สภารับร่างตั๋วร่วม
เดินทางบัตรเดียว
ลดใช้จ่าย/โลกร้อน
ตั้งกมธ.แปรญัตติ
สภาฯไฟเขียว รับหลักการ“ร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วม”ตั้ง 31 กมธ.พิจารณา‘รมช.คมนาคม’เฟิร์มทำเพื่อปชช.เดินทางได้ทุกระบบด้วยบัตรใบเดียว-ลดใช้จ่าย-ลดโลกร้อน ‘ปชน.’ติงไม่ใช่ นโยบาย 20บาท มีแต่‘ระบบราง’ไร้ครอบคลุม-ไม่ตอบโจทย์
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เวลา10.40น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ….ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นผู้เสนอ และร่างที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนและคณะเป็นผู้เสนอ
โดย นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคมได้ชี้แจงหลักการและเหตุผล เพื่อเป็นการสนับสนุน การให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ และเรือโดยสารว่าในสถานการณ์ปัจจุบันการขนส่งสาธาณณะและการบริการที่มีความหลากหลาย โดยให้ผู้บริการแต่ละรายมีต้นทุนในการจัดการและบริหาร รวมทั้งการจัดเก็บผู้โดยสารหรือค่าธรรมเนียมของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ต้นทุนของการให้บริการขนส่งสาธารณะอยู่ในอัตราที่สูงและผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบต้นทุนดังกล่าว และยังทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายแก้ประชาชนผู้ใช้บริการโดยใช้บัตรโดยสารใบเดียว เดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะทให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมจากขนส่งส่วนบุคคลมาเป็นขนส่งสาธารณะ ช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดภาวระโลกร้อน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล
ในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีหลัการสำคัญ 5 ประการ คือ 1.การจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลาง โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนและการขนส่งการจราจาร หรือสนข.และใช้เป็นมาตราฐานกลางสำหรับตั๋วร่วมในอนาคต 2.เป็นการกำหนดอัตราโดยสารร่วม โดยนอำนาจของรมว.คมนาคมในการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม และเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมไปใช้บังคับในการทำสัญญาสัมปทานขนส่งสาธารณะในอนาคต 3.จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม4.ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฏหมายฉบับนี้ 5.ในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วมและต้องได้ใบรับอนุญาตตามกฏหมายฉบับนี้ เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วมหรือเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดในการส่งเสริมระบบตั๋วร่วมเพื่อป้องกันการเสียหายต่อสาธารณะ
“ภาพรวมทั้งหมดของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มีทั้งหมด 7หมวด 54 มาตรา เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและอำหนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วยการใช้บัตรโดยสารใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางจากขนส่งส่วนบุคคลมาเป็นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล“ รมช.คมนาคม กล่าว
นายสุรเชษฐ์เสนอหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายที่ได้เสนอโดยสรุปถึงข้อแตกต่างระหว่างร่างของร่างรัฐบาลและร่างของพรรคประชาชน เพื่อชี้เห็นว่าเหตุใดถึงต้องใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลักว่า โดยหลักการเราสนับสนุนให้มีระบบตั๋วร่วม แต่เราต้องการให้เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ระบบสาธารณะที่ดีไม่ใช่มีเฉพาะร่าง ต้องทำให้รถเมล์กับรถไฟฟ้าทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่สร้างโลกคู่ขนานอุดหนุนแต่รถไฟฟ้า แล้วละเลยรถเมล์ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ ร่างพ.ร.บ.ของ ครม.และพรรคประชาชนแตกต่างกัน เช่น คำว่าตั๋วร่วม กับค่าโดยสารร่วม ซึ่งคำว่า“ค่าโดยสารร่วม”จะส่งผลโดยตรงต่อชีวิตประชาชนจริงๆ หรือกรณี ตั๋วร่วม 20 บาทตลอดทางของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหมายถึงเฉพาะรถไฟ รถไฟฟ้า แต่ค่าโดยสารร่วมตามข้อเสนอของพรรคประชาชนมีราคา 8-45 บาทตลอดทาง ที่รวมถึงทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ ดังนั้นจะต้องเขียนกฎหมายให้ครอบคลุมกับการบริการขนส่งสาธารณะทั้งหมดของประเทศ
“พ.ร.บ.ตั๋วร่วม อาจจะไม่ได้ตอบนโยบาย 20 บาทโดยตรง แต่อย่างน้อยให้กรอบอำนาจที่จะไปทำ แม้เราจะมีนโยบายที่แตกต่างกัน แต่เราต้องการ พ.ร.บ.เดียวกัน ดังนั้นจะต้องคิดว่าจะเขียน พ.ร.บ.อย่างไรให้ครอบคลุม และไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนไปอย่างไร พ.ร.บ.ฉบับนี้จะต้องยังอยู่” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่าร่างของพรรคประชาชน มีนิยามที่ชัดเจน ครอบคลุมและไม่สับสน โดยเพิ่มสัดส่วนผู้แทนประชาชนในคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพิ่มความชัดเจนและกลไกโดยคำนึงถึงความชัดเจนและการบังคับใช้จริง เพิ่มหน้าที่ผู้ประกอบการระบบร่วมให้เปิดเผยสถานะทางการเงิน เพิ่มความชัดเจนในการใช้เงินกองทุน โดยมุ่งหวังสร้างสมดุลย์การอุดหนุนบริการขนส่งสาธารณะ พร้อมคำนึงถึงภาระทางการคลังระยะยาว
หลังจากนั้นสมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นที่หลากหลายกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการมีร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ในที่สุด ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยรับหลักการด้วย 367 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจำนวน 31คน และเห็นชอบให้ใช้ร่างครม.เป็นหลักในการพิจารณา ระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี