แตะเบรก7.7พันล.
มท.1ไม่ตั้งงบชดเชย‘อัลไพน์’
เชื่อมียื่นฟ้องร้อง/รอให้ศาลสั่ง
“อนุทิน” แตะเบรกตั้งงบ 7.7 พันล้านจ่ายชดเชย “คดีอัลไพน์” ยันต้องรอคำสั่งศาลตัดสินเท่านั้น-ฟังข้อมูลรอบด้าน เชื่อเรื่องนี้ยังอีกยาว พวกตนไม่อยู่แล้ว ชี้คอมเมนต์“ถาวร เสนเนียม” คล้ายตัวเอง ไม่ควรดึงเงินหลวงไปจ่าย
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการชดเชยผู้เสียหายในคดีที่ดินอัลไพน์ มูลค่า 7.7 พันล้านบาท ภายหลังอธิบดีกรมที่ดิน ได้รับคำสั่งเพิกถอนที่ดินอัลไพน์จากรองปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้วว่า อย่าเพิ่งไปไกลถึงตรงนั้นตนก็ไม่ทราบว่าใครไปตีมูลค่าที่ดินถึง 7.7 พันล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องฟังข้อมูลทั้งหมด รวมถึงความเห็นของนายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.มหาดไทยที่ระบุว่าหากใช้เงินหลวงจ่ายอาจจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องมีความผิด และควรให้ผู้เสียหายไปฟ้องเอาจากผู้ที่กระทำผิด ซึ่งถือเป็นข้อคิดจริงๆก็คิดคล้ายๆตนแต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงจุดที่ตนต้องให้นโยบายเพราะเรื่องทุกอย่างจบที่กรมที่ดิน และตนเชื่อว่าอะไรที่มาไม่ถูกต้องและรัฐต้องเป็นผู้ชดใช้ทั้งหมด
ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการฟ้องร้องทั้งหมด และมีการสอบสวนและคนที่ซื้อที่ดินทราบหรือไม่ว่าที่ดินมีปัญหาอยู่ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินเคยบอกว่า มีที่ดินหลายแปลงโฉนดสลักไว้เทาๆ ถ้าอยากดำเนินการต่อต้องทราบเอาไว้ ซึ่งตนเชื่อว่า สุดท้ายผู้เสียหายก็ต้องฟ้องและ ผู้ที่ครอบครองที่ดินอัลไพน์ก็ต้องฟ้อง และเมื่อกรมที่ดินเพิกถอนที่ดินไปแล้ว ดังนั้นผู้เสียหายต้องใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรม เช่น ศาลปกครองซึ่งจะมีการไต่สวนสอบสวนทุกอย่างจะออกมาหมด
เมื่อถามว่า กระทรวงมหาดไทยจะมีการตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยผู้เสียหายตอนไหนหรือต้องรอให้มีคำสั่งศาลก่อนนายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีการตั้งงบก่อนอยู่แล้ว ของแบบนี้กระทรวงมหาดไทยไม่มีงบจ่าย ถ้าศาลสั่งจริงๆต้องไปของบกลาง หรือขอทางนายกรัฐมนตรี และไปถามสำนักงบประมาณหากมีคำสั่งศาล เมื่อมีคำพิพากษาให้รัฐชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณีว่าทำอย่างไร แต่ส่วนใหญ่เราก็ต้องมีข้อมูลว่าสิ่งที่เราทำไปถูกต้องหมด เรื่องนี้ถึงใช้เวลา 20 ปี ซึ่งตนไม่ทราบว่าทำไมเรื่องถึงมาจบที่ยุคตน ยุคท่านปลัดมท. ท่านอธิบดีกรมที่ดินก็ไม่รู้
เมื่อถามว่า ตราบใดเมื่อไม่มีคำสั่งศาลให้ชดใช้ผู้เสียหาย จะไม่มีการตั้งงบประมาณก่อนใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า“กว่าจะตั้ง รอ 3 ศาลนู่น ยังอีกนาน พวกผมไม่อยู่แล้ว”
เมื่อถามถึงแนวทางที่ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอออกเป็นพ.ร.บ.โอนที่ดินให้ผู้เสียหายแทนการชดใช้เงินอยู่ในแนวทางการแก้ปัญหาของกรมที่ดินหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้เลย เรื่องนี้ไม่เหมือนเขากระโดงเพราะเป็นที่ของรัฐ แต่ที่ดินอัลไพน์เป็นที่ธรณีสงฆ์ ถ้ามีการเพิกถอนตอนนี้ที่ดินก็ตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ก็ต้องไปดูกันเอง ตามความต้องการให้มรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์สดว่า การเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่ใช่การเอาคืนทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย เพราะกระทรวงมหาดไทย ถ้าไม่ทำ ก็ติดคุกเสียเอง เรื่องนี้ความจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องการเมืองอะไร แต่เป็นเรื่องต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ตามกฎหมายที่มีทั้งคำพิพากษาของศาลและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎี โดยที่ประชุมใหญ่ จึงเป็นอื่นกันไม่ได้
ส่วนกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ก่อนพ้น รมช.มหาดไทย ได้เซ็นคำสั่งให้กรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลและการวินิจฉัยของกฤษฎีกา ดังนั้น ทุกอย่างจึงอิงด้วยข้อกฎหมาย ส่วนการชดเชยนั้น ทำได้เฉพาะคนสุจริต แต่กรณีนี้เหมือนเป็นการสมคบคิดกันหาประโยชน์มาตั้งแต่ต้น
“ผมว่าถ้าเอาเงินแผ่นดินไปชดใช้แล้ว คนจะลุกฮือกันมากในเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกันมาตั้งแต่ต้น และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนในวันเวลาที่ตัวเอง (ทักษิณ ชินวัตร) มีอำนาจ ซึ่งไม่ได้ต่างกันจากกรณีอื่นๆ ที่ศาลเคยพิพากษาคดีทุจริตเอาไว้”
นายจตุพร กล่าวว่าถ้าเรียงเรื่องอัลไพน์แล้ว คนระดับนายทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯ ไม่รู้หรือว่า อะไรเป็นอะไร และเป็นที่ดินมีที่มาจากไหน อย่างไร ซึ่งย่อมต้องรู้ เพราะเป็นคนที่รู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ทำไมเรื่องที่ดินอัลไพน์ไม่ไป “สทร.” กันบ้าง
อีกทั้งนายทักษิณไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่แสดงตนเป็นเจ้าของยิ่งจะเป็นปัญหากันต่อไป เพราะสิ่งที่น่าวิตกคือคำว่า จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเทียบเคียงกับกรณีของอดีต รมช.กนกวรรณ วิลาวัลย์ หรือ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. และบุกรุกป่าสงวน แล้วถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ส่วนกรณีที่ดินอัลไพน์กลับหนักกว่าด้วยซ้ำ
นายจตุพร ยังวิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเจอปัญหาตามมามากมายรวมทั้งการเปิดกาสิโน ที่สุดท้ายประเทศก็ย่อยยับ รัฐบาลก็ย่อยยับ จนไม่สามารถสั่งการได้สักหน่วยงานเลย
นายจตุพร กล่าวว่า นายทักษิณ และนายกฯ ยังไม่อยากยุบสภา จึงต้องเล่นบทเกรี้ยวกราดให้ดูเสมือนเป็นผู้แข็งแรง เพื่อให้ได้ชนะ แต่ยังเดินไปหาในจุดที่ขาดความชอบธรรม แล้วจะเอาอะไรมาชนะ เพราะท้ายสุดความไม่ชอบธรรมและการลุอำนาจจะกลับมาทำลายตัวเอง แล้วเคยจบอย่างไรก็จะจบอย่างนั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี