ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ! ‘เจิมศักดิ์’ไล่เรียงตัวละครคดี‘อัลไพน์’ ถาม‘ทักษิณ’ซื้อที่ต่อมาไม่รู้จริงหรือ? ค้านเอาเงินภาษีประชาชนไปเยียวยา ต้องไปไล่ฟ้องที่มาของต้นตอปัญหาคนทำผิดต้องเป็นผู้รับผิดชอบไม่ใช่เอาเงินของรัฐไปจ่าย
20 ม.ค. 2568 รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการอิสระ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กับรายการ “แนวหน้าข่าวค่ำ” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องที่ดินอัลไพน์เป็นมหากาพย์ ย้อนไปในช่วงที่นายทักษิณกำลังจะตั้งพรรคการเมือง ตนมีโอกาสได้สัมภาษณ์นายทักษิณ ก็ได้ซักถามในประเด็นนี้ด้วย โดยนายทักษิณเป็นคนขอมาเองเนื่องจากในเวลานั้นตนกำลังมีชื่อเสียง โดยติดต่อมาทางสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ
ซึ่งตนก็ได้ถามนายทักษิณไปว่า พรรคที่กำลังจะตั้งจะดึง นายเสนาะ เทียนทอง เข้าร่วมด้วยใช่หรือไม่ ซึ่งครั้งนั้นได้มีการปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าเป็นไปไม่ได้ จากนั้นคำถามต่อไปคือประเด็นที่นายทักษิณซื้อสนามกอล์ฟอัลไพน์ ในราคา 500 ล้านบาท ซึ่งนายทักษิณก็ยอมรับว่าใช่ มีที่ดิน 500 ไร่ อีกทั้งยังมีคลับเฮ้าส์ อีกหลังเบ้อเริ่ม มันเวิร์คไหมล่ะ ซึ่งจากจุดนี้ก็คือนายทักษิณยอมรับว่าซื้อเป็นคนซื้อสนามกอล์ฟอัลไพน์
แต่เมื่อมีการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่าสนามกอล์ฟเป็นชื่อของนายวิชัยช่างเหล็ก คนขับรถ และนางบุญชู ดวงตา แม่บ้าน จึงเป็นที่มาสื่อ สำนักหนึ่งได้ตรวจสอบ ว่า ทั้งสองคนถือหุ้นมูลค่าพันล้านเป็นใคร พบ ว่าอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าทั้งคู่ ทำให้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เข้าไปตรวจสอบ ที่เรียกว่าซุกหุ้น และได้ขอให้ตนไปเป็นพยานเพื่อยืนยันในศาลว่านายทักษิณได้พูดจริงและตนเองก็ได้ไปเป็นพยานให้ พร้อมกับมอบเทปที่นายทักษิณพูด
“นอกจากนี้ ในฐานะที่ผมเป็นสื่อมวลชนและเป็นสมาชิกวุฒิสภา ได้ทำการตรวจสอบว่า นายเสนาะ เทียนทอง ได้ที่ดินมา อย่างไร จนทราบว่าเกิดจากการที่ นายวิทยา เทียนทอง เลขาฯ รัฐมนตรีมหาดไทย ได้พยายามสร้างความสนิทสนมกับเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับให้ข้อมูลว่า ที่ดินที่ยายเนื่อม ทำพินัยกรรม ยกที่ดินให้กับวัดนั้นอยู่ จ.ปทุมธานี ไกลจาก จ.ประจวบฯ และเป็นภาระในการดูแล” รศ.ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า มีกฎหมายฉบับหนึ่งระบุว่าหากที่ดินเกิน 50 ไร่จะต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมที่ดินเป็นผู้อนุมัติ ซึ่งในอดีตยังไม่เคยมีรัฐมนตรีคนใดใช้วิธีนี้เพื่อไม่ให้วัดรับที่ดินบริจาคเป็นธรณีสงฆ์ แต่ปรากฏว่า นายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ลงนามไม่ให้วัดธรรมิการาม รับบริจาคที่ดิน
และเมื่อวัดโอนที่ดินยายเนื่อม ดังกล่าวให้มูลนิธิมหามงกุฎ ได้เพียงวันเดียว ก็ขายต่อให้ก็ขายให้อัลไพน์กอล์ฟกับอัลไพน์เรียลเอสเตท แล้วคนที่ซื้อก็คือ นายวิทยา เทียนทอง นางอุไรวรรณ เทียนทอง นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และในที่สุดคนเหล่านี้ก็เข้าไปอยู่ในพรรคไทยรักไทยที่นายทักษิณตั้งพรรคการเมืองขึ้น ซึ่งตนถามว่า คิดว่านายทักษิณรู้ไหมว่าเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ที่ถูกยักย้ายถ่ายเท ซึ่งการซื้อที่ราคา 500 ล้านจะไม่หาข้อมูลเกี่ยวกับที่ดิน หรืออย่างไร ในขณะที่คนที่มีชื่อรับซื้อที่ดินดังกล่าว ทุกคนก็อยู่ในพรรคที่นายทักษิณตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม กฤษฎีกาได้มีการวินิจฉัยกฎหมายบัญญัติไว้เกี่ยวกับที่ธรณีสงฆ์ว่าจะจำหน่าย จ่ายโอนยกให้ใคร เอาไปทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นจะเป็นโมฆะหมด ยกเว้นแต่ต้อง ออก พ.ร.บ.มาลบล้าง จากเงื่อนไขดังกล่าวจึงเป็นที่มาของกรณี นายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่ต้องการลงนามยับยั้งที่ดินอัลไพน์กลับคืนไปเป็นที่ของธรณีสงฆ์
ส่วนรองปลัดมหาดไทย อันดับที่ 1,2 ก็ยินดีที่จะ ลาหยุดลา เพื่อให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งเป็นรองปลัดมหาดไทยอันดับ 3 เป็นผู้เซ็นลงนามไม่อนุมัติ หนังสือของอธิบดีกรมที่ดินที่ขอให้เพิกถอนโฉนดของอัลไพน์ให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ และนี่จึงเป็นที่มาของคดีที่นายยงยุทธถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา ในฐานะ ทุจริตปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งก่อนที่จะติดคุก นายยงยุทธ ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แต่ในส่วนของนายเสนาะ นั้น ป.ป.ช. ทำเรื่องล่าช้าจนกระทั่งใกล้จะหมดอายุความจึงส่งเรื่องฟ้องศาล และนายเสนาะ ก็ได้ล่องหนหายตัวไปจนสุดท้ายคดีก็หมดอายุความจึงทำให้นายเสนาะรอดตัวไป ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ออกมาพูดว่า จะทำอย่างไร ก็ทำให้เรื่องจะได้จบๆ รำคาญและต้องเยียวยาผู้เสียหายนั้น ซึ่งตนคิดเรื่องนี้จะต้องมีการพิสูจน์ ความบริสุทธิ์ใจ เพราะทักษิณซื้อทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ว่า กลุ่มคน ที่ตนเองไปซื้อที่ต่อมานั้นเล่นแร่แปรธาตุอย่างไร
“การรับซื้อของโจรไม่ถูกกฎหมายเหมือนคนปล้นที่ดินวัด เหมือนโจรปล้นที่ธรณีสงฆ์แล้วเอาไปขายแล้วโจรแบ่งเงินกันเรียบร้อยและที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมีกำไรสุดท้ายบอกว่าเป็นที่ปล้นมาก็ต้องเอาเงินของรัฐซึ่งเป็นภาษีประชาชนมาเยียวยา การที่คนกลุ่มพวกนี้เข้ามาอยู่ในพรรคไทยรักไทยทั้งหมด และจะชดเชยความเสียหายก็ต้องไปฟ้องคนที่แร่แปรธาตุเอามาขาย ผมไม่เห็นด้วยที่รักจะเอาเงินไปเยียวยาโจรปล้นที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งกรณีนี้ก็ต้องไปไล่ฟ้องที่มาของต้นตอปัญหาคนทำผิดต้องเป็นผู้รับผิดชอบไม่ใช่เอาเงินของรัฐไปจ่าย” รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ระบุ
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักพุทธศาสนาตามกฎหมายเป็นผู้ที่ดูแลทรัพย์สินของวัดทั่วประเทศควรจะต้องออกมาส่งเสียงหากจะกลัวทักษิณเช่นนี้บ้านเมืองไปไม่รอด ถ้าหากมัวแต่กลัวคนไม่ชอบธรรมมีอำนาจ ถึงท่าประเทศไทยเป็นอย่างนี้มันอยู่กันยาก (ติดตามชมคลิปด้านล่าง ตั้งแต่นาทีที่ 46.00 )
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี