‘กมธ.มั่นคงแห่งรัฐ’หวั่นบริหารจัดการ‘แรงงานข้ามชาติ’ส่อทุจริต กระทบ‘นายจ้าง’เดือดร้อนหนัก ลามโยงเปิดช่องโหว่‘ข้อมูลส่วนตัว’เอื้อ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ทำเม็ดเงินรั่วไหลออกเพียบ จี้‘กระทรวงแรงงาน’เร่งอุดรูรั่ว
30 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงภายหลังการประชุมกมธ.ฯ กรณีปัญหาการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ4สัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่มีทั้งสิ้นประมาณ 2.3 ล้านคน ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 24 ก.ย.2567 และแรงงานข้ามชาติที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดลงในวันที่13ก.พ.68 เพื่อแก้ปัญหาการทุจริต การจัดการ การรักษาผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงของประเทศว่า โดยเฉพาะการจัดการกับแรงงานจำนวนมากที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดลง เป็นการจัดการขนาดใหญ่ มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อนายจ้างแน่นอน
“ปัญหาที่กมธ.ฯได้รับการร้องเรียน มีความเป็นไปได้ว่าการจัดการกับแรงงานกลุ่มนี้อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น โยงไปถึงบัญชีม้า และข้อมูลส่วนบุคคลของนายจ้างที่ไม่รู้ว่าฝั่งของประเทศเพื่อนบ้านจะจัดการอย่างไร นำมาซึ่งความกังวลที่ข้อมูลอาจตกไปอยู่ในมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการขึ้นทะเบียนแรงงานอาจต้องผ่านกระบวนการของประเทศเพื่อนบ้านก่อน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะขั้นตอนขึ้นทะเบียนแรงงานผ่านระบบออนไลน์ ที่กระทรวงแรงงานรับผิดชอบ มีขั้นตอนหนึ่งที่จะต้องดำเนินการคือต้องให้ประเทศเพื่อนบ้านอนุมัติรายชื่อแรงงานจากต้นทางก่อน จึงมีการร้องเรียนจากกลุ่มนายจ้าง กรณีแรงงานจากประเทศเมียนมาว่า จะต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะผ่านบัญชีม้า เพื่อให้ทางการเมียนมามีการอนุมัติรายชื่อแรงงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นไปตามการร้องเรียนหรือไม่ ส่วนข้อมูลส่วนตัวของนายจ้างที่ปรากฏอยู่ในกระบวนการอนุมัติแรงงานของประเทศเพื่อนบ้าน ต้องยอมรับว่าเราเจอกับภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างรุนแรง ดังนั้นการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ของนายจ้างในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจะปลอดภัยหรือไม่ ถือเป็นปัญหาที่ต้องฝากกระทรวงแรงงานไปหาแนวทางอุดช่องโหว่จากผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ นำไปสู่การที่มิจฉาชีพหลอกลวงนายจ้างทำให้สูญเสียเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ยังมีกรณีบริษัทไปเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมในเรื่องการทำสัญญาต่างๆ จนเป็นมูลค่ามากมาย
“หากข้อมูลที่เราได้รับมามันเกิดขึ้นจริง หมายความว่าประเทศไทยกำลังจะส่งเงินให้กับรัฐบาลเมียนมาสูงเกือบ1หมื่นล้านบาทในการจัดหาแรงงานครั้งนี้ เรายังเป็นห่วงขั้นตอนการป้องกันมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อไม่ให้เม็ดเงินเหล่านี้ไหลออก หากเม็ดเงินเหล่านี้ไหลออกไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือนายจ้างที่เป็นคนไทยจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายนี้เอง และรายงานด้านภาพลักษณ์สิทธิมนุษยชนไทยของสหประชาชาติในครั้งต่อไปอาจมีโอกาสย่ำแย่อีกครั้ง ประเทศไทยอาจถูกกล่าวหาอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาในการฆ่าล้างคนในประเทศตัวเอง จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานของผู้แทนสหประชาชาติระบุว่าไทยเคยเป็นแหล่งฟอกเงินในการช่วยสนับสนุนการสู้รบในเมียนมา” นายรังสิมันต์ กล่าว //-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี