ปิดประชุม WEF ดาวอส "นายกฯอิ๊งค์"ชูความสำเร็จ หารือ 11 เอกชนโลก พร้อมลงทุนไทย ปลื้ม Thailand Reception โชว์อาหารไทยสู่สายตาโลก พร้อมลงนาม FTA 4 ประเทศ
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจในการร่วมประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 ประจำปี 2568 ที่กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า การประชุมในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่ได้มาพร้อม “ทีมไทยแลนด์” ชุดใหญ่ ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดีอี , รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง , รมว.เกษตรและสหกรณ์ , รมต.พาณิชย์ , รมต.ต่างประเทศ , ผู้แทนการค้าไทย , เลขา BOI ซึ่งการประชุม เพียง 3 วัน แต่ประกอบไปด้วยการพบหารือกับคณะนักธุรกิจ และผู้นำของแต่ละประเทศมากถึงกว่า 20 ภารกิจ
ทั้งนี้ ประกอบด้วย การหารือกับ 11 บริษัทเอกชนชั้นนำระดับโลก ได้แก่ DP World / Nestle / Coca Cola / Bayer AG / Astra Zeneca / Salesforce / Google / Pepsi/ AWS / Grap / Amazon Web Services ซึ่งได้รับการตอบรับในการให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าหลายบริษัทที่เคยลงทุนในประเทศไทยอยู่ แล้วจะลงทุนเพิ่มมากขึ้น ส่วนบริษัทใหม่ๆ ก็ให้ความสนใจมากที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นในเร็ววันนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในระดับประเทศ ได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้นำประเทศ และหัวหน้ารัฐบาลถึง 4 ท่าน ได้แก่ ประธานาธิบดีสมาพันธรัฐสวิส , นายกรัฐมนตรีประเทศอาร์เมเนีย , นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐคอซอวอ และ ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนุส ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ , ศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นที่รู้จักกับนานาอารยะประเทศมากขึ้น ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทั้งระดับภูมิภาคและประเทศมากขึ้น
ขณะที่ กิจกรรมสำคัญตลอดการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่มีโอกาสได้ร่วมงานสำคัญในการให้การต้อนรับอาทิ งานเลี้ยงรับรองของประธาน WEF และทีมไทยแลนด์ยังได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวัน Thailand Reception ที่นำเสนอในรูปแบบไทยสไตล์ และอาหารไทย จนผู้ร่วมงานให้ความชื่นชม และสนใจในอาหารและวัฒนธรรมที่สวยงามของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องสำคัญที่สุดอันถือเป็นประวัติศาสตร์ทางการค้าของไทย กับประเทศในสหภาพยุโรป ที่ประเทศไทยได้ลงนามความตกลง FTA ไทย-EFTA / กับ 4 ประเทศเป็นครั้งแรก ทำให้เป็นโอกาสที่ดีของสินค้าไทยที่จะเข้าไปจำหน่ายในประเทศแถบยุโรปมากขึ้น
สำหรับเสาวนา Betazone "Not Losing Sight of Soft Power" และการร่วมกิจกรรมCountry Strategy Dialogue (CSD) on Thailand / และ Thailand Networking Dinner Reception ก็ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกับต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศในยุโรป และยังได้แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม อันเป็นซอฟเพาเวอร์ที่สำคัญของประเทศไทยที่จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นสินค้าให้ชาวยุโรปได้รู้จักมากขึ้น
ส่วนการพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำและบุคคลสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย , นายกรัฐมนตรีมอนเตรเนโก , นายกรัฐมนตรีสวีเดน , นายกรัฐมนตรีภูฏาน และ นาย Olivier Schwab บุตรชายของผู้ก่อตั้ง WEF , นาง Melanie Brown , (หัวหน้าด้านวัฒนธรรมของ WEF) อดีตนักร้องวงดนตรี Spice Girls ทำให้ประเทศไทย และต่างประเทศ ได้กระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่การพบกับผู้บริหารภาคเอกชนไทยที่เดินทางมาร่วมประชุม อาทิ ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ / CP / Bitkup ทำให้เห็นถึงแนวทางการลงทุน และรับฟังทุกคำเสนอแนะของการลงทุนของไทยในต่างประเทศอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า มาประชุมครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมาก ที่ได้มีโอกาสสื่อสารถึง “โอกาสและศักยภาพ” ของประเทศไทย และสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ด้วยที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้านความมั่นคงด้านอาหาร รวมทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยี พัฒนาคน ปรับกฏระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน เพื่อเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมอีกด้วย อีกทั้งยังได้โปรโมท Soft power ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร ที่มาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย จนกลายเป็นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าในปัจจุบัน เช่น มวยไทย อาหารไทย ผ้าไทย เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างประเทศ โดยรัฐบาลจะส่งเสริมให้เป็นเครื่องจักรใหม่ (engine force) ในการสร้างเม็ดเงินและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ
"มาครั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทั่วโลกจับตามอง และยังเป็นการติดตามเทรนด์โลกยุคใหม่ และได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้นำและบุคคลสำคัญๆซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายที่รัฐบาลกำลังทำ เช่น การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI การแพทย์ และสาธารณสุข รวมทั้งเตรียมเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทย ให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอีกด้วย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี