‘แม้ว’โวเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
เทียบชั้น‘ลาสเวกัส’
มีพื้นที่เล่นกาสิโนแค่10%
เตรียมเปิดประมูลในปีหน้า
หักดิบไม่ต้องทำประชามติ
‘เสี่ยหนู’ยันมท.พร้อมหนุน
ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย “ทักษิณ ชินวัตร” โชว์บารมีเสมือนเป็นนายกฯตัวจริง ฉายภาพเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ บอกกาสิโนแค่ 10% กางไทม์ไลน์เริ่มปีหน้า-ประมูลแข่ง! ทุบโต๊ะไม่ทำประชามติกาสิโน ด้าน “จุรินทร์” สับยับพรรคเพื่อไทยไม่เคยหาเสียงเรื่องเปิดบ่อนกาสิโนมาก่อน หากจะทำก็ต้องไปถามประชาชน
เมื่อเช้าวันที่ 18 มกราคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊ค ว่า นโยบายตั้งบ่อน“กาสิโน” ไม่ได้เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองมาก่อน จึงขอเสนอให้ไปถามประชาชน ด้วยการทำ“ประชามติ”เสียก่อน ถ้าประชาชนเอาด้วย ก็ทำได้ แต่ถ้าประชาชนไม่เอาด้วย ก็ควรเลิก..!
เพื่อไทยย้ำต้องเดินหน้า
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเสียงจากใจไทยคู่ฟ้า โดยเน้นย้ำถึง ประเด็น Entertainment Complex ที่ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ. ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งได้ พิจารณา 3 ประเด็นหลักคือ รับทราบรายงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เกี่ยวกับการจับกุมเรื่องการพนันทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์และทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงการพนันออนไลน์ใต้ดิน ซึ่งตามข้อเท็จจริงรอบบ้านของเรามีจำนวนมาก และถ้าเราไม่ทำจะไม่สามารถควบคุมธุรกิจใต้ดิน ค้ามนุษย์ได้ เงินทองไหลออกนอกประเทศเกิดความวุ่นวาย การทำ Entertainment Complex ไม่ใช่คาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยยกตัวอย่าง ที่ประเทศสิงคโปร์ ทำจุดถ่ายรูป ที่พัก มีคาสิโนเพียงเล็กน้อย
นายจิรายุยังไล่เรียงขั้นตอนว่าหลังจากนี้จะส่งให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาวาระแรกคือรับหลักการ หากรับก็จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 30-40 คนพิจารณารายมาตรา ใช้เวลา 1-2 เดือน เพิ่งจะเขียนกติกาให้คนไทย เข้าใช้บริการได้หรือไม่ ควบคุมกลไกต่างๆที่จะขึ้นมาอยู่บนดิน ก่อนจะ เข้าสู่การพิจารณาเพื่อลงมติวาระ 3 หากผ่านจะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา หากผ่าน3วาระก็จะส่งกลับมาสภาเพื่อนำไปสู่กระบวนการประกาศใช้ กฎหมาย จะมีความชัดเจน ในส่วนของรายละเอียด คณะกรรมการการดูแลผลกระทบเรื่องของเงิน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 6 เดือน
หวังเพิ่มนักท่องเที่ยว
นายจิรายุยังระบุ ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยการปัญหาการท่องเที่ยว ซึ่งพบข้อมูลว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิดมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย กว่า 40 ล้านคน เมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 36 ล้านคน และปีนี้น่าจะแตะ 37- 38 ล้านคน แต่ขณะนี้มีกระแสข่าวกรณีนักท่องเที่ยว ชาวจีนซึ่งน่าจะเป็นกรณีจีนหลอกจีน และมีไอโอที่จีนไปโฆษณากันเยอะว่าเมืองไทยน่ากลัว แต่นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาจริงยืนยันไม่น่ากลัว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีผลกระทบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“แม้ว”ยันเหมือนลาสเวกัส
วันเดียวกันนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยเวทีแรกที่โดมวิทยาลัยธาตุพนม เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายอนุชิต หงษาดี ชิงนายก อบจ.นครพนม ช่วงหนึ่งระบุว่า Entertainment Complex ยังบอกด้วยว่า มันก็เหมือนที่ลาสเวกัส มีสนามกีฬา มีหอประชุม มีการจัดงานอะไรสารพัดอย่าง มีสวนน้ำ มีบางคนจะเสนอแม้กระทั่งจะสร้างที่เล่นสกีบนหิมะ แต่พื้นที่ใหญ่ๆนี้จะใช้พื้นที่ไม่ถึง 10% ทำเป็นคาสิโน เหมือนที่สิงคโปร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาใช้ตังค์ มาท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่ง จะสร้างงาน 20,000 คน และเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท เพื่อรายได้ต่าง ๆ เข้าประเทศ อันนี้เป็นแนวที่รัฐบาลได้ทำต่อเนื่องจากจากรัฐบาลที่แล้ว หลังจากถามความเห็นและมีคนคัดค้านน้อยมาก โดยจะต้องทำให้มีการควบคุมให้ถูกต้อง คนไทยจะไปเล่น ต้องเป็นคนมีฐานะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหมดตัว อันนี้เราจะดูแลอย่างใกล้ชิดและถูกต้องตามหลัก ตามที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาทำกัน
นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่ารัฐบาลรับช่วงมาก็เป็นหนี้ตั้ง 60% ของจีดีพี วันนี้จึงต้องพยายามทำให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ให้เงินสะพัดคล่องขึ้นให้ประชาชนมีเงินใช้ เอาให้เหมือนตอนตนอยู่ไทยรักไทย วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วงออกมาก็เจอตั๋วจำนำ ก่อนครบเทอมของรัฐบาลนี้ล้วงกระเป๋าไปตั๋วจำนำหาย ปี 2569 ล้วงไปมีเงินแล้ว และในปี2570 กลับมาอีกทีจะล้วงไม่ลงเพราะเงินเยอะไป แน่นกระเป๋า ที่พูดมีความตั้งใจและมั่นใจว่าเอาไหวแน่ แม้ตอนนี้จะลำบากก็ต้องสู้เอาจนได้ ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไร แพ้แต่เมีย
บอกช่วงนี้เงินมันแห้ง
วันนี้ต้องยอมรับว่าเงินมันแห้ง หาเงินเท่าไหร่เขาก็ดูดกลับไปหมด ซึ่งตนเรื่องนี้ตนไม่ยอม คนต่างจังหวัดทำงานแทบตายแม้จะมีเงินน้อยนิดก็ต้องให้มีสภาพคล่องอยู่ในจังหวัด คนต่างจังหวัดเหมือนปลาวางไขในคลองถ้าเขาดูดน้ำไปหมดก็วางไข่ไม่ได้ วันนี้ตนจะดูดกลับให้พี่น้อง ถ้าเขาไม่ให้ดูดน้ำคลองกลับตนก็ยอมเติมน้ำขวด ขอเวลาตนนิดหนึ่ง ทำเต็มที่ คิดไม่หยุดและไม่หยุดทำและไม่หยุด ส.ท.ร.(เสือกทุกเรื่อง)
นายทักษิณยังกล่าวว่าถึงกรณีที่ สหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับเงินคริปโต ทำให้มีนักธุรกิจในหลายประเทศในเอเชียติดต่อมาหาตนเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้
ทุบโต๊ะไม่ทำประชามติ
นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์อีกรอบ กล่าวถึงการผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน และจะมีปัญหาอื่นๆตามมามากมาย ว่าไม่หรอก ความไม่เข้าใจของคนที่วิจารณ์ก็อยู่มีเยอะ การอธิบายยิ่งจำเป็นต้องให้เข้าใจ คนส่วนใหญ่เท่าที่สำรวจมา ก็ชัดเจน แม้ว่าคนที่ไม่เห็นด้วยก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่มาก เพราะทุกเรื่องมันต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มาก
“สำคัญคือคนที่เอามาพูด มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ยังไม่ค่อยชัด บางทีก็ต้องโทษฝ่ายที่ทำกฎหมาย ที่อธิบายไม่ชัดเจน เมื่อทำกฎหมายไปทางกฤษฎีกาก็บอกว่า กฎหมายน่าจะครอบคลุมทางด้าน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex)ด้วย แต่เขาไประวังกติกาของกาสิโน ที่มีข้อกฎหมายเยอะ จริงๆแล้วกาสิโนมีเพียงไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวว่าอาจจะต้องถึงขั้นมีการทำประชามติ หรือไม่ นายทักษิณ ตอบทันทีว่า “ไม่ต้อง” เมื่อถามต่อว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็คงเป็นเรื่องปกติ และฝ่ายค้านก็เห็นด้วยมาก่อน
สร้างกติกาให้ชัดเจน
ส่วนกรณีที่คนส่วนใหญ่มองเป็นเรื่องธุรกิจ กาสิโน มากกว่า แม้จะมีพื้นที่เพียง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด ในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็ตาม นายทักษิณ กล่าวว่า หากไปดูเนื้อหากฎหมาย ที่อาจจะเขียนไปไม่ครอบคลุมส่วนของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไปเน้นเรื่องของกติกาการจัดตั้งกาสิโนมากไปนิดนึง ซึ่งทางกฤษฎีกาก็วิจารณ์มาตรงนี้ จึงขอให้ทางกฤษฎีกาไปช่วยทำกฎหมายให้ครอบคลุม รวมทั้งด้าน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งถือว่ากาสิโน เป็นเพียงพื้นที่ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด
ถามถึงไทม์ไลน์ เรื่องดังกล่าวควรจะเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า พยายามทำให้กฎหมายพร้อมภายในปีนี้ และต้นปีหน้าก็อาจจะเป็นเรื่องของการตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อดูการวางกติกาและรายละเอียด
“เมื่อคืนนี้ผมฟังข่าว มีคนบอกว่า เป็นการให้ใบอนุญาต ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่ต้องมีการประกวดราคากันอย่างเปิดเผย ใครสนใจก็ต้องมาแข่งกัน เสนอว่าจะสร้างอะไรที่เป็นประโยชน์ กับการท่องเที่ยวบ้าง และจะให้ค่าตอบแทนรัฐอย่างไร” นายทักษิณ ระบุ
ส่วนภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีการพูดคุยกันอีกทีหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่ามีบางพรรคที่ไม่เห็นด้วย นายทักษิณ กล่าวว่า เขาอาจจะไม่เห็นด้วยในเนื้อหาที่ครอบคลุมไม่ถึงทุกเรื่อง แต่อย่างอื่นไม่มีอะไร
“จุรินทร์” ตามอัดอีกรอบ
เย็นวันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า ตนมีความเห็นว่าเรื่องกาสิโนเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง นอกจากนี้เรื่องนี้ประชาชนมีความเห็นต่างเป็นอย่างมาก รวมไปถึงพรรการเมืองไม่ได้หาเสียงไว้ว่าจะทำกาสิโน เพราะฉะนั้นข้อยุติที่น่าจะดีที่สุด คือการทำประชามติ เพื่อถามประชาชนก่อนว่าเป็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยก็ทำ แต่หากไม่เห็นด้วยก็ควรเลิกนโยบาย
เผยเคยคว่ำมาแล้วหนหนึ่ง
เมื่อถามย้ำถึงเจตนารมณ์ว่าไม่ได้ต้องการคัดค้านแต่อยากให้ถามความเห็นจากประชาชนใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า ตนคิดว่าควรไปถามประชาชน เพราะความจริงเรื่องนี้มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และในสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยมีการเสนอเรื่องนี้และถูกยกเลิกไป เพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับในเรื่องนี้ แต่มาถึงรัฐบาลนี้ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ตนคิดว่าควรจะทำประชามติเพราะเป็นเรื่องใหญ่และคุ้มค่าที่ควรจะทำเพื่อจะได้มีข้อยุติ
เมื่อถามว่ามองว่าเรื่องนี้มีพรรคร่วมฯหลายพรรค มีความเห็นที่ไม่ตรงกันในรายละเอียดควรจะต้องมีการปรึกษาหารือกันก่อนหรือไม่ และพรรคประชาธิปัตย์เองก็เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ มองว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมือง แต่ในที่ประชุมครม.เบื้องต้นได้ผ่านความเห็นเรื่องนี้ไป แต่ก็ยังไม่ได้เป็นที่ยุติอะไรเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีพรรคการเมืองหลายพรรคมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ กว่าจะได้นำเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้งหนึ่ง หรือสุดท้ายรัฐบาลจะตัดสินใจนำเข้าที่ประชุมสภาฯหรือไม่ ก็ยังไม่ทราบอนาคต เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดควรจะสอบถามประชาชนเสียก่อนว่าคิดเห็นอย่างไร เนื่องจากไม่ได้หาเสียงไว้
“เสี่ยหนู”หนุนสุดตัว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค 2568 เรื่อง “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.... ถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี หนังสือระบุว่า ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า กระทรวงการคลังได้เสนอร่างพระราชบัญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .. .. จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี นั้น
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว ไม่ขัดข้องและยินดีให้ความร่วมมือตามบทบัญญัติของกฎหมายที่กระทรวงมหาดไทยรักษาการ ดังนี้
มหาดไทยขอมีเอี่ยวด้วย
1. กรณีที่มีการนำเงินมาลงทุนเพื่อก่อสร้างอาคารในสถานบันเทิงครบวงจรกระทรวงมหาดไทยยินดีอำนวยความสะดวกตามขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตว่าด้วยการควบคุมอาคาร และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
2. กรณีมีการตั้งสถานบริการในสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ กระทรวงมหาดไทยยินดีสนับสนุนในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เช่น กำหนดเวลาเปิดปิด และสถานที่ตั้งของสถานบริการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
3. กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน ซึ่งอนุญาตเล่นการพนันได้ในบัญชี ข. เท่านั้น หากจะมีการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตให้เล่นการพนันตามบัญชี ข. ในสถานกาสิโนกระทรวงมหาดไทยยินดีอำนวยความสะดวกตามขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังพิจารณาเสนอปรับปรุงกฎและระเบียบให้มีความทันสมัยในการกำหนดให้มีการเล่นการพนันโดยวิธีการปกติและโดยใช้วิธีการสื่อสารระยะไกล (ออนไลน์) เพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย นำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน อันเป็นการจัดเก็บรายได้ให้แก่รัฐตามนโยบายของรัฐบาล
4. หากรัฐบาลเห็นว่าจะจัดให้มีการเล่นการพนันตามบัญชี ก. ในสถานกาสิโน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่สามารถอนุญาตได้ แต่รัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังในการพิจารณาเสนอให้มีการตั้งสถานกาสิโนตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงื่อนไขการพนันตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 (ฉบับที่ 2) จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการต่อไป
คาสิโนคือเศรษฐกิจบาป
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์โพสต์เฟสบุ้คเรื่อง”เศรษฐกิจบาป(Sin Economy)และวัฒนธรรมสีเทา“วันนี้เกี่ยวโยงประเด็นที่รัฐบาลจะเปิดบ่อนคาสิโนในเอนเตอเทนเม้นต์ คอมเพล็ก(Entertainment Complex)และการพนันออนไลน์แบบถูกกฎหมายโดยมีข้อความดังนี้
“….เศรษฐกิจบาป” (Sin Economy)หมายถึงเศรษฐกิจและตลาดที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ถือเป็นความผิด เช่น การพนัน หวยเถื่อน สุรา ยาสูบ งานบริการทางเพศ การค้ามนุษย์และสินค้าและหรือบริการที่มีปัญหาด้านจริยธรรมและผลกระทบทางสังคมหนึ่งในตัวอย่างเศรษฐกิจบาปได้แก่การพนัน เช่นกาสิโน และการพนันออนไลน์
ความพยายามล่าสุดในการจัดตั้งเอนเตอเทนเมนต์คอมเพล็กซ์โดยมีบ่อนคาสิโนเป็นศูนย์กลางของการดึงดูดการลงทุนหรือการเปิดให้มีการพนันออนไลน์อย่างถูกต้องด้วยข้ออ้างว่าต้องการเอาธุรกิจสีเทามาอยู่บนดินโดยจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณาให้ถึงแก่น
บ่อนทำลายประเทศ
ในมุมมองของผมเรื่องของเศรษฐกิจบาปไม่ใช่แค่ประเด็นธุรกิจหรือเศรษฐกิจแต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่กระทบรากฐานทางวัฒนธรรมและสังคมของประเทศคำถามคือเราพร้อมจะนำวัฒนธรรมบาปหรือวัฒนธรรมสีเทามาเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างนั้นหรือ หลักของประเทศคือหลักนิติรัฐและหลักคุณธรรม การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมยึดหลักนี้มาโดยตลอด
ดังนั้น เมื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าประเทศนี้ปีนี้ 50 ปี 100 ปีและต่อไป ประเทศของเราจะยังยืนอยู่ในหลักนิติรัฐและหลักคุณธรรมหรือไม่ หรือจะกัดเซาะบ่อนทำลายรากฐานประเทศด้วยเศรษฐกิจบาปและวัฒนธรรมสีเทาเพียงเพราะเราอับจนและไม่มีทางเลือกอื่นในการพัฒนาประเทศแล้วหรือ หรือหมดหนทางสร้างรายได้แล้วหรือ หรือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายจนต้องศิโรราปกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม และเราพร้อมจะเปลี่ยนประเทศเป็นเศรษฐกิจบาป สังคมสีเทาวัฒนธรรมสีเทากระนั้นหรือช่วยกันตอบนะครับ เพราะประเทศนี้เป็นของทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี