เลคเชอร์ 12 ข้อ! ทำไม‘กกต.’จัดวันเสาร์ ‘ปริญญา’ซัดราวกับกลัวคนไปเลือกตั้ง
30 มกราคม 2568 ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul หัวข้อ “ทำไม กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ ราวกับกลัวคนไปเลือกตั้ง?” ระบุว่า...
ทำไม กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์
ราวกับกลัวคนไปเลือกตั้ง?
การเลือกตั้ง อบจ. คราวนี้ ผมเห็นว่าเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องที่ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ เพราะสร้างความไม่สะดวกอย่างยิ่งให้กับประชาชนที่ทำงานวันเสาร์และบ้านอยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่แล้วด้วย ซึ่งมีหลายประเด็นที่จะได้กล่าวดังต่อไปนี้
1. ปกติการเลือกตั้งจะจัดวันอาทิตย์ทั้งนั้น ไม่ว่าที่ประเทศไทย หรือประเทศไหน เพราะเป็นวันที่ประชาชนสะดวกที่สุด วันเสาร์นั้นแม้จะเป็นวันหยุดราชการ แต่เอกชนจำนวนมากก็ไม่ได้ให้เป็นวันหยุด หรือต่อให้วันเสาร์เป็นวันหยุดแต่ถ้าบ้านตามทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลหน่อยก็อาจจะกลับไปเลือกตั้งไม่ทัน เราจึงไม่เคยมีการเลือกตั้งวันเสาร์มาก่อนเลย ทั้งที่จัดโดย กกต. ก่อนหน้านี้ หรือจัดโดยกระทรวงมหาดไทยในสมัยก่อน
2. ที่สำคัญการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า หรือเลือกตั้งนอกเขต การเลือกตั้งท้องถิ่นจึงยิ่งต้องเลือกวันที่ประชาชนส่วนใหญ่สะดวกที่สุดคือวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ ขนาดเลือกตั้ง ส.ส. มีเลือกตั้งล่วงหน้ายังเลือกวันอาทิตย์ แล้วเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้าทำไมจึงมาเลือกตั้งวันเสาร์เช่นนี้
3. เหตุผลของ กกต. คือ วันที่อาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันสุดท้ายที่จะจัดการเลือกตั้งได้ (พรบ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 11 กำหนดให้ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วันนับแต่วันที่นายก อบจ. หรือสมาชิกสภา อบจ. หมดวาระ วันเลือกตั้ง อบจ. ครั้งที่แล้วคือวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563 วาระ อบจ. คือ 4 ปีนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง กกต. จึงเห็นว่า อบจ. ครบวาระวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ดังนั้น เมื่อนับไป 45 วัน วันสุดท้ายจึงเป็นวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568) แต่ กกต. ไม่ต้องการจัดการเลือกตั้งวันสุดท้ายที่ครบ 45 วัน เพราะหน่วยเลือกตั้งมี 90,000 หน่วย หากมีปัญหาที่นับคะแนนไม่เสร็จในคืนวันนั้น อาจจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ เลยต้องมาเลือกตั้งวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อที่จะเผื่อไว้หนึ่งวัน
4. เหตุผลของ กกต. กล่าวมานี้เป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้เลยเมื่อต้องมาแลกกับความไม่สะดวกของประชาชน เพราะมาตรา 11 ใช้คำว่า “ให้จัดการเลือกตั้งภายในสี่สิบห้าวัน” (โดยไม่มีคำว่าให้แล้วเสร็จ หรือต้องแล้วเสร็จ) การจัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ประชาชนส่วนใหญ่สะดวกกว่าวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ จึงยังอยู่ภายใน 45 วันตามที่กฎหมายกำหนด หากเกิดปัญหามีหน่วยใดนับคะแนนไม่เสร็จในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่ใช่เรื่องการไม่จัดการเลือกตั้งใน 45 วัน จะเป็นเรื่องเหตุสุดวิสัย หรือการทำงานไม่มีประสิทธิภาพของ กกต. เองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องการไม่จัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน
5. ตามพ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 76 ให้ กกต. มีอำนาจในการจัดให้มีการ “ลงคะแนนโดยวิธีอื่นที่มิใช่การใช้บัตรเลือกตั้ง” ได้ ซึ่งมาตรา 76 เขียนไว้กว้างมากเพราะ “โดยวิธีอื่น” คือวิธีใดก็ได้ ขอเพียง “สามารถป้องกันการทุจริตในการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกกว่าการออกเสียงลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งและมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และเป็นวิธีการที่ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก”
ดังนั้น หาก กกต. จะเลือกวันเสาร์ ก็มีวิธีการเลือกตั้งลงคะแนนโดยวิธีอื่นที่สะดวกต่อประชาชนมาชดเชยกับการเลือกตั้งวันเสาร์ เช่น การเลือกตั้งนอกเขตโดยวิธีการทางอีเล็กโทรนิกส์ ก็จะทำให้คนที่ทำงานวันเสาร์ หรือบ้านตามทะเบียนบ้านอยู่ห่างไกล ยังสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แต่ กกต. กลับจัดเลือกตั้งวันเสาร์ โดยไม่ยอมให้มีวิธีลงคะแนนแบบอื่นใดมาชดเชย
ราวกับกลัวว่าประชาชนจะสะดวกเกินไป หรือกลัวว่าจะมีคนไปเลือกตั้งมาก
6. ประเทศไทยนั้นยังมีปัญหาเรื่องบ้านใหญ่ ระบบอุปถัมภ์ และกระสุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่น ทางแก้ไขคือต้องให้คนไปเลือกตั้งมากๆ ก็จะทำให้ระบบอุปถัมภ์ และกระสุน แพ้เสียงของประชาชนที่ไปเลือกตั้งโดยเจตน์จำนงค์เสรี ดังนั้น เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กกต. จึงยิ่งต้องหาทางให้คนสะดวกในการไปเลือกตั้งให้มากที่สุด
7. แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง ควรหรือไม่ควร แต่เป็น รื่อง ‘หน้าที่‘ ของ กกต. ที่ต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนไปเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยการไม่ไปเลือกตั้งต้องเสียสิทธิบางประการ แต่ตอนนี้ กกต. ดูจะทำแต่เรื่องการอำนวยความสะดวกให้คนแจ้งเหตุที่ไม่ไปเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เรื่องที่ต้องทำให้มากกว่าคือ การอำนวยความสะดวกให้คนไปเลือกตั้ง เพราะเหตุที่คนไม่ไปเลือกตั้งเพราะ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ และไม่มีวิธีเลือกตั้งวิธีอื่นให้ประชาชน ทั้งๆ ที่มีอำนาจทำได้
8. เราไม่ควรคิดไปในทางร้ายว่า กกต. ไม่อยากให้คนไปเลือกตั้งมาก แต่ไม่ว่าจะคิดในทางดีเพียงใด ก็ไม่มีทางเห็นได้เลยว่า กกต. ได้เอาประชาชนเป็นเป้าหมายในการทำงาน (หรือที่เรียกว่า citizen oriented) เพราะถ้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง จะต้องเลือกตั้งวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ แล้วต้องอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามอำนาจหน้าที่ทำได้
9. ผมเห็นว่า ที่ กกต. ไม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะ กกต. ชุดนี้ (เช่นเดียวกับองค์กรอิสระอื่นๆ) ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน ดังนั้น จึงไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชน และไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน มีแต่ความอิสระ (ซึ่งถูกตั้งคำถามมากอยู่แล้ว) แต่ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน (accountability) และนี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดของ กกต. และองค์กรอิสระทั้งหลายของรัฐธรรมนูญ 2560
10. การเขียนเรื่องนี้มิได้มุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งให้เป็นวันอาทิตย์ เนื่องจากเปลี่ยนแปลงไม่ทันแล้ว แต่มุ่งหมายที่จะให้สาธารณชนได้ช่วยกันตั้งคำถาม ติดตาม และประเมินผลการทำงานของ กกต. ที่สำคัญคือเพื่อไม่ให้ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์อีกครับ เพราะถ้าครั้งนี้ทำได้คนไม่ว่าอะไร ต่อไปเราก็อาจจะได้เลือกตั้งวันเสาร์กันอีก และอาจจะลามไปถึงเลือกตั้ง ส.ส. ด้วย
11. วิธีการประเมินผลการทำงานของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้ง อบจ. คราวนี้คือ ติดตามดูว่ามการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าคราวที่แล้วที่มีผู้ไปเลือกตั้ง 62 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ และเหตุที่คนไปเลือกตั้งไม่ได้ส่วนใหญ่คือเหตุผลอะไร เพราะเลือกตั้งวันเสาร์ใช่หรือไม่
12. ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าจะให้ กกต. เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ ประชาชนก็ต้องส่งเสียงให้ กกต. รับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่านี้ และเรียกร้องความรับผิดชอบจาก กกต. ถ้าทำงานไม่ได้ผลครับ
เพราะที่เราต้องการไม่ใช่แค่ องค์กรอิสระที่มีความอิสระ (indepence) แต่เราต้องการองค์กรอิสระที่ทั้งอิสระ พร้อมกับรับผิดชอบต่อประชาชน (accountable independence) เรามาเริ่มต้นกันเลยที่ กกต. ครับ ///-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี