วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า #ฝากกกตพิจารณา

ผมเข้าใจว่า ตอนนี้กกต.กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตก เพราะการตีความของกกต. มันขัดความรู้สึกของพี่น้องประชาชน

โดยเฉพาะระเบียบ กกต. ปี ๒๕๖๓ ข้อ ๔ เขียนคำนิยาม

"ผู้ช่วยหาเสียง'"หมายถึง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

และนิยาม"ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง'"หมายถึง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

ถ้าตามความเข้าใจ คนที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียง เลือกตั้งท้องถิ่น ควรจะเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในท้องถิ่นนั้น แต่กกต.ไปตีความว่า แค่มีสิทธิ์เลือกตั้งในท้องถิ่นไหนก็ได้ จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ทั่วประเทศ

เอาเข้าจริงๆกกต. ก็ตีความระเบียบขัดแย้งกับพรบ.เลือกตั้งท้องถิ่นหรือแม้แต่ระเบียบนี้

เพราะคำว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตามนิยามนี้ รายละเอียดกฏหมายยังไปขยาย เข้าใจได้ว่าเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในท้องถิ่นนั้น

กลายเป็นว่าคนที่จะเป็น ผู้ช่วยหาเสียง ซึ่งกฏหมายกำหนดว่า ต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ไปตีความว่า ท้องถิ่นใดก็ได้ แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นคำเดียวกันแท้ๆ ระเบียบเดียวกัน กฏหมายเดียวกัน แต่กลายเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในท้องถิ่นนั้น ซึ่งทำไมมันย้อนแย้งกัน เพราะเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในระเบียบเดียวกัน

นอกจากนี้กกต.ควรต้องพิจารณาทบทวนระเบียบ เกี่ยวกับผู้ช่วยหาเสียง ถึงบทบาทว่าจะให้เป็นผู้ช่วยหาเสียงหรือเป็นผู้นำหาเสียง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียง ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติในนโยบายที่พูด ที่สำคัญคือคนที่ทำผิดกฏหมาย ก็ควรมีข้อจำกัด

อย่าลืมนะครับว่า การพัฒนาประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่นักการเมืองและพรรคการเมือง องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดูุล ต้องมีส่วนร่วมในการ ร่วมรับผิดชอบในการพัฒนาประชาธิปไตยด้วย