ม็อบบุกทำเนียบ/ซัด‘ตร.-หมอ’ป้องเทวดา
บี้‘อิ๊งค์’เช็คบิล‘พ่อ’
ใช้อำนาจสะสางคดี‘แม้ว’ชั้น14
บังคับโทษนำ‘แม้ว’กลับเข้าคุก
‘แก้วสรร-จตุพร’รุมขย่มหนัก
ไม่ทำระวังผิดเหมือน‘พ่อ-อา’
ม็อบบุกทำเนียบฯตามนัด! คปท.ผนึก 4 กลุ่มเครือข่ายฯเดินหน้าเคลื่อนไหวยื่นหนังสือกระทุ้ง ปมเวชระเบียน “ทักษิณ”ชั้น 14 ถึงนายกฯซัดตำรวจ-แพทย์ ส่อปกป้องนักโทษเทวดา’เรียกร้อง‘อิ๊งค์’ใช้อำนาจนายกฯสะสางคดี บังคับโทษนำ‘ทักษิณ’กลับคุก รักษานิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ ขู่ไม่อยากมีชะตากรรมเหมือน‘พ่อ-อา’ต้องแก้ไข’สนธิญา’ร้อง กกต.จี้สอบปม’ทักษิณ’หาเสียงเลือก อบจ.อีสาน อ้างสถาบัน-สัญญาจะให้ 20 ล้าน
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.),ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) , กองทัพธรรม และอดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)มายื่นหนังสือเพื่อแสดงจุดยืนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจรวมทั้งขอเวชระเบียนของนายทักษิณเนื่องจากนายทักษิณหลีกเลี่ยงในการดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการกฎหมาย ตั้งแต่เดินทางกลับเข้ามารับโทษในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 โดยเรียกร้องขอให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ร่วมสะสางคดีบริหารกระบวนการบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นที่ยุติ
แกนนำตามนัดหน้าทำเนียบฯ
ทั้งนี้ผู้ไปร่วมแสดงจุดยืน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล , นายจตุพร พรหมพันธุ์ ,นายนิติธร ล้ำเหลือ, อ.แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง,นายเจษฎ์โทณะวณิก พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอมนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม , นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ,นายประสาร มฤคพิทักษ์,นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ , นายปรีดา เตียสุวรรณ์, นายแซมดิน เลิศบุศย์,น.ส.เสน่ห์ หงส์ทอง เป็นต้น
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท.กล่าวก่อนการยื่นหนังสือว่านายทักษิณระบุว่าจะอยู่ยาวอีก40ปีแต่ช่วงที่กลับเข้ามารับโทษ ต้องอยู่ในกระบวนการ 180วันแต่ดันมีอาการป่วยวิกฤต ป่วยใกล้ตาย ไม่สามารถอยู่กรมราชทัณฑ์ได้ ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจชั้น14ฉะนั้นวันนี้เราจึงถามถึงกระบวนการทางการแพทย์ว่า 180 วันที่นายทักษิณป่วยวิกฤต คณะแพทย์ชุดหนึ่งได้ทำเอกสารป่วยวิกฤต 180วัน อาการของคนป่วย จะไม่ใช่อาการแบบนายทักษิณ คนปัจจุบันแน่นอน
จี้‘อิ๊งค์’ใช้อำนาจ บังคับโทษ‘แม้ว’
นายพิชิตกล่าวอีกว่า เราได้เดินทางไปให้กำลังใจสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในแห่งชาติ(ป.ป.ช.)โดยขอให้ยึดกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงซึ่งป.ป.ช.ทำหนังสือขอ เวชระเบียนของนายทักษิณไปที่รพ.ตำรวจตามคำร้องที่คปท.ร้องไปซึ่งเลขาป.ป.ช.ระบุว่าคดีมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ให้เวชระเบียนมา ใบเอกสารทางการแพทย์อื่น มีการสอบถามและไต่สวนมาแล้วเรียบร้อย
และเราไปขอให้ผบ.ตร.ที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดกำกับควบคุมรพ.ตำรวจว่าท่านต้องสั่งให้รพ.ตำรวจที่อยู่ในสังกัดส่งหลักฐานทางคดี เนื่องจากตำรวจเป็นองค์กรที่พิสูจน์ทรัพย์ข้อเท็จจริง วันนี้หลักฐานสำคัญคือเวชระเบียนอยู่ในมือตำรวจ ตำรวจจัดเก็บหลักฐาน หรือทำลายหลักฐานเอง แล้วท่านเป็นองค์กรที่ต้องผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมรวมทั้งต้องพิสูจน์เดินหน้าข้อเท็จจริงจึงต้องส่งเวชระเบียนไปให้แพทยสภาภายในวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา
“แพทยสภาที่ได้ดูแลเรื่องดังกล่าวระบุมาว่าได้เอกสารทางการแพทย์ในบางส่วน ส่วนเวชระเบียนไม่ได้เลย ดังนั้นเห็นได้ชัดว่ารพ.ตำรวจ ไม่ได้ให้ความร่วมมือไม่ส่งเวชระเบียน ทำให้วันนี้พวกตนมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาหาลูกของผู้ป่วยเทวดาเนื่องจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก ฯลูกสาวของนายทักษิณต้องใช้ตำแหน่งในฐานะนายก ฯเพื่อคงไว้ซึ่งระบบนิติรัฐนิติธรรมของประเทศไทย”นายพิชิต ย้ำ
ชี้ถ้าไม่ทำจะผิดเหมือนพ่อ-อา
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)กล่าวว่าในเรื่องชั้น 14 ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นเรื่องความถูกต้องของแผ่นดิน ทุกคนต้องเสมอภาคภายใต้กฎหมายไม่ว่าจะนามสกุลอะไร การมาวันนี้หากศาลตัดสินว่าทำผิดต่อสู้คดีแล้วหลักฐานชัดเจนจะต้องติดคุก การมาเรียกร้องวันนี้เพื่อให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ไม่ใช่ละเมิดกฎหมายเสียเอง ขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแม้จะเป็นพ่อก็ต้องทำ
“คนที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานต่างๆ มากที่สุดคือน.ส.แพทองธาร ขอให้นายกฯใช้อำนาจในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายบริหารสั่งทุกหน่วยงานตั้งแต่โรงพยาบาลตำรวจ เรือนจำและกรมราชทัณฑ์ยื่นเอกสารเรียกเวชระเบียนทั้งหมดให้กับปปช.และแพทยสภา และศาลยุติธรรมซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่ทำจะผิดเหมือนกับพ่อและอาของนายกฯ ข้อหาละเว้นโดยทุจริต” พร้อมฝากว่าคำว่านายกฯทรพีไม่มีอยู่ในพจนานุกรมมีแต่นายกฯทรยศประชาชน
ซัดป่วยทิพย์ แค่ละครฉากหนึ่ง
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า เวชระเบียนของผู้ป่วยคนเดียว ต้องอยู่ในไฟล์เดียวกันอีกทั้งโรคที่นายทักษิณกล่าวอ้างอาทิโรคหัวใจนั้น เป็นโรคเสื่อมสภาพตามอายุในผู้สูงอายุ ส่วนอาการแน่นหน้าอก และความดัน คลินิกทั่วไป ก็สามารถรักษาได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าหากนายทักษิณกลัวเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เหตุใดถึงมีเพียงศัลยแพทย์ที่คอยดูแล ตามหลักการ แพทย์ไม่ทำ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถให้ภาพความคมชัดสูง (เอ็มอาร์ไอ) ให้ผู้ป่วยวิกฤติ แต่ทำให้นายทักษิณ ตนมองว่าไม่ได้ป่วยวิกฤติและเป็นละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ส่งเสียงถึงศาลฎีกาให้นำแม้วติดคุก
ด้านนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กล่าวว่า การที่นายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวเป็นการขัดพระบรมราชโองการและยังขัดต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงอยากส่งเสียงไปยังที่ประชุมศาลฎีกาให้เรียกนายทักษิณกลับมาติดคุก การที่นายทักษิณไม่ติดคุกเชื่อว่ามีกระบวนการร่วมมือกัน และไม่ได้เริ่มตั้งแต่ 22 สิงหาคม เริ่มตั้งแต่สมัยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.ยุติธรรมมีการตกลงและเตรียมการจัดฉาก หลอกประชาชนทั้งประเทศ มีการแก้ไขกฎกระทรวงหลายฉบับเพื่อช่วยนายทักษิณและปัจจุบันนายสมศักดิ์ เป็นสภานายกพิเศษแพทยสภาง ซึ่งหากรายงานผลการสอบของแพทยสภาแล้วนายสมศักดิ์คัดค้านก็พร้อมที่จะฟ้องมาตรา157 อย่างแน่นอน
‘จตุพร’ซัดป่วยทิพย์ผู้ช่วยหาเสียง
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนกล่าวว่าหลายคนตั้งคำถามกับตนว่าในแผ่นดินนี้ไม่มีใครจัดการความอหังการของนายทักษิณได้ ตนมองว่าไม่มีอะไรแน่นอน“เพราะบางครั้งก็ส่งเชือกให้ฝั่งตรงข้ามผูกคอตาย แต่บางครั้งก็ชวนมากินไวน์ด้วยกัน ตั้งแต่บ้านเมืองนี้ไม่ตรงไปตรงมาหลังจากวันที่นายทักษิณกลับมายังประเทศไทย” ตั้งแต่วันแรกที่นายทักษิณลงข้อความบนแอพพลิเคชั่นX(เอ็กซ์)บอกว่าขออนุญาตกลับบ้านมาเลี้ยงหลานเพราะแก่แล้ว หลายคนคงตั้งคำถามว่า นายทักษิณได้ขออนุญาตใคร แต่ทันทีที่นายทักษิณลงเครื่องซึ่งเราก็เห็นถึงความไม่ปกติมาตั้งแต่ต้นซึ่งมาถึงประเทศไทย ตำรวจไม่มีการควบคุมตัวและไม่มีการคุมขังและอยู่ในเรือนจำไม่กี่ชั่วโมง กลับมีอาการป่วยขั้นวิกฤตและที่น่าสงสัยที่สุดคือ พยาบาลเป็นคนบอกว่าป่วยวิกฤติสะเองทั้งที่จริงควรจะเป็นหมอ”
“ตอนนี้หลายคนคงสงสัยในเรื่องของเวชชระเบียนที่ยากลำบากในการจะตอบเพราะมันไม่มีความตรงไปตรงมา และตอนแรกที่นายทักษิณอ้างว่ามีการป่วยวิกฤตนั้นแต่ตอนนี้กลับกลายมา เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง”นายจตุพรระบุ
เย้ย‘ทักษิณ’ลืมเคยยอมรับผิดโกง
นายจตุพรยังกล่าวถึงที่นายทักษิณ ได้มีการปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.ในนามพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งได้ลั่นวาจาว่า“โกงพ่อมึงสิ”ตนมองว่านายทักษิณลืมไปว่าเคยมีการยื่นถวายฎีกากับพระเจ้าแผ่นดินเลยถูกบันทึกไว้ในพระบรมราชโองการซึ่งนายทักษิณเคยมีการยอมรับว่าตนกระทำความผิดและมีการทุจริตคอรัปชั่นจริงซึ่งได้พูดคำนี้กับพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้พูดกับประชาชน
ขู่ไม่อยากเหมือน‘พ่อ-อา’ต้องแก้ไข
“ปัจจุบันคณะกรรมการป.ป.ช.ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิมหากองค์กรทำตามหน้าที่ ประชาชนคงไม่ต้องเดือดร้อนมาลงถนน แต่เมื่อไม่มีการทำหน้าที่ของหน่วยงานจริงๆจึงเป็นหน้าที่ของพวกประชาชนคนไทยที่ต้องลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้ หากนายทักษิณป่วยปลอมจริงน.ส.แพทองธารก็จะเข้าข่ายการกระทำความผิดด้วย เพราะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)และทางตำรวจก็กำกับดูแลในเรื่องของรพ.ตำรวจผมจึงมองอีกว่าถ้าคิดอยากจะหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำกันต่อไป แต่ถ้าอยากจะอยู่แผ่นดินไทย ก็อย่าได้ทำเหมือนสิ่งที่เคยทำมา”นายจตุพรย้ำพร้อมยังชวนจับตาคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันที่ 27 มกราคมนี้ หลังจากที่มีการยื่นถึง 3 ครั้ง
นัดเสาร์25ม.ค.ชุมนุมปราศรัยทั้งวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บรรยากาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล ภายนอกอาคารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายสิบตำรวจสายปราบปราม (กองร้อยน้ำหวานหญิง) อยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อควบคุมสถานการณ์ของการชุมนุม ทั้งนี้ หลังจากตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวปราศรัยเสร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดได้เคลื่อนตัวไปยังบริเวณทำเนียบรัฐบาล ประตู 3 เพื่อทำการยื่นหนังสือพร้อมอ่านรายชื่อแถลงการณ์ ถึง น.ส.แพทองธาร ผ่าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง รับยื่นหนังสือ หลังจากนั้นกลุ่มแยกย้ายเดินทางกลับ
ทั้งนี้ นายพิชิต แกนนำ คปท.เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคมนี้ จะปักหลักชุมนุมที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และจะมีการปราศรัยตลอดทั้งวัน เพื่อคัดค้านกาสิโน แต่อย่างไรก็ตาม หาก ครม.ได้มีการอนุมัติออกพรก.พนันออนไลน์ออกมาเมื่อไหร่ เราก็พร้อมยกระดับการชุมนุมปักหลักยาว เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์บริเวณหน้าทำเนียบฯทันที ต่อไป
พท.เมินม็อบชุมนุมทำเนียบฯยาว
ที่พรรคเพื่อไทย นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนกลุ่มเครือข่ายประชาชนหลายกลุ่มที่ยื่นหนังสือถึงนายกฯกรณีการพักรักษาตัวนายทักษิณชั้น14พร้อมขู่จะปักหลักปราศรัยชุมนุมยืดเยื้อที่หน้าทำเนียบนั้นว่า ชุมนุมปราศรัยเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานแต่ขอให้อยู่ในกรอบกติกาของกฎหมาย ส่วนจะกี่วันกี่ชั่วโมงราไม่ได้ห้าม ขอให้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง ส่วนรัฐบาลไม่ต้องเตรียมการอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตนคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายการข่าว ฝ่ายความมั่นคง ยังไม่มีอะไรผิดปกติ ถือเป็นการชุมนุมแสดงความคิดเห็นตามปกติในระบอบประชาธิปไตย เท่าที่เราประเมินน่าจะมาชุมนุมกันซักระยะหนึ่งคงไม่ยืดเยื้อ เพราะสื่อสารออกไปเยอะช่องต่างๆได้ระบายความรู้สึกและรัฐบาลก็ไม่เคยปิดกั้น ได้คุยผู้ร่วมชุมนุมว่าถ้ามาอยู่ในกรอบผมก็ยินดีและรัฐบาลก็ยินดีที่จะรับฟังอยู่แล้ว
“ข้อเรียกร้องวันนี้ผมได้ส่งนำเรียนนายกรัฐมนตรีขณะนี้ประชุมอยู่ที่สหพันธ์รัฐสวิสแล้วส่วนการชุมนุม ไม่น่าจะมีมือที่สาม ซึ่งความเห็นต่างๆที่เกิดขึ้น เท่าที่ฟังดู ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตอบคำถามและได้ชี้แจงได้ชี้แจงแล้วจะฟังหรือเปล่านั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งเรื่องนี้ถ้าชี้แจงแล้วไม่ฟังก็จนปัญญา”นายสมคิด
ร้องกกต.สอบ’ทักษิณ’หาเสียง2ปม
ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกองค์ และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 2 กรณี กรณีแรกเป็นการลาออกก่อนครบวาราะของนายก อบจ.นครศรีธรรมราช และกรณีที่สองเป็นการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ที่มีการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และการสัญญาว่าจะให้เงิน 20ล้านบาท ต่อนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ใช้สำหรับการนำเด็กไทยไปเป็นนางแบบโลก
นายสนธิญากล่าวว่า เรื่องแรกการลาออกก่อนครบวาระซึ่งเกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่ที่ตนมายื่นวันนี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นจังหวัดนครศรี ธรรมราช นายกอบจ.ลาออก ทำให้มีการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ใช้งบประมาณครั้งละ70ล้านบาท รวมเป็น 140 ล้านบาท ทำให้งบฯ หมด ทำให้โครงการที่อบจ.เคยสนับสนุนหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น รพ.สมเด็จยุพราชฉวาง รพ.ร่อนพิบูลย์หรืออื่นๆก็ไม่ได้รับงบประมาณ จึงขอให้กกต.โปรดพิจารณาวินิจฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไรกับนายกอบจ.ที่ลาออกก่อนครบวาระเนื่องจากทำให้เกิดปัญหาความเสียหายต่อหน่วยงานราชการ และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เรื่องนี้ได้ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว
ย้ำข้อมูลมัดแน่นขัดกฎหมาย
เรื่องที่สอง คือ กรณีนายทักษิณ ไปปราศรัยหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.หลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตนจับใจความการปราศรัยมาหลายครั้ง ประเด็นแรกนายทักษิณกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในการหาเสียงซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 6/2543 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2543 หยิบยกพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7มาประกอบการพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองหนึ่ง โดยระบุว่า พระมหากษัตริย์ อยู่เหนือการเมือง ยังขัดกับระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อที่ 22 ห้ามนำสถาบันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ เมืองทุกประเด็น
ประเด็นที่สอง กรณีนายทักษิณ พูดอย่างชัดเจนที่ อบจ.นครพนม เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2568 ว่าจะให้เงิน 20 ล้านบาท แก่ นพ.สุรพงษ์เพื่อจะนำเด็กไทยไปเป็นนางแบบโลก ซึ่งตรงนี้ชัดเจนมาก เพราะพ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 65 (1) (2) ห้ามสัญญาว่าจะให้ หรืออะไรก็ตามที่คิดหรือคำนวณได้ว่าเป็นเงินไปหาเสียงเลือกตั้ง นี่เป็นประเด็นที่ชัดเจน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นฯ
หลักฐานชัดมากไม่มีทางเลี่ยงได้
เมื่อถามว่า กรณีการปราศรัยของนายทักษิณวินิจฉัยแล้วจะนำไปสู่อะไร นายสนธิญา กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นผู้ช่วยหาเสียงของนายก อบจ.ซึ่งนายกอบจ.สมัครในนามของพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจะพันกันหมด เมื่อนายทักษิณเป็นผู้ช่วยหาเสียงสจ.ต้องรับผิดชอบ พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบซึ่งเป็นไปตามระเบียบกกต.เมื่อการกระทำใดก็ตามขัดต่อระเบียบกกต.ขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่นฯก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะประเด็นสัญญาว่าจะให้ 20 ล้านบาทนั้นชัดเจน ฉะนั้นจึงไม่มีทางใดหลีกเลี่ยงไปได้เลย
ถ้าเอาผิดไม่ได้/ฉีกทิ้งระเบียบ/ยุบกกต.
“ทั้งนี้ คำว่าต้องรับผิดชอบก็ต้องเป็นไปตามที่กกต.จะพิจารณาวินิจฉัยเช่นกรณีการสัญญาว่าจะให้อาจจะต้องดำเนินการไปถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ. และพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ชัดเจนมากหากยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลยก็ต้องฉีก 1.ระเบียบ กกต. 2. ฉีก พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นฯทิ้ง เพราะมันชัดเจนและไม่ต้องตีความอะไรแล้ว หรือถ้ายังไม่สำเร็จ อาจจะต้องยุบกกต.ทิ้งด้วย”นายสนธิญา ระบุ
เมื่อถามถึงกรณีนายกอบจ.ลาออกก่อนครบวาระ กกต.เคยชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ขัดกฎหมาย ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาในอนาคตจะเรียกร้องอย่างไร นายสนธิญา กล่าวว่า ตนเรียกร้องมาหลายครั้งว่า การที่นายกอบจ.ลาออกก่อนครบวาระนั้นเป็นช่องว่างที่ทำให้เกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาเราไม่เห็นความเสียหาย แต่วันนี้ที่นายกอบจ.นคร ศรีธรรมราชลาออกก่อนครบวาระแล้วเกิดความเสียหาย เพราะการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ใช้งบฯ กว่า 140 ล้านบาท ทำให้งบประมาณที่มีการคุยกันไว้กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้นก็ได้ไปวางแผนการทำงานของตัวเองแล้ว แต่เมื่อเอาเงินนั้นมาเลือกตั้งหมด หน่วยงานรัฐที่ตั้งแผนงานไว้แล้วก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการอำนวยความสะดวก กกต.จึงต้องแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยว่า ครั้งหลังจะทำอย่างไร หรือกรณีของนายกอบจ.นครศรี ธรรมราชที่ลาออกก่อนนั้นขัดต่อคุณธรรม ผิดจริยธรรมหรือไม่ ต้องแก้กฎหมายหรืออะไรก็ตาม กกต.ต้องเห็นกับปัญหาปัจจุบันที่เกิดขึ้นแล้วใครจะรับผิดชอบ เลือกตั้ง 2ครั้งเสียงบฯ โดยใช่เหตุ
‘ภูมิธรรม’ปาของใส่‘ทักษิณ’เกิดได้
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรัฐและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนกรณีที่มีประชาชนปาสิ่งของไปบนเวทีระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยหาเสียงที่ จ.มหาสารคาม ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ สถานการณ์อย่างนี้ใครจะสร้างก็เกิดขึ้นได้ ขอดูให้กว้างดีกว่า และอย่าเพิ่งไปบอกว่ามีผลประโยชน์อะไร เมื่อถามว่าผู้กระทำดังกล่าวระบุว่า“เคยเป็นคนเสื้อแดง” มาก่อน นายภูมิธรรมกล่าวว่า คนเสื้อแดงเดี๋ยวนี้มีมากมาย จนไม่รู้เป็นแดงกี่เฉด อย่าไปคิดในรายละเอียดเลย เอาเรื่องประเทศชาติเดินหน้าดีกว่า
‘สรวงศ์’ มั่นใจอบจ.กวาดหมดทุกจว.
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวมั่นใจในการเลือกตั้งนายกอบจ.พรรคเพื่อไทยจะกวาดหมดทุกพื้นที่ที่ส่งผู้สมัครว่าตนมั่นใจผู้สมัครทุกคนที่พรรคเราส่ง เราค่อนข้างมั่นใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน ระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้สมัครปราศรัยหาเสียงเต็มที่ โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นผู้ช่วยหาเสียงตัวผู้สมัครได้ติดต่อโดยตรงไม่ได้ผ่านพรรค พื้นที่ไหนที่นายทักษิณลงไป ตนก็มั่นใจว่าประชาชนที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลจะรื้อฟื้นนโยบายต่างๆ ที่เคยทำมาในอดีตได้ รวมถึงคนที่ยังไม่เคยได้ประสบพบเจอ หรือไม่อยู่ในตอนที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำนโยบายดีๆมากมายให้กับประเทศ จะได้รู้จัก และรื้อฟื้นสิ่งต่างๆ ขึ้นมา
ส่วนจะมีการลงพื้นที่ซ้ำในจ.เชียงใหม่และจ.เชียงราย นายสรวงศ์ ตอบว่าตนมั่นใจว่าทุกคนพยายามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จ.เชียงใหม่เป็นพื้นที่เป้าหมาย และเป็นจังหวัดสำคัญจังหวัดหนึ่ง พวกเราทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอากลับมาให้ได้ ทั้งหมดนี้อยู่ที่พี่น้องประชาชน ตนมั่นใจว่าไม่ว่าจะระดับชาติหรือท้องถิ่น ผู้สมัครของเราทุกคนทำเต็มที่ สิ่งต่างๆที่เราอยากทำมากที่สุดในตอนนี้ คือทำให้ผลงานออกสู่พี่น้องประชาชนให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งระดับชาติในปี 70
ไม่กังวล‘ทักษิณ’ถูกร้องปมหาเสียง
ส่วนกังวลเรื่องข้อกฎหมายที่อาจทำให้ถูกฟ้องร้องหรือไม่ ตนมองว่า ไม่น่าเกี่ยว เพราะไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผู้สมัครไปในนามพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล สิ่งต่างๆที่พูด ก็คือนโยบายรัฐบาล
ถามถึงกรณีมีประชาชนปาของขึ้นไปบนเวที ขณะที่นายทักษิณปราศรัย นายสรวงศ์กล่าวว่าก็ว่ากันไป หากนายทักษิณเห็นว่า ไม่ได้ถือโทษอะไร ตัวผู้ที่กระทำ ชาวบ้านก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร เรามีเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ หรือผู้สมัคร ย้ำว่า เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี