ศาลไฟเขียว/เดินทางออกนอกปท.ได้
‘ทักษิณ’ติดปีก
บินไปถกมาเลย์2-3ก.พ.
วางหลักประกัน5ล้านบ.
‘บัวแก้ว’เบิกความหนุน
อ้างทำเพื่อประโยชน์ชาติ
ศาลไฟเขียว “ทักษิณ” บินไปมาเลย์2-3 กุมภาพันธ์ วางเงินประกัน5 ล้าน มีรมว.ต่างประเทศเบิกความสนับสนุน ศาลชี้ไม่กระทบต่อการพิจารณาคดี ส่วนทักษิณ อ้าง เพื่อประโยชน์ของชาติ และความสัมพันธ์ อันดี
ด้าน”เสี่ยหนู”ชี้เป็นเรื่องปกติ รัฐบาลผสม ทำงานไม่ทันใจ เหน็บ‘ทักษิณ’ไม่อยู่ไทย17ปี คงไม่ชิน เพราะการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว จะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว อยู่นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น.วันที่ 31 มกราคม 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดี ดูหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 มาไต่สวนคำร้อง กรณีขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อไปประชุมที่มาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้นัดไต่สวนคำร้องขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ โดยในวันดังกล่าวอัยการโจทก์ ทนายจำเลย มาศาล ส่วนจำเลยไม่มา
ทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยซึ่งได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดีในวันนี้ติดภารกิจสำคัญอยู่ที่จ.เชียงรายและเชียงใหม่ ซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว จึงไม่สามารถมาศาลได้ โจทก์แถลงไม่ค้าน ทนายจำเลยขอนำพยานจำเลยเข้าไต่สวน
ศาลไต่สวนพยานจำเลยในชั้นนี้จบ 1 ปาก ทนายจำเลยอ้างส่งเอกสาร 3 ฉบับ ทนายจำเลยแถลงศาลว่าเนื่องจากจำเลยติดภารกิจสำคัญตามที่แถลงไว้ข้างต้น จึงขอศาลเลื่อนคดีนัดไต่สวนคำร้องปากตัวจำเลยที่เหลือที่เหลืออีกเพียง 1ปาก โจทก์แถลงไม่ค้าน
ศาลพิเคราะห์แล้ว กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดไต่สวนพยานจำเลยผู้ร้องในวันที่ 31มกราคมนี้เวลา 10.00 น. ตามที่จำเลยร้องขอ โดยวันนี้ นายทักษิณ และทีมทนายความ เดินทางมาศาลอาญาตั้งแต่ช่วงเช้า เข้าห้องพิจารณาและศาลไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าฟังการไต่สวนแต่อย่างใด
ตร.รักษาความเรียบร้อย
สำหรับบรรยากาศบริเวณโดยรอบศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกในช่วงเช้าวันนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล เจ้าหน้าที่สน.พหลโยธินได้เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่โดยรอบศาลอาญา
ต่อมาในเวลา10.50น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พบว่ามีรถยนต์เบนซ์สีดำเลขทะเบียน ธษ 267ของนายทักษิณได้ขับออกไปจากพื้นที่ศาลอาญา และใช้ทางออกด้านอาคารศาลแพ่งซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับศาลอาญา ออกถนนรัชดาภิเษก โดยไม่ขับวนมาออกฝั่งอาคารศาลอาญาโดยตรง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสื่อมวลชน ที่ปักหลักรอทำข่าวบริเวณด้านหน้าของศาลอาญา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า หลังจากศาลไต่สวนนายทักษิณ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ศาลได้นัดให้นายทักษิณมาฟังคำสั่งว่าจะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรหรือไม่ ในช่วงบ่ายเวลา14.00 น.
ศาลไฟเขียวให้ไปนอก
ต่อมา เวลา 14.00 น.ศาลได้อ่านคำสั่งที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรั จำเลยคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ตามที่ศาลกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวว่าห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล นั้น
ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมีรมว.ต่างประเทศ มาเบิกความสนับสนุนพร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผล และความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ 2568 เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้างเป็นประโยชน์ต่อประเทศและเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ โดยวางหลักประกัน 5 ล้านบาทตามที่จำเลยเสนอ และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงาน ตรวจคนเข้าเมืองทราบด้วย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตรเป็นจำเลยต่อศาลอาญาในคดีหมายเลขดำอ1860/2567นั้น ศาลอาญาได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ยันไปทำงานไม่ได้เที่ยว
ต่อมา เมื่อเวลา 15.30 น. นายทักษิณเดินทางมายังศาลอาญาเพื่อมารับทราบคำสั่งศาลและวางเงินประกันโดยระหว่างขึ้นอาคารศาลผู้สื่อข่าวสอบถามความรู้สึกของนายทักษิณหลังจากศาลมีคำสั่งให้ออกนอกประเทศได้ นายทักษิณยิ้มพร้อมกับโบกมือให้กับผู้สื่อข่าว หลังจากนั้นประมาณ 3 นาที ได้เดินลงมาพร้อมกับพูดสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าวว่า “ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว” ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อไปได้ว่าเดินทางไปพบใคร และใครเป็นคนเชิญ นายทักษิณหันมาตอบสั้น ๆ แค่ว่า “รู้ ๆ กันอยู่”.
อ้างทำเพื่อชาติไม่เกี่ยวรัฐบาล
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตนต้องขอบคุณศาลอาญาที่หลังจากยื่นคำร้องขอออกนอกราชอาณาจักร ได้มีการนัดไต่สวนนายทักษิณซึ่งได้มีการเตรียมพยานไว้ 2 ปาก คือตัวของนายทักษิณและนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ โดยประเทศที่นายทักษิณจะเดินทางไปคือประเทศมาเลเซีย โดยได้รับคำเชิญจากประธานอาเซียนคนปัจจุบัน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย
เมื่อถามว่าเหตุผลที่ศาลอนุญาตให้นายทักษิณออกนอกประเทศได้คืออะไร นายวิญญัติ กล่าวว่า ศาลเห็นว่าการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณไม่กระทบต่อการพิจารณาคดีของศาล และนายทักษิณสามารถแสดงเหตุผลและเหตุจำเป็นในการร่วมประชุมที่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นหนังสือเชิญของประธานอาเซียน ระเบียบต่าง ๆ ที่ได้มีการพูดคุยกัน และการเดินทางไปครั้งนี้เป็นการไปทำเพื่อประเทศชาติด้วย
ทนายความนายนายทักษิณกล่าวต่อว่า ตนขอชี้แจงว่าการไปต่างประเทศในครั้งนี้ของนายทักษิณไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนของรัฐบาลอย่างแน่นอน และไม่มีผลผูกพันธ์กับรัฐบาลแน่นอน.
หนูชี้แม้วอยู่เมืองนอกนานไป
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทยขึ้นปราศรัยบนเวทีหาเสียง นายก อบจ.เชียงใหม่ ระบุ การทำงานของรัฐบาลขณะนี้ล่าช้าและยากเพราะมีพรรคร่วมหลายพรรคว่า เป็นธรรมดาของรัฐบาลผสม ซึ่งนายทักษิณได้พูดปราศรัยว่า ถ้าจะให้การขับเคลื่อนได้รวดเร็วต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะๆ ถ้าหากประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ การเมืองก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งในสมัยที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่พรรคไทยรักไทย , พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนั้นมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 251 เสียง การทำอะไรมันก็เร็ว
เรื่องปกติของรัฐบาลผสม
“แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้เป็นรัฐบาลผสม ที่มีคะแนนเสียงรวมกัน320 เสียง ซึ่งแบ่งเป็นส่วนของพรรคเพื่อไทย 140 เสียง และพรรคร่วมรัฐบาลอีก 180 เสียง จะให้เป็นเหมือนตอนที่มีคะแนนเสียง 251 เสียงก็คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นายทักษิณคงอยากให้การทำงานของรัฐบาลเป็นเช่นเดิมเหมือนสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ท่านกำด้ามไว้หมด แต่วันนี้มันไม่ใช่ ก็ต้องแข่งขันกันทำงาน หากทำงานให้ดีก็อาจจะเกิดเหตุการณ์รัฐบาลพรรคเดียวเกิดขึ้นอีกก็ได้ ซึ่งเราไม่มีปัญหาอะไรก็ว่าไปตามสถานการณ์”นายอนุทิน กล่าวย้ำ
เมื่อถามว่า ส่วนตัวนายทักษิณมีโอกาสจะกลับมาเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่ หากประเมินสถานการณ์ต่างๆ นายอนุทิน กล่าวว่า ใครก็มีโอกาสเป็น สมัยนี้กับเมื่อ 25 ปีก่อน ก่อนที่นายทักษิณจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะมีพรรคไทยรักไทย จะมีใครเคยคิดว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งนายทักษิณก็ทำให้เห็นมาแล้ว แต่ที่สำคัญคือจะอยู่ได้นานหรือเปล่า ดังนั้นอะไรที่อยู่ในจุดที่สมดุล อะไรที่ไปด้วยกันแล้วเกิดความสามัคคีปรองดอง ไม่ทำให้เกิดความแตกแยก เอาช้อยส์นั้นดีกว่า ตนคิดว่าทุกวันนี้รัฐบาลปัจจุบัน ความสัมพันธ์ ความสามัคคี การยอมรับในตัวของนายกรัฐมนตรีก็มีอยู่แล้ว ให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ไม่ช้าหรอกครับ ไม่มีอะไรช้า แต่ตอนนี้การตรวจสอบเยอะ และฝ่ายค้านเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นการทำงานจะต้องมีความระมัดระวัง เราจึงต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ด้วย เราอยู่ตรงนี้มา
ชี้‘ทักษิณ’ยังไม่ชินต้องปรับตัว
“อย่างที่นายทักษิณบอกว่าไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมา 17 ปี แต่พวกเราอยู่การเมืองมาโดยตลอด เราจึงมีความรู้สึกชินว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสภาวการณ์ทางการเมือง แต่นายทักษิณเพิ่งกลับมา อาจจะยังไม่ทันใจ เพราะท่านเป็นคนทำงานเร็ว ตัดสินใจเร็ว อีกสักพักทุกคนก็จะต้องปรับตัว” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีปัญหาการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี มีอะไรที่เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีแล้วไม่เคยได้ ได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่พรรคร่วมต้องการแล้วไม่เคยได้ อย่างเช่น เงินเยียวยาน้ำท่วม กว่าหมื่นล้านบาท กระทรวงมหาดไทยเป็นคนขอ นายกรัฐมนตรีก็อนุมัติทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นการดำเนินงานเพื่อพี่น้องประชาชนเรามีหน้าที่สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน อะไรที่ไม่ถูกต้องก็มีหน้าที่ที่ช่วยกันกระตุกขากันไว้ อย่าให้เลยเถิดไป นี่คือการอยู่รวมกัน
‘อิ๊งค์’ชวนฟังจัดรายการหนแรก
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมรับฟังรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ซึ่งเป็นการจัดรายการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “คำว่าโอกาสเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสร้างให้กับพี่น้องประชาชนให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมมาร่วมฟังโอกาส นโยบาย วิสัยทัศน์ และเบื้องหลังการทำงานจากทำเนียบรัฐบาลส่งตรงถึงพี่น้องประชาชนกับรายการโอกาสไทยกับนายกแพทองธาร พบกันได้ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนหลังเคารพธงชาติ” นายกฯ กล่าว
สำหรับรายการ“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” #EmpoweringThais กำหนดออกอากาศครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่ เวลา 08.00 - 08.30 น. และจะออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD ททบ. 5 MCOT และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ รวมถึงคลื่นวิทยุในส่วนราชการต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ในทุกช่องทางของรัฐบาล ทั้งเว็บไซต์รัฐบาลไทย ไทยคู่ฟ้า เว็บไซต์ของกรมประชาสัมพันธ์ และประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี