"คปท."ผนึก 4 กลุ่ม เดินหน้าเคลื่อนไหว ยื่นหนังสือจี้เวชระเบียน"ทักษิณ"ถึง"นายกฯ" ซัดตำรวจ-แพทย์ ส่อปกป้อง"นักโทษเทวดา"
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) , ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) , กองทัพธรรม และอดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มายื่นหนังสือเพื่อแสดงจุดยืน กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ รวมทั้งขอเวชระเบียนของนายทักษิณ เนื่องจากนายทักษิณหลีกเลี่ยงในการดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการกฎหมาย ตั้งแต่เดินทางกลับเข้ามารับโทษในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566
ทั้งนี้ มีผู้ไปร่วมแสดงจุดยืน อาทิ นายพิชิต ไชยมงคล , นายจตุพร พรหมพันธุ์ , อ.แก้วสรร อติโพธิ , ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง , นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม , นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ , พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม , นายประสาร มฤคพิทักษ์ , นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ , นายปรีดา เตียสุวรรณ์ , นายแซมดิน เลิศบุศย์ , น.ส.เสน่ห์ หงษ์ทอง , นางนีรนุช จิตต์สม , นายมานพ เกื้อรัตน์ , นายเจษฎ์ โทณะวณิก , นายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) , นายอานนท์ กลิ่นแก้ว , ดร.ใจเพชร กล้าจน , นายนัสเซอร์ ยีหมะ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.กล่าวก่อนการยื่นหนังสือว่า นายทักษิณ ระบุว่า จะอยู่ยาวอีก 40 ปี แต่ช่วงที่กลับเข้ามารับโทษ ต้องอยู่ในกระบวนการ 180 วัน แต่ดันมีอาการป่วยวิกฤต ป่วยใกล้ตาย ไม่สามารถอยู่กรมราชทัณฑ์ได้ ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจชั้น 14 ฉะนั้นวันนี้เราจึงถามถึงกระบวนการทางการแพทย์ว่า 180 วันที่นายทักษิณป่วยวิกฤต คณะแพทย์ชุดหนึ่งได้ทำเอกสาร ป่วยวิกฤต 180 วัน อาการของคนป่วย จะไม่ใช่อาการแบบ นายทักษิณ คนปัจจุบันแน่นอน
นายพิชิต กล่าวต่อว่า เราเดินทางไปให้กำลังใจสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยบอกให้ยึดกระบวนการยุติธรรม เดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่ง ป.ป.ช.ทำหนังสือขอ เวชระเบียน ของนายทักษิณ ไปที่ รพ.ตำรวจ ตามคำร้องที่ คปท. ไปร้องไว้ ซึ่งเลขา ป.ป.ช. ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ให้เวชระเบียนมา ใบเอกสารทางการแพทย์อื่น มีการสอบถามและไต่สวนมาแล้วเรียบร้อย
นายพิชิต กล่าวต่อว่า เราไปขอให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดกำกับควบคุมรพ.ตำรวจ ว่า ท่านต้องสั่งให้รพ.ตำรวจ ที่อยู่ในสังกัดของท่านส่งหลักฐานทางคดี เนื่องจากตำรวจเป็นองค์กรที่พิสูจน์ทรัพย์ข้อเท็จจริง วันนี้หลักฐานสำคัญ คือ เวชระเบียน อยู่ในมือตำรวจ ตำรวจจัดเก็บหลักฐาน หรือ ทำลายหลักฐานเอง แล้วท่านเป็นองค์กรที่ต้องผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม รวมทั้งต้องพิสูจน์เดินหน้าข้อเท็จจริง จึงต้องส่งเวชระเบียนไปให้กับ แพทยสภาภาย ในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา
นายพิชิต กล่าวอีกว่า ซึ่งแพทยสภา ที่ได้ดูแลเรื่องดังกล่าว ระบุมาว่า ได้เอกสารทางการแพทย์ในบางส่วน ส่วนเวชระเบียนไม่ได้เลย ดังนั้น เห็นได้ชัดว่า รพ.ตำรวจ ไม่ได้ให้ความร่วมมือ ไม่ส่งเวชระเบียน จนทำให้วันนี้พวกตนมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาหาลูกของผู้ป่วยเทวดา เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก ฯ ลูกสาวของนายทักษิณ ต้องใช้ตำแหน่งในฐานะนายก ฯ เพื่อคงไว้ซึ่งระบบนิติรัฐนิติธรรมของประเทศไทย
ขณะที่ อ.แก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า คนที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานต่างๆ มากที่สุด คือ น.ส.แพทองธาร จึงยื่นหนังสือให้สั่งการราชทัณฑ์แสดงเอกสารเวชระเบียน พร้อมให้หน่วยงานต่างๆ อาทิ ป.ป.ช. , แพทยสภา รวมถึงศาลยุติธรรม พิจารณากรณีดังกล่าวภายในอาทิตย์หน้า มิเช่นนั้น อาจเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นโดยทุจริต
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า เวชระเบียนของผู้ป่วยคนเดียว ต้องอยู่ในไฟล์เดียวกัน อีกทั้งโรคที่นายทักษิณกล่าวอ้าง อาทิ โรคหัวใจนั้น เป็นโรคเสื่อมสภาพตามอายุในผู้สูงอายุ ส่วนอาการแน่นหน้าอกและความดัน คลินิกทั่วไปก็สามารถรักษาได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากนายทักษิณกลัวเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เหตุใดถึงมีเพียงศัลยแพทย์ที่คอยดูแล นอกจากนี้ ตามหลักการ แพทย์ไม่ทำ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถให้ภาพความคมชัดสูง (เอ็มอาร์ไอ) ให้ผู้ป่วยวิกฤติ แต่ทำให้นายทักษิณ ตนมองว่าไม่ได้ป่วยวิกฤติและเป็นละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า หลายคนตั้งคำถามกับตนว่าในแผ่นดินนี้ไม่มีใครจัดการความอหังการของนายทักษิณได้ ตนมองว่าไม่มีอะไรแน่นอน “เพราะบางครั้งก็ส่งเชือกให้ฝั่งตรงข้ามผูกคอตาย แต่บางครั้งก็ชวนมากินไวน์ด้วยกัน ตั้งแต่บ้านเมืองนี้ไม่ตรงไปตรงมาหลังจากวันที่นายทักษิณกลับมายังประเทศไทย”
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่นายทักษิณ ลงข้อความบนแอพพลิเคชั่น X (เอ็กซ์) บอกว่าขออนุญาตกลับบ้านมาเลี้ยงหลานเพราะแก่แล้ว หลายคนคงตั้งคำถามว่านายทักษิณได้ขออนุญาตใคร แต่ทันทีที่นายทักษิณลงเครื่องซึ่ง เราก็เห็นถึงความไม่ปกติมาตั้งแต่ต้นซึ่งมาถึงประเทศไทย ตำรวจไม่มีการควบคุมตัว และไม่มีการคุมขังและอยู่ในเรือนจำไม่กี่ชั่วโมง กลับมีอาการป่วยขั้นวิกฤต และที่น่าสงสัยที่สุดคือ พยาบาลเป็นคนบอกว่าป่วยวิกฤติสะเอง ทั้งที่จริงควรจะเป็นหมอ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ขณะที่ด้าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ที่ออกมาพูดถึงเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ และ รพ.ตำรวจ ที่เหมือนห้องรับแขก และตอนนี้หลายคนคงสงสัยในเรื่องของเวชชระเบียนที่ยากลำบากในการจะตอบเพราะมันไม่มีความตรงไปตรงมา และตอนแรกที่นายทักษิณอ้างว่ามีการป่วยวิกฤตนั้นแต่ตอนนี้ กลับกลายมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง
นายจตุพร กล่าวต่อว่า กรณีนายทักษิณ ได้มีการปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายกอบจ.) ในนามพรรคเพื่อไทย โดยตอนหนึ่งได้ลั่นวาจาว่า “โกงพ่อมึงสิ ” ซึ่งตนมองว่านายทักษิณลืมไปว่าเคยมีการยื่นถวายฎีกากับพระเจ้าแผ่นดินเลยถูกบันทึกไว้ในพระบรมราชโองการ ซึ่งนายทักษิณเคยมีการยอมรับว่าตนกระทำความผิดและมีการทุจริตคอรัปชั่นจริง ซึ่งได้พูดคำนี้กับพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้พูดกับประชาชน
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม หากองค์กรทำตามหน้าที่ ประชาชนคงไม่ต้องเดือดร้อนมาลงถนน แต่เมื่อไม่มีการทำหน้าที่ของหน่วยงานจริงๆ จึงเป็นหน้าที่ของพวกประชาชนคนไทย ที่ต้องลุกขึ้นมาจัดการในเรื่องนี้ ทั้งนี้ หากนายทักษิณป่วยปลอมจริง น.ส.แพทองธาร ก็จะเข้าข่ายการกระทำความผิดด้วยเพราะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และทางตำรวจก็กำกับดูแลในเรื่องของ รพ.ตำรวจ ตนจึงมองอีกว่า
“ถ้าคิดอยากจะหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำกันต่อไป แต่ถ้าอยากจะอยู่แผ่นดินไทย ก็อย่าได้ทำเหมือนสิ่งที่เคยทำมา” นายจตุพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บรรยากาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล ภายนอกอาคารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายสิบตำรวจสายปราบปราม (กองร้อยน้ำหวานหญิง) อยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อควบคุมสถานการณ์ของการชุมนุม ทั้งนี้ ภายหลังจากตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวปราศรัยเสร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดได้เคลื่อนตัวไปยังบริเวณทำเนียบรัฐบาล ประตู 3 เพื่อทำการยื่นหนังสือพร้อมอ่านรายชื่อแถลงการณ์ ถึง น.ส.แพทองธาร ผ่าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง รับยื่นหนังสือ หลังจากนั้นกลุ่มแยกย้ายเดินทางกลับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี