30 ม.ค. 2568 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียนบทความ “ปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ไม่จริงจัง” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” เนื้อหาดังนี้
ปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ไม่จริงจัง
รูป 1-2 แสดงลำดับประเทศที่มีองค์กรอาชญากรรม จากลำดับหนักสุด คะแนน 9.5
จะเห็นได้ว่า จัดลำดับประเทศเมียนมาอยู่ในอันดับสูงสุด คะแนนเท่ากับโซมาเลีย เจ้าพ่อแห่งโจรสลัดจี้ปล้นเรือเดินสมุทร และเวเนซุเอลากับโคลัมเบีย เจ้าพ่อแห่งการลักพาตัว และค้ายาเสพติด
ประเทศเมียนมา จึงเป็นแหล่งที่ตั้งหลัก สำหรับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
น่าสงสัยว่า การที่แก๊งค์เหล่านี้ใช้เมียนมาเป็นฐานอยู่ได้มั่นคงมาหลายปี อาจจะได้การสนับสนุนจากข้าราชการไทยบางคน
รูป 3 รอยเตอร์ส รายงานว่า แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่เป็นคนจีน หลอกไปทั่วโลก ได้เงินแต่ละปีกว่าพันล้านดอลลาร์
บังเอิญมีนักแสดงชาวจีนคนหนึ่ง เพิ่งถูกหลอกเดินทางมาในไทย แล้วนำตัวไปทำงานในแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
รัฐบาลจีนกระโดดเข้าแก้ไขปัญหาทันที ทำให้รัฐบาลไทยต้องขยับเขยื้อน เป็นครั้งแรก
มีข่าวคุณทักษิณกล่าวว่า “คอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ข้างบ้าน ใช้สื่อสารไทย เราได้เข้มงวดไปแล้ว ว่าให้บริษัทสื่อสารทั้งหลาย อย่าขายซิมเป็นแสนซิม จะไปหวังรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วที่เราจับได้มีซิมเป็นแสน ได้เตือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้แล้ว ว่าขอให้ร่วมมือกัน”
เป็นอันว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศมาโดยมีนายกรัฐมนตรีสองคน จนถึงบัดนี้ ยังไม่ได้แก้ในเรื่องการใช้ระบบสื่อสารของไทย
ข่าวยังระบุอีกว่า “เมื่อถามว่า การตัดไฟฟ้าจะช่วยได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน ทั้งไฟฟ้าและสื่อสารก็ต้องทำคู่กัน
อย่างไรก็ตาม กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย บอกว่ายังดำเนินการไม่ได้ เพราะว่าเป็นสัญญาที่ถูกต้อง นายทักษิณ กล่าวว่า สัญญาสามารถยกเลิกได้ ถ้าสัญญานั้นนำไปใช้ในสิ่งไม่ถูกต้อง”
เป็นอันว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศมาโดยมีนายกรัฐมนตรีสองคน จนถึงบัดนี้ ยังไม่ได้แก้ในเรื่องการใช้ระบบไฟฟ้าของไทย
ข่าว The Standard ระบุเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าว่า [วันที่ 24 มกราคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต. ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการดำเนินการจัดการการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าข้ามแดนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อสร้างสมดุลและเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน โดยก่อนหน้านี้มีการจ่ายไฟฟ้าข้ามแดนจำนวน 4 แห่ง แต่ในปัจจุบันได้ปรับลดเหลือเพียง 2 แห่ง ได้แก่
1. บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2
2. บ้านห้วยม่วง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังคงจำหน่ายไฟฟ้าให้พื้นที่อำเภอเมียวดี จังหวัดเมียวดี เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตของประชาชนเมียนมา
ส่วนพื้นที่ที่ถูกระงับการจำหน่ายไฟฟ้ามี 2 แห่ง คือ
1. บ้านแม่กุใหม่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (เคเคพาร์ก)
2. บ้านวังผา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก (ชเวโก๊กโก่)
ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งที่คาดว่าจะเป็นแหล่งการพนันผิดกฎหมาย รวมถึงเครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต. ธนาธิป กล่าวว่า สำหรับการติดตั้งเสาไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานยังคงอยู่ เพียงแต่มีการระงับการจ่ายไฟฟ้าไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ซึ่งการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าจะทำสัญญาปีต่อปี
ในส่วนการจัดการสัญญาณอินเทอร์เน็ต.. หน่วยงานความมั่นคง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2567 กรณีการทำสัญญาอย่างถูกต้องกับ กสทช. จะถอดจานส่งสัญญาณแต่ยังคงเสาสัญญาณไว้]
ผมมีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีต้องสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เวลาต่อกลุ่มผู้นำที่ควบคุมพื้นที่ตะเข็บชายแดน กำหนดว่าเขาจะต้องกวาดล้างแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้ราบคาบภายในเวลาเพียง 1 เดือน
ภายหลังจากนั้น ถ้ายังมีการดำเนินการเช่นนี้อีก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัดการจ่ายทั้งไฟฟ้าและสัญญาณสื่อสารอย่างเด็ดขาด
*** ย้ำ ตัดทั้งไฟฟ้าและสัญญาณสื่อสารอย่างเด็ดขาด ***
ถึงเวลาแล้ว ที่รัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย จะต้องดำเนินการปราบปรามเรื่องนี้ให้มีประสิทธิผลเสียที
วันที่ 30 มกราคม 2568
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ
ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี