล่ะ’
ช่วงเช้า ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ในระหว่างก่อนเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้หลังสื่อถามตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าทำไมกรณีที่ดินอัลไพน์ถึงถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงนี้ทั้งที่เคยเคลียร์ไปแล้ว โดยนายกฯยิ้มก่อนย้อนถามสื่อว่า“สังเกตไหมล่ะ”
‘อิ๊งค์’นำคณะลง3จว.ชายแดนใต้
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 10.00 น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ,พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมพล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.พร้อมคณะในการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นราธิวาสยะลาและปัตตานี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯเพื่อไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส
ยกเลิกไป’ปัตตานี’ฝนตกหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างเดินทาง นายกรัฐมนตรี ได้นั่งประชุมบนเครื่องบินร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว.คมนาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่3จังหวัดชายแดนใต้
ช่วงหนึ่งนายกฯได้สอบถามกำหนดการการลงพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้คือจ.นราธิวาส ยะลา และปัตตานี พ.ต.อ.ทวีรายงานว่าในพื้นที่ จ.ปัตตานีติดขัดเรื่องอุปสรรคของสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจึงทำให้ต้องยกเลิกการลงพื้นที่จ.ปัตตานี เนื่องจากไม่สะดวกในการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จึงเดินทางไปเพียงแค่จ.นราธิวาสและจ.ยะลา
นายกฯซ้อมพูด‘ภาษามลายู’
นอกจากนี้นายกฯยังได้สอบถามถึงความถูกต้องและเหมาะสมของคำพูดทักทายประชาชน เป็นภาษามลายูจากพ.ต.อ.ทวี โดยเฉพาะคำว่า“อัสซะลามุอะลัยกุม”ที่แปลว่า “ขอให้ความสันติสุขจงมีแด่ท่าน”เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจในการพบปะประชาชนในพื้นที่ ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้นายกฯได้ฝึกซ้อมเบื้องต้นมาบ้างแล้ว
สวมสูทชมพู‘ลายนรารวมใจ’
เวลา 11.25น.นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส โดยนายกฯสวมเสื้อสูทสีชมพูบานเย็น หวานฉ่ำ ลายผ้า‘นรารวมใจ’เป็นผ้าลายอัตลักษณ์ประจำ จ.นราธิวาส ผลิตจากกลุ่มนาราบาติก อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่ผสมผสานลายผ้า 5 ลายมาไว้บนผืนเดียวกันขณะที่รองนายกฯ และรัฐมนตรี ที่ร่วมคณะเดินทางมาด้วย สวมเสื้อสีฟ้าเขียวลายนรารวมใจ
เปิดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้
ต่อมา เวลา12.00น.นายกฯเดินทางถึงลานพิกุล มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส เพื่อพบปะนักศึกษาและผู้ปกครองที่เข้าร่วมงานเปิดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้“มีอยู่มีกิน มีใช้ ”โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์คชรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เลขาศอ.บต.)ให้การต้อนรับ
ชิมชาชักชม‘อร่อยมีความเป็นไทย’
จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมบูธของสำนักงานบังคับคดี จ.นราธิวาส บูธเรือนจำ จ.นราธิวาส และบูธของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดใช้แดนใต้ (ศอ.บต.)พร้อมชิมชาชัก เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในจังหวัดชายแดนใต้ของสถานพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นราธิวาส โดยนายกฯชมว่า”อร่อยดี กินแล้วมีความเป็นไทย สมูธๆดี“
ทั้งนี้ นายกฯเดินทักทายประชาชนจำนวนมากที่ขอถ่ายภาพร่วมกับนายกฯซึ่งนายกฯหยิบมือถือของประชาชนมาถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยขณะที่ประชาชนบางคนตะโกนว่า“นายกฯ สวย”บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ปลื้มใจชาวนราฯต้อนรับอบอุ่น
นายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่าวันนี้รู้สึกดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเจอกับพี่น้องทุกคนและได้มาที่จ.นราธิวาสถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีที่ได้มาเจอกับประชาชนด้วยตนเองและตั้งแต่เดินเข้ามาทุกคนต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก ต้องขอขอบคุณอย่างมากและขอบคุณทุกภาคส่วนที่เปิดโอกาสให้กับประชาชนเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานของประเทศไทย การปรับโครงสร้างหนี้การช่วยเหลือประชาชน การซัพพอร์ตต่างๆในเรื่องนี้จะทำให้ต้นทุนของประชาชนลดลง และทำให้มีแรง มีกำลังในการที่จะจ่ายค่าของชีพที่ถูกลง รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเองและครอบครัว ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ดันเพิ่มศักยภาพรองรับธุรกิจใหม่ๆ
นายกฯย้ำว่าตอนนี้นโยบายของรัฐบาลสนับสนุนช่วยกันในเรื่องของการศึกษา เพราะต้องเน้นการศึกษา ประเทศอื่นๆ เขามีการลงทุนในเรื่องของอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเยอะแล้ว แต่เพิ่งจะเริ่มลงทุนกันค่อนข้างเยอะมากขึ้นในช่วงประมาณ 1-2 ปี เราก็ต้องผลักดันต่อไปให้คนของเรามีสกิลเพิ่มมากขึ้นและมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจสิ่งใหม่ๆ การจ้างงานใหม่ๆที่เข้ามา รัฐบาลตรียมโอกาสไว้ให้กับประชาชนเรื่องการศึกษาที่ดีในอนาคตให้กับประชาชน สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญวิชาความรู้ต่างๆเป็นสมบัติที่ติดตัวประชาชนตลอดไปคือสิ่งที่รัฐบาลมองเห็นและอยากสร้างให้เกิดขึ้นในระยะยาวอีก10ปีหรือ20ปีข้างหน้าเราจะมีคนคุณภาพต่อไปเรื่อยๆ
“เรื่องหนี้สินถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรจะได้รับการดูแลในเรื่องของการหารายได้เพิ่มให้กับตนเองและครอบครัวซึ่งรัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างโอกาสดีๆ ให้กับประชาชนปีนี้เป็นปีแห่งโอกาสและรัฐบาลจะพยายามที่จะทำให้พี่น้องประชาชนทุกๆ คนได้รับโอกาสในทุกพื้นที่”นายกฯกล่าว
สั่ง‘เลขาศอ.บต.’ดึงเทคโนโลยีช่วย
พร้อมย้ำว่า วันนี้ขอฝากไปยังเลขาศอ.บต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งหารือกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการไกล่เกลี่ยหนี้ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยไม่ต้องมาถึงจังหวัด
จากนั้นพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมมอบ‘เรือกอและ’จำลองของที่ระลึกให้นายกฯก่อนนายกฯเดินทักทายประชาชนและนักเรียนนักศึกษา พร้อมถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกันอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ นายกฯได้เดินมายังโต๊ะไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ซึ่งมีลูกหนี้ที่กู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีหนี้มูลค่า 80,000 บาท และเมื่อเข้าโครงการแล้วหนี้ลดเหลือ 50,000 บาทผ่อนเดือนละ 540บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี