ค้านกาสิโน/ต้องทำประชามติ
ล่า5หมื่นรายชื่อ
เครือข่าย200องค์กรออกโรง
หวั่นอบายมุขผุดเต็มเมือง
กฤษฎีกาทำร่างภายใน50วัน
ชี้แค่พ่อครัวทำให้ถูกใจลูกค้า
องค์กรภาคีเครือข่าย 200 องค์กรร่วมกลุ่มประชาชนหลากหลายอาชีพ และนักศึกษา ตั้งโต๊ะล่า 5 หมื่นรายชื่อ “ไม่เอากาสิโน ต้องทำประชามติ” รณรงค์หยุดพ.ร.บ. ซ่อนแอบทุกกาสิโนใต้เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สถานบันเทิงครบวงจร ไม่ตรงปก ตีเช็คเปล่า เอื้อทุนใหญ่ ไม่เห็นหัวประชาชน เลขาฯกฤษฎีกา แจงเร่งทำกม. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้เป็นแผนเร่งด่วนต้องทำภายใน 50วัน เปรียบ กฤษฎีกาเหมือน พ่อครัว ต้องทำตามโจทย์ให้ถูกใจลูกค้า
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เวลา10.30น. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและองค์กรภาคีเครือข่าย200องค์กร ร่วมกับ กลุ่มประชาชนหลากหลายอาชีพและนักศึกษา ตั้งโต๊ะแถลงข่าวภายใต้หัวข้อ “ประชาชนเดินหน้าล่า 5หมื่นรายชื่อ ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ โดยมีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
โดย รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวถึงประเด็นความสำคัญของการทำประชามติกับการเปิดกาสิโน โดยรัฐบาลใช้อบายมุขมาผลักดันนโยบายเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งประเทศจีน และประเทศฟิลิปปินส์ ก็ไม่เอากาสิโน จากที่เดิมก่อนหน้านี้แม้ว่าประเทศจีน จะมีประชาชนไปเล่นการพนันในประเทศอื่น ซึ่งทำให้เม็ดเงินจากประเทศจีนหายไปเป็นจำนวนมากอย่างมหาศาล แต่สีจิ้นผิงมีนโยบายประกาศว่า กาสิโนไม่ถูกกฎหมาย จึงเห็นได้ว่าการมีกาสิโนจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีการทำประชามติ ซึ่งรัฐบาลบอกเองว่าเป็นรัฐบาลประชาธิป ไตย จึงจำเป็นต้องมีการทำประชามติเหมือนกับนานาอารย ประเทศ
อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2566 ไม่มีพรรคการเมืองใดชูนโยบายว่าจะเอาการพนันใต้ดินให้ขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมาย แต่ปัจจุบันกลับนำเอากาสิโนเข้ามาเป็นนโยบายรัฐบาล ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกเข้ามา อีกทั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กำหนดไว้ในมาตรา 57 ว่าทุกพรรคการ เมือง ไม่ได้มีการพูดถึงนโยบายเรื่องนี้ไว้ในการหาเสียง แต่กลับมาใช้นโยบายที่นอกเหนือการรายงานไว้ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่กกต.ต้องพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร และนโยบายกาสิโนก็เป็นนโยบายที่ผิดกฎหมาย
ด้าน ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือจ๊ะเอ๋ ออกซิเจนคนจนหนึ่งในประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการเปิดกาสิโน กล่าวถึงความต้องการที่ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการกาสิโน ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้ แต่เมื่อมองแล้วรู้สึกว่าประเทศนี้ นักการเมืองหาเสียง แถลงนโยบายต่างๆ โดยไม่มีใครบอกว่าจะเอาการพนันถูกกฎหมายเข้ามา อยากถามว่า ได้ถามประชาชนสักคำไหมว่าการพนันสิ่งผิดกฎหมายประชาชนอยากได้หรือไม่ ตนอยากถามว่าการทำประชาวิจารณ์มันคืออะไร แต่กลับมาบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำประชามติ ถือเป็นคำพูดที่เหยียบประชาชน เพราะประเทศนี้ก็เป็นของประชาชน ยืนยันย้ำไม่ต้องการ การพนันที่มอมเมา ต่อไปในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ ประเทศไทยไม่ใช่ของนักการเมือง สิ่งที่พัฒนาในประเทศมีตั้งเยอะแยะคุณสามารถทำได้แต่อันนี้ไม่สมควรตนจึงไม่เห็นด้วย คนที่จะมีประชามติให้ประชาชนออกมามีส่วนร่วมว่าจะเอาหรือไม่
ด้าน นายธนกร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวถึง การทำประชามติที่เปิดช่องทางให้สังคมได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น เนื่องจากประเด็นดังกล่าวนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อลูกหลานในอนาคต เพราะกฎหมายฉบับนี้ที่กำลังพิจารณากันอยู่ เป็นการเปิดโอกาสให้มีสถานบันเทิงอย่างครบวงจร เปิดให้มีการเล่นการพนันขนาดใหญ่และพนันอย่างเต็มรูปแบบ โดยมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเป็นผู้ริเริ่ม ในการเล่ารายชื่อเพื่อส่งต่อรัฐบาลในการทำประชามติ โดยผู้มีสิทธิ์เข้าชื่อในการทำประชามติ ไม่น้อยกว่า 5 หมื่นรายขื่อเพื่อเสนอให้รัฐบาลควรต้องมีการจัดทำประชามติ โดยผ่าน 5 ขั้นตอน ไปจนถึงคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดวันลงประชามติ ภายใต้ระยะเวลาการดำเนินการที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 120 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องความชอบธรรมที่ประชาชนประกาศชัดเจนดำเนินการตามขั้นตอน
ส่วนเรื่องการตั้งหัวเรื่องการขอทำประชามตินั้น ต้องเกิดความรัดกุม ป้องกันความกำกวมอันอาจจะก่อให้เกิดความไหลเลื่อนของความหมายเป็นอย่างอื่นได้ จึงตั้งหัวเรื่องประชามติว่า “ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มแหล่งพนันในสังคมโดยนโยบายรัฐบาล” ซึ่งครอบคลุมได้ทั้งกาสิโน พนันออนไลน์ หรืออื่น ๆ สุดแท้แต่ที่ผู้กำหนดนโยบายอาจมีความปรารถนาจะใช้อำนาจทางการเมืองผลักดันให้เกิดในอนาคต เพราะการพนันเป็นสิ่งที่พึงถูกจำกัดและควบคุมโดยนโยบายของรัฐ การจะเพิ่มแหล่งพนันโดยใช้นโยบายรัฐบาลเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะโดยการบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ การแก้กฎหมายฉบับเดิม หรือการออกเป็นกฎหมายระดับรอง
ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ “ยักษ์แปลงกาย” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายที่หละหลวมกฎหมายมีช่องว่าง ที่ล้วนเป็นผลกระทบที่จะมีขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ชมรมสันติประชาธรรม นำโดย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมฯ เดินทางยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านการก่อตั้งกาสิโนและการส่งเสริมการพนันออนไลน์ ซึ่งมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ
โดยนายแทนคุณ แสดงความห่วงใยในการตั้งคาสิโนในประเทศไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของคดีอาชญากรรม ลักวิ่งชิงปล้น ฆาตกรรม การหลอกลวง การฟอกเงิน ไปจนถึงปัญหาความแตกแยกในครอบครัวถูกทอดทิ้งและละเมิดทางเพศ หนี้สินที่เกดการติดการพนัน การฆ่าตนและคนในครอบครัวตาย ปัญหาอบายมุขและสิ่งเสพติดที่จะตามมาจากการติดการพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเล่นพนันหน้าใหม่ทั้งออนไลน์และกายภาพจริง คือเด็กและเยาวชน
ทั้งเห็นว่าวิกฤตทางสังคมจากการพนันดังที่ตนได้กล่าวมา เป็นเรื่องที่รัฐสภาไม่ควรปล่อยให้เป็นการดำเนินการของฝ่ายบริหารเพียงฝ่ายเดียว เพราะด้วยความรีบร้อน เร่งรัด เพื่อหวังผลงานและผลประโยชน์ในระยะสั้น อาจนำมาซึ่งความไม่รอบคอบ และกลายเป็นการซํ้าเติมปัญหาให้วิกฤตมากขึ้น ทางชมรมฯ จึงเห็นว่า1.ได้ร้องขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติใช้อำนาจในการระงับ ชะลอและตรวจสอบ รวมทั้งมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อวิกฤตนี้อย่างจริงจัง ด้วยการเป็นเจ้าภาพหลังในการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ให้เป็นกฎหมายที่ทันสมัย มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการกำกับควบคุมการพนันและให้มีหน่วยงานการกำกับดูแลควบคุมการพนันที่มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาเดิมที่ไม่มีเจ้าภาพหลักในการจัดการปัญหาพนัน และเป็นอิสระจากการถูกแทรกแซงจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพนัน และควรกำหนดให้ กิจการพนันใดที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปต้องออกกฎหมายย่อยเพื่อการกำกับควบคุมการพนันแต่ละชนิด เพื่อลดช่องโหว่ของการใช้กฎหมายฉบับเดียวซึ่งอาจไม่ครอบคลุมเพียงพอ
2.ขอให้สมาชิกรัฐสภาจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน โดยจัดเวทีรับฟังความเห็นในระดับพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค รับฟังความเห็นทั้งฝ่ายที่คัดค้านและฝ่ายที่เห็นด้วย ให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และ 3. ตราบใดที่ดำเนินการตามข้อ 1-2 ยังไม่แล้วเสร็จ ขอให้รัฐสภาชะลอการนำเข้าพระราชบัญญัติกิจการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรไว้ก่อน
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐสภาจะเป็นเสาหลักสำคัญ ในการนำพาสังคมไทยให้การพนันพ้นจากวิกฤตสังคม ขอกล่าวเตือนสติคนไทยตามคำโบราณว่า โจรปล้น 10 ครั้งยังไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว ไฟไหม้ 10 ครั้งยังไม่เท่าเสียการพนันครั้งเดียว”นายแทนคุณ ย้ำทิ้งท้าย
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ปรับแก้ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.…หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มี นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมกฤษฎีกาคณะพิเศษซึ่ง ส่วนคณะกรรมการ ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลายคนอาทินายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายธงทอง จันทรางศุ นายไพโรจน์ วายุภาพ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มีนักกฎหมายชั้นนำ มาร่วมกันพิจารณาในเรื่องนี้จะทำให้ร่างดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า “การเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่เป็นคนละประเด็นแต่สิ่งที่เราทำคือดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เราเป็นเหมือนพ่อครัวที่คอยปรุง และใส่วัตถุดิบตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ถ้ามีบางอย่างที่เขาไม่ต้องการและเราทักท้วงแต่เค้ายืนยันจะเป็นแบบนั้น ก็ต้องตามใจลูกค้า และเรื่องนี้ต้องถามสังคมจะว่าอย่างไร ถึงจะมาทำให้สอดคล้องกับความต้องการ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อนโยบายมาแบบนี้โดยแถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว สิ่งที่เราต้องทำให้สอดคล้องกับนโยบาย การทำความเข้าใจกับประชาชน เป็นเรื่องเทศบาลต้องชี้แจงและดำเนินการอยู่
ส่วนเสียงเรียกร้องให้มีการทำประชามติ นายปกรณ์ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นนโยบาย กฤษฎีกาไม่เกี่ยวข้อง โดยเราพยายามทำให้กฎหมายครอบคลุมทุกมิติ ไม่ต่างกับการยกเรือสำราญที่มีทุกกิจกรรมมาไว้บนบก ซึ่งหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยหลักคือ กระทรวงมหาดไทยและท้องถิ่น กระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องเรื่องภาษีและคมนาคม ในเรื่องของเส้นทาง
เมื่อถามว่าใช้กรอบเวลาดำเนินการนานแค่ไหน เลขากฤษฎีกา กล่าวว่า รัฐบาลบรรจุไว้ในแผนกฎหมายเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการภายใน 50 วัน และกฤษฎีกาพยายามทำให้ทัน ขณะนี้ประชุมสัปดาห์ละสองครั้ง คือวันอังคารและพฤหัส และพยายามหาวันว่างเพิ่มขึ้น เราต้องรีบทำ
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแต่งตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษเพื่อปรับถ้อยคำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ได้มีการแจ้งหรือไม่ว่าจะใช้เวลาพิจารณากี่วัน ว่า ยังไม่ทราบเลยค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี