เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "Sakoltee Phattiyakul" ระบุว่า หรือเราจะรอให้ฝุ่นมันหายไปเองตามฤดูกาล โดยไม่ต้องพยายามแก้ไขปัญหาอะไรเลย และปัญหาก็จะวนกลับมาแบบนี้ทุกปี ???????
ผมว่าช่วงเดือนที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ คงมีอาการแสบจมูก คันคอ และในบางรายที่หนักๆ ก็เห็นมีเลือดออกทางจมูก อันเนื่องมาจากค่าฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นภาวะปกติของช่วงปลายปีต่อเนื่องกับต้นปีที่อากาศในกรุงเทพฯ จะปิด แต่ระยะหลังดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจัยภายนอกที่เพิ่มมากขึ้นจากการขยายเมือง เช่น อากาศ พิษจากโรงงานอุตสาหกรรม การเผา และสันดาปของเครื่องยนต์รถยนต์เพราะการจราจรเพิ่มมากขึ้น
จริงอยู่ครับที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่และหนัก ซึ่งลำพังกรุงเทพมหานครหน่วยงานเดียวคงไม่สามารถแก้ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายหน่วยงานทั้งรัฐบาลและท้องถิ่นควบคู่ไปด้วยกัน…แต่ก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะทำให้ท้องถิ่นอย่างกรุงเทพมหานครนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่หลายอย่างกรุงเทพมหานครสามารถขยับเริ่มทำได้เลย
1 การเผาไม่ว่าจะจากจังหวัดอื่นหรือว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนนี้ต้องอาศัยทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาลด้านระหว่างประเทศ หรือจะเป็นจังหวัดอื่นๆ และกระทรวงที่รับผิดชอบในเรื่องการเผาพืชผลทางการเกษตร แต่ในส่วนของกรุงเทพฯ ก็มีการเผาไม่ใช่น้อยตามเขตรอบนอก อันนี้อำนาจกรุงเทพมหานครชัดเจนต้องเข้มงวดครับ เห็นได้ชัดยังมีการเผาขยะและอื่นๆ อยู่ทุกวัน
2 ในส่วนโรงงานอุตสาหกรรมรอบกรุงเทพฯ คงเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมต้องเข้มงวด แต่ในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ที่มีโรงงานอยู่เยอะ เช่น เขตบางขุนเทียนได้มีการตรวจสอบและเข้มงวดและใช้กลไกอำนาจของกรุงเทพมหานครกันหรือยัง ???
3 ในเรื่องการสันดาปของเครื่องยนต์ดีเซล ก็ต้องกล้าที่จะควบคุมเวลาเข้าออกของรถเหล่านั้น และตรวจเข้มงวดรถยนต์ที่ปล่อยควันพิษ ซึ่งเป็นอำนาจของทางกรุงเทพมหานครร่วมกับกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้ว อันนี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีความเข้มงวดกวดขันยังไงบ้าง
4 ในเรื่องการทำการจราจรให้เบาบางลงซึ่งก็จะเป็นผลพลอยได้ทำให้ลดติดน้อยและฝุ่นจะลดยนต์น้อยลง อันนี้สอบตกอย่างแรง เพราะยังไม่เห็นมีความขยับใดๆ ที่จะสนับสนุนให้คนมาใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น แต่กลับยกเลิกเรือโดยสาร EV และไม่เพิ่มเส้นทางใหม่ ทั้งๆ ที่กรุงเทพฯ มีเส้นทางเดินเรือเชื่อมต่อกับขนส่งสาธารณะอื่นได้มากมาย
รถไฟรถไฟฟ้าที่อยู่ในอำนาจของกรุงเทพมหานคร และอยู่ในแผน 3 สาย คือ สีเทา สีเงิน และสีฟ้า ซึ่งจะเป็นสายที่เชื่อมต่อกับสีเขียวที่มีอยู่แล้ว ตามข่าวว่าจะโอนไปให้ทางรัฐบาลดำเนินการ แม้จะอ้างว่าลงทุนสูง แต่ก็น่าเสียดายสิทธิ์เก็บกินและรายได้ในระยะยาวที่จะเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
สัญญาจราจร AI เหมือนที่หลายเมืองใหญ่ในประเทศใช้กัน ข้อดีคือสามารถกำหนดระยะเวลาไฟเขียว ไฟแดงตามสภาพจราจรจริง ไม่ตายตัว และไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่จราจรเปลี่ยนได้เองโดยไม่ได้ดูภาพรวมการจราจรทั้งกรุงเทพฯ ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะเริ่มทำเมื่อไหร่ ซึ่งโครงการนี้ถ้าทำในกรุงเทพเป็นโครงการระยะยาวที่ต้องทำต่อเนื่องครับ และต้องเริ่มได้แล้วครับ
รถโดยสาร EV ในเส้นทางที่ประชาชนอยู่กันหนาแน่นและรถโดยสารสาธารณะผ่านน้อย คอยรับคนไปหย่อนไว้ตามจุดเชื่อมต่อขนส่งสาธารณะ อันนี้จำเป็นมากและจะทำให้การเข้าถึงขนส่งสาธารณะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านี้ถ้าทำอาจจะสร้างกำไรน้อยมากครับ เผลอๆ อาจจะขาดทุนด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่เริ่มต้น ภาพใหญ่ที่จะตามมาไม่มีทางเกิดแน่นอนครับ และภาครัฐก็ไม่ควรที่จะคิดถึงผลกำไรขาดทุนมากจนเกินไป จนไม่กล้าที่จะริเริ่มทำใหม่
ทั้งหมดเป็นแค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเฉพาะแค่เรื่องฝุ่น PM 2.5 ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ๆ เริ่มทำได้ แต่ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำ…เสียดายเวลาและโอกาสมากๆ ครับ พอผ่านช่วงนี้ไปปีหน้าทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม
#ทำซักทีทำซักทีทำซักที
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี