‘ภูมิธรรม’อ้างปชต.
ปิดช่องทำประชามติก.ม.กาสิโน
เบรกคนเห็นต่าง “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” อย่าค้านเยอะทำกระบวนการล่าช้า ปิดช่องข้อเสนอปชป.ทำประชามติ อ้างแถลงนโยบายต่อสภา ถือว่าได้มติจากประชาชนแล้ว ตามหลักประชาธิปไตยถ้าเรียกร้องไม่มีที่สิ้นสุดปท.เดินหน้ายาก ด้าน“เลขาฯกฤษฎีกา”เผยถกนัดแรกพิจารณา“ร่างพ.ร.บ.กาสิโน” แล้วเผยรัฐบาลขีดเส้น50วันต้องเสร็จ ชี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนจะทำประชามติหรือไม่เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารตัดสินใจ `ขณะที่ปชน.ไม่ติดใจรบ.ดึงเรื่องใต้ดินขึ้นบนดิน แต่ขอดูรายละเอียดกับได้คุ้มเสียหรือไม่
เมื่อวันที่ 21มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงไทม์ไลน์กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จะเสร็จเมื่อใดว่า ไม่ทราบ เพราะต้องดูตามกระบวนการ ขณะนี้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีไปแล้ว เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนจะมีปัญหาอะไรหรือไม่เป็นเรื่องอนาคตเราไม่ทราบ
นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่า เรื่องที่เราจะทำ man-made destination เน้นการท่องเที่ยวและมีหลายอย่างที่ครบวงจร ซึ่งทุกประเทศที่มีศักยภาพก็ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน ให้เราควบคุมได้ง่ายขึ้น ดีกว่าปล่อยให้มีอบายมุขทั่วเมืองเต็มไปหมด จะกลายเป็นแหล่งที่ผู้มีอิทธิพลเข้าไปหาประโยชน์ผลประโยชน์ที่ได้ตกอยู่กับผู้มีอิทธิพลใต้ดิน รวมถึงปัญหาสังคมหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องนิดเดียวเมื่อเทียบกับเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ถือเป็นเรื่องหลัก แต่คนพูดถึงน้อย เมื่อเทียบกับกาสิโนที่มีเพียง 10%แม้ว่าเราจะไม่ได้ปิดกั้นคนไทยแต่หวังว่าชาวต่างชาติจะเข้ามา
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ทำประชามตินั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งที่วิจารณ์เรารับฟังทั้งหมด แต่ไม่อยากให้เหมือนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ใช้เวลาเนิ่นนาน นโยบายต่างๆถูกดึงให้ช้าลง เพราะทุกอย่างเป็นแพ็คเกจทั้งหมดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงอยากให้เป็นไปตามกระบวนการทางประชาธิปไตย และเมื่อจะลงมือทำ ก็มามีความเห็น ซึ่งความเห็นต่างมีได้ แต่อย่าทำให้กระบวนการต่างๆถูกดึงให้ช้าลง อยากให้กำลังใจกันช่วยกันทำงานดีกว่า เพราะผลที่เกิดขึ้น ตรวจสอบได้อยู่แล้ว หากมีการคัดค้านแล้วเรื่องนี้ตกไป รัฐบาลต้องถอนเรื่องนี้ออกไปและทำเรื่องใหม่ ขอให้เวลารัฐบาล เพราะแถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว
“ตามหลักประชาธิปไตย ไม่ว่าประเทศไหนก็ตามเมื่อมีการเสนอเข้ามา ก็ถือว่าเหมือนได้ประชามติมาแล้ว เพราะเป็นการเสนอนโยบายต่อสาธารณะ ประชาชนทุกคนรับรู้ ในรัฐสภามีตัวแทนประชาชนจากทั่วประเทศให้การรับรองไปแล้ว ต้องทำประชามติอะไรอีกและขึ้นอยู่กับการตีความ เรื่องนี้ถือเป็นการทำประชามติเหมือนกัน หากความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด ประเทศจะเดินหน้ายาก”นายภูมิธรรมกล่าว
ด้านนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับหลักการว่า ได้ดำเนินการแล้ว ทำให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมุ่งเป้าไปตามแนวทางรัฐบาล Man-made Destination เป็นหลักเท่านั้นเอง ถ้าไปอย่างอื่นลำบาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องใช้ระยะเวลารวบรวมความคิดเห็นนานหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า รัฐบาลแจ้งมาว่าใช้เวลาได้ไม่เกิน 50 วัน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็พยายามรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ ซึ่งประชุมกันไปนัดหนึ่งแล้ว ก็ไปได้พอสมควรในเรื่องเค้าโครง เราไม่ได้เน้นเรื่องกาสิโน หรือเรื่องอะไรอย่างที่พูดกัน เน้น Man-made Destination เป็นหลัก ส่วนการจะมีกาสิโนด้วยก็เป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว
ถามย้ำว่า จำเป็นต้องทำประชามติฟังเสียงจากประชาชนหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ฝ่ายบริหาร ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญหรือมีผลกระทบเยอะรัฐบาลอาจทำได้ เมื่อถามต่อว่า กฤษฎีกาเห็นควรต้องดำเนินการทำประชามติหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ซึ่งกฤษฎีกาไม่ใช่ฝ่ายนโยบายจึงตัดสินใจไม่ได้
ที่รัฐสภา นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีการเสนอให้ทำประชามติก่อนว่า ถ้าเราจะประเมินนโยบายนี้จะพูดแค่พาดหัวไม่ได้ แต่ต้องดูรายละเอียดร่างกฎหมาย รวมทั้งข้อเสนอเพราะปีศาจมักอยู่ในรายละเอียดเสนอ เข้าใจว่าขณะนี้มีการปรับแก้กันในชั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อส่งร่างมาที่สภาแล้วคงมีโอกาสวิพากษ์วิจารณ์เสนอข้อคิดเห็นในรายละเอียดมากขึ้นสิ่งที่พรรคประชาชนตั้งคำถามแม้เราจะไม่ติดใจกับความพยายามเอาสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดินเพื่อกำกับดูแลให้ได้มาตรฐานมากขึ้น แต่เราต้องดูรายละเอียดข้อเสนอของรัฐบาลรอบนี้ ไม่ว่าจะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และกาสิโน ได้คุ้มเสียหรือไม่
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า รายละเอียดบางประการที่เราต้องศึกษาเพิ่มเติม เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดจากรัฐบาล ถ้าเรามองประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากนโยบายนี้ หากรัฐบาลพูดถึงประโยชน์ในการกระตุ้นการท่องเที่ยว ปัจจัยที่สำคัญคือสถานที่ตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เราจะเห็นได้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทยมักกระจุกอยู่ไม่กี่จังหวัด รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้กระจายรายได้ในการท่องเที่ยว การเลือกสถานที่เป็นสิ่งที่สำคัญถ้ารัฐบาลมองว่ามีรายได้เข้าสู่รัฐ เราต้องการความชัดเจนว่ารูปแบบในการแบ่งรายได้เป็นเช่นไร จะจัดสรรรายได้บางส่วนให้พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งหรือไม่ ในส่วนนี้เรายังไม่เห็นรายละเอียด
“ถ้ารัฐบาลมองว่านโยบายนี้เป็นประโยชน์ต่อการจ้างงานประชาชนในพื้นที่จริง การมีประชามติหรือประชาพิจารณ์ ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น จะเป็นบทพิสูจน์ว่ารัฐบาลสามารถโน้มน้าวประชาชนในพื้นที่ได้หรือไม่ ส่วนข้อเสียที่เราต้องทำงานเชิงรุกคือการป้องกันผลกระทบจากการพนัน ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์กำหนดว่าใครจะมีสิทธิเข้าใช้บริการบ้าง รวมถึงการป้องกันการฟอกเงิน และข้อกังวลในความโปร่งใส ทั้งเกณฑ์การประมูลที่จะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส เป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่กังวลเรื่องประโยชน์ทับซ้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อมูลจนถึงเวลา 16.00 น.วันนี้ (21 มกราคม) มีประชาชนร่วมลงชื่อไม่เอากาสิโนแล้ว 62,000 รายชื่อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี