‘ภูมิธรรม’ขยับ!จัดการแก๊งคอลฯ
จ่อตัดไฟครึ่งหนึ่ง
พื้นที่‘ชเวโก๊กโก่-เคเคพาร์ก’
สองเมืองในจังหวัดเมียวดี
ขย่ม‘มท.-กฟภ.’ไม่ต้องรอ
ถ้าเจอปัญหาจัดการได้ทันที
“ภูมิธรรม”เตรียมจัดการกับเมืองคอลเซ็นเตอร์เพื่อนบ้าน จ่อตัดไฟ“ชเวโก๊กโก่-เคเคพาร์ก”ครึ่งหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟตกพร้อมโต้“มท.-กฟภ.”หน่วยหน้างาน เจอปัญหาต้องไม่รอสั่ง สามารถดำเนินการได้ทันที ‘อนุทิน’ ระบุ พร้อมสับสวิตช์ หากสมช.สั่งหยุดจ่ายไฟ ระบุหากเพื่อนบ้านทำผิดกระทบความมั่นคง เตรียมหาแหล่งพลังงานใหม่ สมช.สรุปข้อมูลด้านความมั่นคง เสนอ กฟภ.-มท. พิจารณาตัดไฟ ควบคู่ตั้งกรรมการร่วม 2 ฝ่าย ไทย-เมียนมา ตรวจสอบจุดมีปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามแนวชายแดน ย้ำต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนเสนอ ครม.ตัดไฟ เลขาฯสมช.ปัดไม่ได้โยนไปมา ยันจะดำเนินการให้เร็วที่สุด พร้อมชี้เป้าคนเซ็น’ตัดไฟ’
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงเพื่อส่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)โดยตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย กฟภ.และกองทัพและหน่วยงานด้านการข่าวเข้าร่วม
จากนั้นเวลา 10.40 น. นายฉัตรชัยแถลงผลการประชุมว่า วันนี้เป็นการกลั่นกรองข้อมูลด้านความมั่นคงที่เชื่อถือได้ ให้เกิดความรอบคอบยิ่งขึ้น โดยกระทรวงกระทรวงมหาดไทยขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามุษย์ และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อไปประกอบการพิจารณา ซึ่งวันนี้ที่ประชุมมีข้อมูลที่จะส่งให้กระทรวงมหาดไทย 6 ข้อให้เร็วที่สุด ตามเงื่อนไขตามกฎหมาย และสัญญาที่ระบุไว้ ที่จะดำเนินการกับบริษัทคู่สัญญา ได้แก่ 1.ข้อมูลที่เกี่ยวกับความมั่นคงพื้นที่ตั้งจุดต่างๆที่เชื่อได้ว่ามีหลักฐานระดับหนึ่งที่เกี่ยวพันกับอาชญากรข้ามชาติ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีหลายจุดตั้งแต่ทางฝั่งแม่สาย เมียวดี พญาตองซู 2.อาจมีความเชื่อมโยงของบุคลลที่เกี่ยวบริษัทสัมปทาน กลุ่มที่เป็นกลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และบ่อนกาสิโนทั้งหลายก็มีความเกี่ยวกันกันระดับหนึ่งในเรื่องตัวบุคคล ที่อาจมีความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงกับการจำหน่ายไฟ ภายในเมียนมา
3.พบว่ามีความต้องการขอใช่ไฟเพิ่มขึ้นผิดปกติ แต่เราไม่อนุมัติ เพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่าเอาไปทำอะไร 4.แม้ที่ผ่านมาทางรัฐบาลไทย และ กฟภ. เคยมีการตัดไฟไปแล้ว ที่ชเวก๊กโก และ เคเคปาร์ค แต่ปรากฎว่าเขายังประกอบกิจการได้ ซึ่งอาจใช้น้ำมันปั่นไฟ 5.พบว่าสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าตามจุดต่างๆเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา 6.จุดที่เคยตัดไฟไปแล้ว พบหลักฐานบางอย่างว่ามีหาไฟฟ้าจากแหล่งอื่นไปทดแทน
ตั้งคกก.ร่วมตรวจสอบในพื้นที่
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติอีก 3 เรื่อง 1.สมช. จะประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงให้ กฟภ.ประกอบการพิจารณา 2.ให้กฟภ.นำข้อมูลไปเจรจากับบริษัทคู่สัญญาเพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม ให้เป็นๆไปตามหลักของสัญญา ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ตามเงื่อนไขของกฟภ. เช่นอาจมีการงดการจ่ายไฟ และถ้ามีการงดจ่ายไฟจะงดแบบไหน เป็นไปตามระเบียบกฟภ.และสัญญา แต่ทั้งหมดต้องคำนึงถึงผลกระทบประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านด้วย จึงต้องดูให้เหมาะสม และล่าสุดเป็นเรื่องดีที่กฟภ.มีการทำงานเชิงรุก โดยมีการแจ้งไปที่บริษัทคู่สัญญา ว่าเรามีความกังวลต้อพื้นที่ดังกล่าวว่าใช้ไฟไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งกฟภ.มีหนังสือแจ้งไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
3.ที่ประชุมมีมติให้ กระทรวงการต่างประเทศประสานกับรัฐบาลเมียนมา ไปกำชับบริษัทคู่สัญญาที่รัฐบาลเมียนมาอนุมัติให้มาสัมปทาน กับกฟภ. เพื่อให้รัฐบาลเมียนมาตรวจสอบว่ามีการใช้ไฟไม่เหมาะสม รวมถึงมีคณะทำงานร่วมจากฝั่งไทยและเมียนมาเข้าไปดูพื้นที่ร่วมกันว่าจุดไหนมีปัญหา เพื่อจะรับทราบปัญหาร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นมาตรการเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้น ระหว่างกฟภ. และ บริษัทคู่สัญญา ใน3 พื้นที่หลัก ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก -แม่สาย แม่สอด - เมียวดี และ พญาตองซู
จากข้อมูลทั้งหมดในวันนี้จะส่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานสถาความมั่นคงต่อไป เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
กระบวนการต้องรอบคอบ-รัดกุม
ขณะที่ นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่าปัจจุบันที่ กฟภ. มีข้อมูล บริษัทที่ได้สัมปทานจากเมียนมาไปนั้น ถ้าเป็นที่เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน มีอยู่ 1 บริษัท คือ บริษัท อัลลัว กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด และที่แม่สอด จ.ตาก มีทั้งหมด 2 บริษัท ส่วนที่เมืองพญาตองซู เมียนมา ก็มีอีก 1 บริษัท รวมทั้งหมด 4 บริษัท ตอนนี้ในส่วนของข้อมูลความมั่นคงจากการที่ได้รับในที่ประชุมมา ก็มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์และกฟภ. จะนำไปใช้ในการดำเนินการต่อไป
เมื่อถามอีกว่าจะใช้ระยะเวลาในการตัดไฟเท่าไหร่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หากผิดกฎหมายก็สามารถตัดได้ แต่ในกระบวนการต่างๆ ต้องมีความรอบคอบรัดกุม และจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อถามต่อว่าจะต้องมีการลงไปในพื้นที่ก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะมีอำนาจในการตัดสินใจได้ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็มีข้อมูลที่จะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ส่วนจะมีการที่งดจ่ายไฟหรือไม่ ก็ต้องมีการลงไปในพื้นที่ตรวจสอบ ย้ำว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เราต้องมองในเรื่องของกฎหมาย และมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) พอแล้วเสร็จแล้วเราจะเสนอ งดจ่ายไฟและจะมีการไปดำเนินการในเรื่องของนโยบาย หากครม.มีมติงดจ่ายไฟ ก็สามารถงดจ่ายไฟได้ทันที
มท.รวมข้อมูลประกอบการพิจารณาได้
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงถึงอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการร่วมกับหน่วยงาน เพื่อตรวจสอบการใช้ไฟฟ้า ว่า หากมีข้อมูลข้อเท็จจริงทางการข่าว และเห็นชัดว่าอะไรมีการนำกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทยไปใช้ในกิจกรรมที่ เป็นอาชญากรรมหรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทางกระทรวงมหาดไทยสามารถรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ มาประกอบการพิจารณา เพราะกฟภ. มีสัญญาที่ระบุไว้ว่าเราสามารถที่จะเลิกหรืองด และบังคับตามสัญญาในการจ่ายกระแสไฟฟ้า แล้วถ้าพบว่า มีผลกระทบต่อความมั่นคง ดังนั้นจึงนำข้อมูลเข้ามาพูดคุยกับ สมช.เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้รับทราบว่าการใช้ไฟในพื้นที่นั้นๆกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ ก่อนจะให้การไฟฟ้าฯนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาตามสัญญา หากมีความชัดเจน ก็สามารถดำเนินการตามสัญญาได้เลย หรือหากยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ก็ต้องไปสอบถามคู่สัญญา รวมทั้งลงไปตรวจสอบพื้นที่ เพราะบางครั้งคู่สัญญาอาจจะตอบว่าไม่กระทบ แต่จะช่วยได้หรือไม่ ก็ต้องนำข้อมูลมาประกอบกับทาง สมช. นอกจากนี้หากข้อมูลยังไม่ชัดอีก ก็ต้องมีการตั้งทีมลงไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
สัญญาชัดต้องกระทบมั่นคงเท่านั้น
เมื่อถามว่าอำนาจการตัดไฟ แต่อยู่ที่กฟภ.หรือ ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. นายชำนาญวิทย์กล่าวว่า ต้องดูมติครม. เพราะ ตอนที่อนุญาตให้ขายไฟ ครม. เพราะฉะนั้นการที่จะงดขาย ต้องไปดูว่า ตอนอนุญาตมีเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งตามมติครม. มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคง จึงถูกนำมาเขียนไว้ในสัญญา ทำให้ต้องพ่วงกับสมช. ดังนั้น เรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศจะต้องถาม ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ และสมช. เพื่อนำมาประกอบว่าผิดตามเงื่อนไขหรือไม่ หากพบก็สามารถบังคับตามเงื่อนไขได้ทันที การจะตัดไฟได้ ต้องยึดตามสัญญาซึ่งในสัญญาระบุไว้ประตูเดียว ว่าจะต้องกระทบต่อความมั่นคงเท่านั้น
เมื่อถามย้ำว่าบุคคลที่จะมีอำนาจเซ็นในการตัดไฟฟ้าได้คือ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงใช่หรือไม่ นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า “ก็คุม สมช.”
‘ภูมิธรรม’ย้ำไม่ได้โยนกันไปมา
นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับไฟฟ้าเมียนมาภายหลังจาก สมช.ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าตนได้สั่งการให้ เลขา สมช. เรียกประชุมในระดับปฏิบัติการ พร้อมทั้งเชิญ กฟภ. มาพูดคุย เนื่องจากไม่อยากให้โยนกันไปมา ทั้งกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด โดยมีสมช.เป็นตัวกลางประสานงาน ซึ่งเรื่องดังกล่าว เราดำเนินการมาแล้วตั้งแต่สมัยนายกฯเศรษฐา ทวีสิน
นายภูมิธรรม ยืนยันว่า การประชุมในช่วงเช้าของ สมช. มีความเป็นเอกภาพ ไม่ได้มีการโยนกันไปมาและสิ่งที่สำคัญ ให้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมด โดยให้ประสานระหว่าง สมช. กระทรวงมหาดไทย เพื่อประสานให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับเมียนมา เพื่อดำเนินการจากมาตรการเบาไปหาหนัก ให้เขาเร่งเคลียร์กับบริษัทที่อยู่ภายในประเทศของเขา หากมีปัญหาและยังไม่ดำเนินการใดๆ ก่อนจะมีกระบวนการในการจัดการต่อไป เราแจ้งให้เขาทราบในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของประเทศ ที่จะต้องพูดคุย
เตรียมตัดไฟเมืองคอลเซ็นเตอร์
“สิ่งสำคัญเรากำลังดำเนินการอยู่ อาจจะต้องใช้มาตรการตัดไฟครึ่งหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟตก โดยเฉพาะ อ.แม่ละมาด กับ อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เกี่ยวข้องกับเมืองชเวโก๊กโก่ ควบคู่ไปกับมาตรการเจรจา” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม ระบุต่อว่า เรามีการพูดคุยและหารือกันมาหลายวันแล้ว และมีข้อเสนอแนะจากที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ในวันที่ 4 ก.พ.เวลา15.00 น.ที่กระทรวงกลาโหม นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง และสาธารณะ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จะมาเข้าพบตนและจะพูดคุยในเรื่องของรายละเอียด ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร และทางจีนก็คงมีข้อเสนอแนะ
นายภูมิธรรม ย้ำว่า เท่าที่ดูทางการจีนเคารพในอธิปไตยของไทย และไม่รู้สึกเป็นเหมือนกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้น ซึ่งทางจีนยังมาขอข้อมูลจากเราว่า กระบวนการต่างๆ จะทำงานร่วมกันอย่างไร จึงขอคุยรายละเอียดเรื่องนี้ก่อน แล้วค่อยมาสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง และทางสมช. จะสรุปข้อมูลส่งมาให้ตน และในวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. ตนจะเดินทางไปยังชายแดนแม่สอด จ.ตาก กลับมาก็จะมีการสั่งการที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการตัดไฟครึ่งหนึ่ง
ลั่นจัดการส่วยชายแดนทั้งหมด
นายภูมิธรรม ยังระบุอีกว่า สำหรับมาตรการการตัดไฟ เกี่ยวข้องเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นเรื่องที่ ตกลงกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน ว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งการที่เราขายไฟฟ้าให้กับเมียนมา ไม่ต่างกับที่ ลาวขายให้กับสิงคโปร์ ก็จะดำเนินการขายไฟให้ต่อไป ตราบใดที่ไม่มีข้อผู้พิสูจน์ชัดเจนว่า มีการกระทำผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคง เราก็มีข้อมูลอยู่แล้ว และสำรวจมาต่อเนื่อง ว่ามีการนำไฟไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ มีการตรวจสอบบริเวณตามแนวชายแดน พวกเราต้องมีมาตรการในการจัดการ “หัวใจสำคัญอยู่ที่เมืองชเวโก๊กโก่ เมืองเคเคพาร์ก จังหวัดเมียวดี เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกัน และต้องพูดคุยกับจีนด้วย เพราะหลายเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างเดียว เช่น การเป็นทางผ่าน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ยังมีเส้นทางอื่นอีก ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา มีแอฟริกา อีกทั้งผมจะใช้โอกาสนี้จัดการ ส่วยบริเวณตามแนวชายแดนทั้งหมด” นายภูมิธรรม กล่าว
ยอมรับเป็นอำนาจฝ่ายมั่นคง
เมื่อถามว่า รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าเป็นอำนาจของนายภูมิธรรมในการสั่ง ตัดไฟ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอยู่ แต่เมื่อมีปัญหา ก็ต้องรีบสรุปข้อมูลและส่งมาตน ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง จะว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของรองนายกฯอีกก็ใช่ แต่ไม่ใช่ว่าจะโยนกันไปมา ก็ต้องดูกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องมาโยนกันไปมา พร้อมทั้งยืนยันว่าเรื่องการตัดไฟเมียนมา ไม่ต้องเข้าสู่ ครม. ว่า สมช. สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว หากทำผิดกฎหมาย และกระทบความมั่นคง
“เรื่องแบบนี้เมื่อหน่วยงานเฉพาะหน้าเจอ ไม่จำเป็นต้องมารอคำสั่งการ สามารถดำเนินการได้ทันที หรือทำเรื่องมาขอ ว่าเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ โดยไม่ต้องรอให้ไปสั่ง เพราะเป็นหน่วยงานปฏิบัติอยู่แล้ว เราไม่มีหน้าที่ตัดไฟตามกระแสในโซเชียล ที่กดดันว่าจะตัดไฟกี่โมง ส่วนที่มีการย้ายตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตากนั้นจะเกี่ยวกันหรือไม่ผมยังไม่รู้” นายภูมิธรรม กล่าว
‘อนุทิน’ลั่นพร้อมตัดไฟหากสมช.สั่ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี กฟภ. เข้าร่วมประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคง ในการหยุดจ่ายไฟตามแนวชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะมีการลงพื้นที่ โดย จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้รับทราบแล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ร้องขอไปเองว่า ให้ทางสมช.ช่วยยืนยัน แหล่งกระทำผิด เพราะถ้ามีจริงก็พร้อมที่จะตัดการจ่ายไฟ แต่ สมช. ต้องยืนยันมาก่อน โดยทาง สมช. ไม่มีการแจ้งว่าจะส่งเป็นความเห็นมาให้ แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงความเห็น ทางกระทรวงมหาดไทยก็พร้อมที่จะดำเนินการทันที เพราะก็ไม่ได้สนับสนุนการกระทำผิดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าขั้นตอนที่จะมีการลงพื้นที่ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม. จะเป็นการล่าช้าไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การขายไฟมีสัญญาอยู่ อย่างไรก็ต้องมีการยื่นหนังสือทวงถาม ซึ่งคิดว่า ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานก็เร่ง และเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศก็คงต้องแจ้งไปยังประเทศเมียนมา ว่าหากมีกระทำผิดจริง ก็ต้องมีการเตรียมตัวไว้ ทางประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องหาแหล่งพลังงานมาทดแทน เพราะถ้าความเสียหายกับประเทศไทยเราก็ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าต่อไปได้ ซึ่งเขียนอยู่ในสัญญาแล้ว
“ต้องมีการยืนยันก่อน ซึ่งตอนนี้มีแต่ข้อมูล ที่คนนั้นพูดทีคนนี้พูดที แต่ยังไม่มีการยืนยัน เราจะไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าทางการไทยจะหยุดจ่ายไฟ แก๊งคอลเช็นเตอร์จะใช้เครื่องปั่นไฟใช้เอง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเขาปั่นไฟใช้เองจริง ก็ไม่มีทางที่จะได้รับความเอื้อประโยชน์จากฝั่งไทย เขาซื้อไฟของเราไป ถ้าหน่วยงานความมั่นคงให้หยุดจ่าย ทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้จะหยุดจ่ายทันที ถ้าเขาส่งมาถ้าหยุดจ่ายไฟแล้วเขาไปปั่นไฟใช้เอง ในบ้านของเขาและเชื้อเพลิงของเขา เราก็ไม่เกี่ยว โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์
เรื่องนี้ต้องถึงมือนายกฯ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องถึงมือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้รอเพียงหน่วยงานที่ไปทำข้อตกลงแจ้งกลับมา ให้ กฟภ. หยุดจ่ายไฟเราก็หยุดจ่ายไฟ ซึ่งตอนนี้ ก็มีการตอบสนองขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานใด ยืนยันกลับมาว่าได้มีการกระทำผิด อย่างที่ถูกเขากล่าวอ้าง ซึ่งล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็ยืนยันกลับมาว่าไม่มีการกระทำผิดใด ๆ ในส่วนของการตรวจสอบของป.ป.ส. ซึ่งเราก็ต้องรอการตรวจสอบจาก สมช. ที่เป็นเจ้าภาพและมีการประชุมไปแล้ว และได้มีข้อสั่งการมา เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ถ้าบอกว่าไม่มีก็ต้องจบแล้ว ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว
เมื่อถามต่อว่า การที่ กฟภ. จะลงพื้นที่ไปยังจุดจ่ายไฟนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตามจริง กฟภ. ทำเกินหน้าที่ที่จะลงไป ตรวจว่าใครทำผิดหรือไม่ทำผิด เพราะเราเป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ แต่ก็ไม่เป็นไร หากลงพื้นที่แล้วพบว่ามีการกระทำผิดก็นำข้อมูลของ กฟภ. มาย้ำอีกที
เมื่อถามต่อว่า นอมินีสัมปทานไฟฟ้ามีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี บริษัทที่จะเข้ามาทำสัญญาซื้อไฟข้ามแดนกับ กฟภ.มีการตรวจสอบยืนยันจากรัฐบาล ประเทศเพื่อนบ้านเอง และหน่วยงานความมั่นคงจากประเทศไทย ตรวจสอบหมดแล้วว่าขายได้ ไม่ใช่ว่าใครจะมาซื้อเราก็ขาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี