ประท้วงไปแล้วแต่กองกำลังว้าไม่สน ทหารในพื้นที่รอฟังคำสั่งหน่วยเหนือจัดการปัญหาชายแดนถูกรุกล้ำด้านอ.เวียงแหง “รศ.ดุลยภาค” ข้องใจกระบวนการปกป้องอธิปไตยชาติของรัฐไทย
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าที่ ร.ต.หญิงอรพรรณ จันตาเรือง ส.ส.เขต 6 (อ.เชียงดาว เวียงแหง พร้าว ) พื้นที่ชายแดน จ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ว้า(กองทัพแห่งสหรัฐว้า -United Wa State Army หรือ UWSA) รุกล้ำพื้นที่ชายแดนด้านอำเภอเวียงแหงและเชียงดาว ว่าได้ลงพื้นที่ร่วมกับคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และพบว่ามีฐานของทหารว้าตั้งอยู่บนสันเขาที่เป็นจุดสูงสุดแบ่งแดนของ อ.เวียงแหงชัดเจน ซึ่งนักวิชาการอธิบายว่าจริงๆแล้วทำเช่นนั้นไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายทหารได้อธิบายว่าตอนนี้เรายังไม่มีการปักปันเขตแดนชักเจนซึ่งขณะนี้เขากำลังรอฟังนโยบายจากผู้บังคับบัญชาว่าควรทำอย่างไร
ว่าที่ รต.หญิงอรพรรณกล่าวว่า กล่าวว่า ในส่วนของชาวบ้านนั้น ชุมชนในพื้นที่อรุโณทัย อ.เชียงดาว และ อ.เวียงแหง ต่างข้ามพรมแดนกันไปมาโดยชาวบ้านว้าได้ข้ามมารักษาพยาบาลและค้าขายกับคนในพื้นที่โดยไม่มีเอกสารใดๆซึ่งทางตำรวจกังวลว่าปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้น อาจกลายเป็นช่องทางหลบหนีของผู้กระทำผิดได้ ดังนั้นใน กมธ.จึงมีความเห็นว่าควรมีการตรวจสอบคนที่ข้ามไป-มาด้วยวิธีการง่ายๆ เช่นสแกนม่านตา เพื่อให้รู้ว่าใครเป็นใคร
“ในเรื่องของยาเสพติด ทางทหารได้ขอให้ช่วยสนับสนุนเรื่องกล้องดักถ่ายที่ติดในป่า เพื่อถ่ายกลุ่มที่ขนยาเสพติด เขามีอยู่แล้วจำนวนหนึ่งแต่ไม่เพียงพอ จึงขอเพิ่มอีก 150 ตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน เพราะกล้องนี้ช่วยได้มาก ไม่ต้องคอยให้กำลังพลไปลาดตระเวนอย่างเดียว”สส.เชียงใหม่ กล่าว
ขณะที่ รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษาและอาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟสบุค เนื้อหาระบุว่าตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า บริเวณ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พบฐานทหารว้าแดงล้ำแดนเข้ามาในแผ่นดินไทยประมาณ 9 จุด โดยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตนเข้าไปตรวจจุดภูมิประเทศจริงซึ่งพบฐานทหารว้าแดงตั้งล้ำเข้ามาตรงเขตชายแดนด้านอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้แก่ ดอยหนองหลวงและดอยหัวม้า
รศ.ดุลยภาคกล่าวว่า เมื่อวันที่ 26-27 มกราคม 2568 ได้เดินทางร่วมกับ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯไปยัง อ.เวียงแหงและอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบเรื่องฐานทหารว้าแดงและสถานการณ์ชายแดนโดยรวม ทั้งนี้บริเวณที่ไม่ไกลนักจากช่องหลักแต่ง หมู่บ้านเปียงหลวง อ.เวียงแหง มีหน่วยกองร้อยของหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ ตั้งตรวจตราพิทักษ์แนวเขตแดนไทยอยู่ ทหารในพื้นที่แถบนั้น (ฐานปฏิบัติการบ้านแปกแซม หมวดทหารม้าที่ 13 กองร้อยทหารม้าที่ 1)ได้รายงานว่ามีฐานทหารว้าแดงที่ล้ำแดนไทยตรงดอยกิ่วช้างกั๊บ ตลอดจนดอยไฟและดอยถ้วย โดยหน่วยในพื้นที่ได้ทำการประท้วงทางการพม่าไปแล้วตามช่องทางกลไกที่มีอยู่ในระดับท้องถิ่น จึงรอแต่คำสั่งจากหน่วยงานระดับสูงอีกทีว่าจะมีแนวทางจัดการปัญหานี้อย่างไร
รศ.ดุลยภาคกล่าวว่า ได้เห็นภูมิประเทศจริงซึ่งตนเห็นว่าทหารว้าแดงนั้น ตั้งฐานปฏิบัติการรุกล้ำเข้ามาค่อนข้างชัดเจนในฝั่งไทย เพราะตั้งฐานคร่อมหรือพ้นเลยจากแนวสันเขา/สันปันน้ำในลักษณะที่เข้าลึกมาทางฝั่งไทย และหากยืนจากฝั่งไทยแล้ว เราจะสามารถมองเห็นฐานทหารว้าแดงได้แบบชัดเจน กอปรกับชื่อดอยต่างๆ เช่น ดอยกิ่วช้างกั๊บ ดอยไฟ และดอยถ้วย ก็เป็นชื่อที่มาจากภาษาไทยหรือภาษาถิ่นภาคเหนือ (ไม่ใช่ภาษาว้าหรือภาษาพม่า)
“เรื่องว้าแดง เราคงต้องรอดูว่ารัฐบาลและกองทัพไทยจะมีวิธีการอย่างไรในการโน้มน้าวกดดันให้ว้าแดงถอนทหารออกจากแผ่นดินไทย ณ วันนี้ ว้าแดงมีทั้งการตั้งฐานในชัยภูมิแบบสูงข่ม คุมต้นน้ำบางสายที่ไหลไปหล่อเลี้ยงราษฎรไทย ว้าแดงยังมีรายได้มหาศาลจากการค้าหลากหลายรูปแบบ และมีกลุ่มกองกำลังที่โด่งดังขึ้นชื่อในเรื่องของการผลิตฝิ่น เฮโรอีนและยาเสพติด เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการปกป้องอธิปไตยของรัฐไทย ทำไมจึงปล่อยให้ว้าแดงล้ำแดนไทยและสร้างผลกระทบต่อสังคมไทยได้ถึงขนาดนี้ จึงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนช่วยติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป”รศ.ดุลยภาค ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี