ไม่ผิดคาด!! นับคะแนนเลือกตั้งบุรีรัมย์ 'หลานเนวิน'นำโด่ง พร้อมส.อบจ.'กลุ่มฅนบุรีรัมย์'นำทั้ง42เขต

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2568 เมื่อเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการนับคะแนน ใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ กรณีเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระ(ลาออก) และการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.)บุรีรัมย์ 42 เขตเลือกตั้ง จำนวน2,645 หน่วยเลือกตั้ง ใน 23 อำเภอ หลังปิดหีบบัตรการลงคะแนนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เมื่อเวลา 17.00 น. ปรากฏว่า กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในแต่ละหน่วยเลือกตั้ง ก็ได้เริ่มทำการนับคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์

โดยเฉพาะ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ของเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองบุรีรัมย์ บริเวณศาลาลานกีฬาชุมชนหลักเมือง ต.ในเมือง  อ.เมือง  จ.บุรีรัมย์  พบว่ามีประชาชน และผู้สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ. และส.อบจ.บุรีรัมย์ ต่างให้ความสนใจเดินทางมาดูร่วมลุ้นการนับคะแนน และเชียร์ผู้สมัครที่ตนเองชื่นชอบ รวมทั้งตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ด้วย แต่ไม่ค่อยคึกคักเหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา

ล่าสุด การนับคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.บุรีรัมย์ ปรากฏว่า นายภูษิต เล็กอุดากร อดีตนายก อบจ.บุรีรัมย์ สมัยที่ผ่านมา หลานชายของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้สมัครนายก อบจ.บุรีรัมย์  หมายเลข 4 หัวหน้าทีมกลุ่ม “ฅนบุรีรัมย์” ได้ 69,371 คะแนน  มีคะแนนนำผู้สมัครคู่แข่งอย่าง นายการุณ ใสงาม อดีต อดีต ส.ส. และอดีต ส.ว.บุรีรัมย์ ผู้สมัครหมายเลข 1 กลุ่มอิสระ ได้ 13,724  คะแนน  และ น.ส.พิมพ์ชนก รัตนบรรณกิจ  ผู้สมัครหมายเลข 2 กลุ่มอิสระ ได้  2,870 คะแนน  และนายณัฐกิตติ์ ล้อประสิทธิ์ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.บุรีรัมย์ เมื่อปี 2563 ผู้สมัครหมายเลข 3 กลุ่มอิสระ ได้ 1,989  คะแนน 

ส่วนการนับคะแนนเลือกตั้งส.อบจ.บุรีรัมย์ ทั้ง 42 เขตเลือกตั้งจำนวน 2,645 หน่วยเลือกตั้ง ใน 23 อำเภอ ก็ปรากฏว่า ผู้สมัครสมาชิกส.อบจ.บุรีรัมย์ “กลุ่มฅนบุรีรัมย์” ของนายภูษิต เล็กอุดากร ทั้ง 42 คน ใน 42 เขตเลือกตั้ง ก็มีคะแนนนำผู้สมัครจากพรรคประชาชน ที่ส่งลง 9 เขตเลือกตั้ง และผู้สมัครอิสระ คู่แข่งในทั้ง 42 เขตเลือกตั้ง เช่นกัน แต่มีบางเขตคะแนนห่างกันยังไม่มากนัก 

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.บุรีรัมย์ และส.อบจ.บุรีรัมย์ 42 เขตเลือกตั้ง จำนวน 2,645 หน่วยเลือกตั้ง ใน 23 อำเภอ ของ จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ พบว่า ในหลายหน่วยเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆ และพบว่ามีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด และบัตรเสียเป็นจำนวนมาก