‘สุดาวรรณ’อู้ฟู่749ล.
‘พิธา’มีไม่เบา63ล้าน
‘หมอเกศ’รวย126ล.
พลเอกพิศาล46ล้าน
ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สิน “สุดาวรรณ”อู้ฟู่ 749 ล้าน รายได้ขายหุ้น 413ล้าน ติดหนี้พ่อแม่ 195 ล้าน เก็บที่ดิน63 แปลง ของหรูหราเพียบ ด้าน“พิธา”รวยไม่เบา 63.5 ล้าน“หมออ๋อง” มีทรัพย์สิน 12 ล้าน “เบญจา แสงจันทร์” 5 ล้าน “พลเอกพิศาล” ที่หนีคดีสลายชุมนุมตากใบ รวย 46 ล้านสะสมวัตถุโบราณพระเครื่องพระบูชา
ขณะที่ “หมอเกศ” สว.สาวสวย รวย 126 ล้านบาท หนี้ 43 ล้าน ครองที่ดินเพชรบุรี 50 กว่าแปลง สร้อยทอง-เพชร กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู เพียบ ส่วน “พ่อตาธรรมนัส” 32.7 ล้าน สะสมปืน 9 กระบอก
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง กรณีเข้ารับตำแหน่ง จำนวน 31 คน และกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน 8 คน โดยในส่วนของ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แจ้งบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม แจ้งสถานะว่าโสด มีทรัพย์สิน รวม 749,292,603 บาท ประกอบด้วย เงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 25 บัญชี รวม 21,101,861 บาท เงินลงทุน รวมมูลค่า 951,863 บาท เงินให้กู้ยืม รวม 413,924,000 บาท ที่ดิน 63 แปลงส่วนใหญ่ใน จ.นครราชสีมา อุบลราชธานี กทม. รวมมูลค่า 220,430,350 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 5 แห่ง เป็น บ้าน 3 หลัง ห้องชุด 2 ห้อง รวมมูลค่า 62,034,863 บาท ยานพาหนะ 5 คัน รวมมูลค่า 9,400,000 บาท สิทธิและสัมปทาน รวมมูลค่า 13,594,675 บาท
ทรัพย์สินอื่น รวมมูลค่า 7,555,000 บาท มีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือทั้งสิ้น 195,725,000 บาท แจ้งมีรายได้รวมต่อปี รวม 416,111,480 บาท ในจำนวนนี้มาจากการขายหุ้น แต่ยังไม่ได้รับเงิน 413,924,000 บาท มีรายจ่ายรวม 2,338,267 บาท แจ้งมีเงินให้กู้ยืมกว่า 413 ล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้นรวม 5 คน
ต่างหูเพชร-นาฬิกาแบรนด์เนม
ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ สะสมต่างหูเพชร 4 รายการ 4,950,000 บาท นาฬิกาหลุยส์ วิตตอง 1 เรือน 1.2 แสนบาท นาฬิกาคาร์เทียร์ 1 เรือน มูลค่า 1.2 แสนบาท นาฬิกาบุลการี 1 เรือน มูลค่า 3.9 แสนบาท นาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน 1.1 ล้านบาท นาฬิกาแฟรงค์ มุลเลอร์ 1 เรือน 3.8 แสนบาท กำไลข้อมูลคาร์เทียร์ 1 รายการ 4.3 แสนบาท ปืนสั้น 1 กระบอก 65,000 บาท
ส่วนหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือกว่า195ล้านบาท เป็นการกู้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล (บิดา) 2รายการ รายการแรกทำสัญญาเมื่อ 17 ก.ค.2562 ยอดหนี้เหลือเต็มจำนวน 44 ล้านบาท รายการที่สอง เป็นเจ้าหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น จำนวน 155,525,000 บาท ยอดหนี้คงเหลือ 122,525,000 บาท และเป็นหนี้นางยลดา หวังศุภกิจโกศล (มารดา) 3 รายการ สัญญาแรก 17 ก.ค. 2562 จำนวน 73 ล้านบาท ยอดนี้คงเหลือ 17.2 ล้านบาท สัญญาที่สอง 29 ก.ย. 2564 ยอดหนี้คงเหลือเป็นจำนวน 5 ล้านบาท และสัญญาสาม 21 ก.พ. 2566 เดี๋ยวนี้คงเหลือเต็มจำนวน 7 ล้านบาท
สำหรับ น.ส.สุดาวรรณ เคยเป็น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นลูกสาวคนโตของนายวีรศักดิ์ ซึ่งเป็นบ้านใหญ่โคราช อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย นักธุรกิจแป้งมันชื่อดังของไทย
‘พิธา’รวยอู้ฟู่ 63.5 ล้าน
ส่วน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สส.พรรคก้าวไกล กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 63,501,166 บาท มีหนี้สิน 1,037,017 บาท ทรัพย์สิน ประกอบไปด้วย เงินสด 1,800,000 บาท , เงินฝาก 2,196,542 บาท , เงินลงทุน 1,399,510 บาท , เงินให้กู้ยืม 13,000,000 บาท , ที่ดิน 11,776,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,000,000 บาท , ยานพาหนะ 2,140,000 บาท , สิทธิ์และสัมปทาน 4,048,142 บาท และทรัพย์สินอื่นมูลค่า 12,140,970 บาท นอกจากนี้ มีเงินเกินบัญชีซึ่งเป็นหนี้สิน 1,037,017 บาท
ส่วนทรัพย์สินอื่นมูลค่า 12,140,970 บาท ประกอบไปด้วย โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง มูลค่า 166,700 บาท , เสื้อ 28 ตัว มูลค่า 188,000 บาท , สูท 17 ชุด มูลค่า 1,200,000 บาท , เน็คไท 76 เส้น 228,000 บาท , รองเท้า 21 คู่ มูลค่า 150,000 บาท , อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 33 ชิ้น มูลค่า 1,742,680 บาท , ชุดเฟอร์นิเจอร์ 1 ชุด มูลค่า 100,000 บาท , กล้อง 3 ตัว มูลค่า 657,690 บาท , นาฬิกา 10 เรือน มูลค่า 5,707,900 บาท และพระเครื่อง 8 องค์ มูลค่า 2,000,000 บาท มีที่ดิน 2 แปลง มูลค่า 11,776,000 บาท ซึ่งเป็นโฉนดที่ดิน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เนื้อที่หนึ่งไร่หนึ่งงาน 22 ตารางวา ได้มาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 มูลค่า 7,876,000 บาท และที่ดินอีกหนึ่งแปลงที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 1 ไร่ ได้มาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มูลค่า 4,400,000 บาท สำหรับเงินให้กู้ยืมจำนวน 13,000,000 บาท ผู้กู้คือ ญาติพี่น้องของนายพิธา
ทั้งนี้ นายพิธาได้เปิดบัญชีทรัพย์สินครั้งก่อนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ครั้งนั้นมีทรัพย์สิน 65,530,955 บาท ซึ่งการเปิดบัญชีครั้งนี้มีทรัพย์สินลดลงประมาณ 2,029,789 บาท
“หมออ๋อง-ปดิพัทธ์”12ล้าน
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตสส.พิษณุโลกและอดีตรองประธานสภาผู้แทนฯ ยื่นกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 แจ้งสถานภาพสมรสกับนางปิยนุช สันติภาดา มีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 12,077,113 บาท หนี้สินรวม 2,338,295 บาทโดยแจ้งว่ามีทรัพย์ สิน 9,399,081 บาท เป็นเงินสด 2,000 บาท เงินฝาก 26,463 บาท เงินลงทุน 451,288 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8,690,000 บาท สิทธิ์และสัมปทาน 229,330 บาท มีหนี้สิน 1,513,346 บาท จากเงินเบิกเกินบัญชี 35,068 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,478,278 บาท
ขณะที่คู่สมรสแจ้งว่า มีทรัพย์สิน 2,544,121 บาท เป็นเงินสด 5,000 บาท เงินฝาก 521,059 บาท เงินลงทุน 812,427 บาท ยานพาหนะ 863,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 75,634 บาท และทรัพย์สินอื่น 267,000 บาท โดยมีหนี้สิน 824,948 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี 4,948 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 820,000 บาท ขณะที่ทรัพย์สินอื่น มูลค่า 267,000 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย สร้อยคอ แหวน และสร้อยข้อมือ ซึ่งเป็นของคู่สมรส
“เบญจา”ทรัพย์สิน5ล้าน
ด้าน นางสาวเบญจา แสงจันทร์ แจ้งบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 5,112,284 บาท แบ่งเป็นเงินสด 500,000 บาท เงินฝาก 599,854 บาท เงินลงทุน 12,296 บาท ยานพาหนะ 2,690,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 80,133 บาท และทรัพย์สินอื่น 1,230,000 บาท ประกอบด้วยสร้อยคอทองคำ 5 เส้น มูลค่า 200,000 บาท นาฬิกา 4 เรือน มูลค่า 400,000 บาท กระเป๋า 18 ใบ มูลค่า 200,000 บาท แหวนเพชร 4 วง มูลค่า 200,000 บาท รองเท้า 35 คู่ มูลค่า 200,000 บาท และอาวุธปืน 1 กระบอก มูลค่า 30,000 บาท มีหนี้สิน 249,835 บาท จากเงินเบิกเกินบัญชี และแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 1,412,720 บาท จากเงินเดือน เงินเพิ่ม 1,362,720 บาท และเบี้ยประชุม 50,000 บาท
“พลเอกพิศาล”รวย46ล้าน
พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี กรณีพ้นจากสส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเมื่อ 14 ต.ค. 67 โดยพลเอกพิศาล และ นางมณีรัตน์ คู่สมรสแจ้งมีทรัพย์สินรวม 46,103,958 บาท และมีหนี้สิน 186,112 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของพลเอกพิศาล 10,675,196 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก12 บัญชี 2,842,196 บาทที่ดิน ในจังหวัดเพชรบุรี สงขลา ขอนแก่นรวม 5 แปลงมูลค่า 5.28ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดในเขตบางเขนกทม.มูลค่า300,000 บาทยานพาหนะ 4 คัน มูลค่า1,010,000 บาทสิทธิและสัมปทาน 273,000 บาททรัพย์สินอื่น 970,000 บาท และมีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 186,112 บาท และแจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 2,635,035 บาท แบ่งเป็นเงินเดือนและเงินเพิ่มส.ส 860,858 บาทเงินบำนาญ 933,744 บาทค่าตอบแทนบริษัท 840,433 บาท มีรายจ่าย ต่อปี 1.43ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 1.2 ล้านบาท ค่าอุปการะบิดามารดา 100,000 บาทเงินบริจาค 50,000 บาท
ส่วนนางมณีรัตน์มีทรัพย์สินรวม 35,428,762 บาทแบ่งเป็นเงินฝาก5 บัญชี 293,762 บาทที่ดิน9 แปลงทั้งในจังหวัดนนทบุรี เชียงใหม่ สงขลาประจวบคีรีขันธ์ รวม23.5 ล้านบาทโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นห้องชุดและบ้านพักใน จ.นนทบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.สงขลา รวม 5 หลังมูลค่า 10.3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 1,335,000 บาทและมีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 0.48 บาท ไม่มีแจ้งว่ามีรายได้ หรือรายรับต่อปี
ทั้งนี้ พลเอกพิศาล เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสลายการชุมนุมอำเภอตากใบจังหวัดนราธิวาสซึ่งคดีหมดอายุความไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 67 โดยก่อนหน้าที่คดีจะหมดอายุความพลเอกพิศาลได้ยื่นหนังสือขอลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ 26 ส.ค.ถึง 30 ต.ค. 67โดยอ้างว่าป่วยและเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้เดินทางมามอบตัวและได้ยื่นหนังสือลาออกจากสส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยในเวลาต่อมา
“หมอเกศ”ทั้งสวยทั้งรวย126ล้าน
น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ “หมอเกศ”กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โดย น.ส.เกศกมล และนายอนุสรณ์ หนังสือคู่สมรส ซึ่งจดทะเบียนเมื่อ 21 ส.ค 50 และบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อและอายุรวม 4 คน แจ้งมีทรัพย์สินรวม 126, 804,479 บาท มีหนี้สินรวม 43,211, 671 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของน.ส.เกศกมล 86,815,845 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 22 บัญชี1,329,669 บาท เงินให้กู้ยืม 800,000 บาท ยอดหนี้เหลือเต็มจำนวนที่ดิน41 แปลงใน จ.เพชรบุรี และ จ.นนทบุรี รวม 54,898,870 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 12 หลังเป็นทั้งบ้านและตึกแถวรวม 22,550,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 5,508,367 บาท โดยเป็นเงินประกันชีวิตและการผ่อนชำระที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทรัพย์สินอื่น 1,728,938 บาท และมีหนี้สิน 23,708,290 บาท แบ่งเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 146,503 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 6 บัญชี 6,517,286 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 17,044,500 บาท เป็นสัญญาเงินกู้รวม 4 ฉบับ
แขวนป้ายหมอรับปีละ210,000บาท
นอกจากนี้ แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 782,800 บาท โดยเป็นรายได้จากการแขวนป้าย(หมอ)210,000 บาท รายได้จากเงินเดือน สว. 567,800 บาท รายได้จากค่าเช่าที่ต่อปี 5,000 บาท เป็นต้น
สำหรับทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจของทั้งคู่ส่วนใหญ่เป็นสร้อยคอทองคำ และสร้อยข้อมือทอง อาทิ สร้อยข้อมือทองคำฝังเพชร 1 เส้นมูลค่า 120,000 บาทสร้อยคอทองคำฝังเพชร 1 เส้น มูลค่า 150,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีนาฬิกา Rolex Datejust มูลค่า 250,000 บาท กำไลทองฝังเพชรBulgari มูลค่า 95,000 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม 67 ใบ อาทิ กระเป๋าเสื้อผ้า louis vuitton มูลค่า 40,000 บาท เป็นต้น
‘พ่อตาธรรมนัส’32.7 ล้าน
ส่วนบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน นายขจรศักดิ์ ศรีวิราช กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อ23ก.ค. 2567 แจ้งว่า นายขจรศักดิ์ และ นางรุ่งนภา ศรีวิราช คู่สมรสแจ้งมีทรัพย์สินรวม 32,723,962 บาท เป็นทรัพย์ สินของนายขจรศักดิ์24,728,770 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก5 บัญชี 2,133,750 บาท ที่ดิน6 แปลงทั้งหมดอยู่ใน จ.พะเยา รวม 11,861,720 บาท โรงเรียนและสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง ไม่ระบุประเภทมูลค่า 9,911,700 บาท ยานพาหนะ 2 คัน มูลค่า 400,000 บาท และ ทรัพย์สินอื่น 421,600 บาท อาวุธปืนขนาดต่างๆ รวม 9 กระบอก นอกจากนี้แจ้งว่ามีรายได้โดยประมาณต่อปี 1,362,720 บาทจากเงินเดือนสว.
ส่วนนางรุ่งนภามีทรัพย์สินรวม7,995,192 บาท เป็นเงินฝาก 6 บัญชี 1,317,082 บาทที่ดิน 2 แปลงในจังหวัดพะเยา 2,209,710 บาทยานพาหนะ 3 คันมูลค่า 4.1ล้านบาทสิทธิและสัมปทาน 368, 399 บาท ทั้งนี้ไม่มีการแจ้งข้อมูลรายรับและรายจ่ายต่อปี
สำหรับนายขจรศักดิ์ มีศักดิ์เป็นพ่อตาของร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมวเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นพ่อของน.ส.ธนพร ศรีวิราช ซึ่งเป็นภรรยาภรรยาอีกคนของ ร.อ.ธรรมนัส และก่อนสมัครเข้ารับเลือกเป็นส.ว.เคยตำแหน่งเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี