‘ภูมิธรรม’ไฟเขียวเข้าทางปืน!‘โรม’จับตาเข้มกดดัน‘กฟภ.’ตัดไฟชายแดนไทย-เมียนมาโยง‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ได้ทีไล่บี้‘อนุทิน’จะลอยหน้าลอยตาให้ประชาชนรับความเสียหายหรือไม่ ลามถาม‘แพทองธาร ชินวัตร’จะปล่อย‘มท.1’ไปแบบนี้หรือ เตรียมเรียก‘มหาดไทย-สมช.’แจง‘กมธ.มั่นคงฯ’ ล็อกเป้าต้องเป็น‘เสี่ยหนู’เท่านั้น จี้‘ผบ.ตร.’ปัดกวาดบ้านตัวเอง เผย‘พล.ต.ต. ต.เต่า’รับแล้ว เคยทำธุรกิจฝั่ง‘เมียวดี’
เมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาระบุจะสั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทยเมียนมาที่เชื่อมโยงกระทบความมั่นคง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทุบโต๊ะ!‘ภูมิธรรม’ลั่นสั่ง‘กฟภ.’ตัดไฟ‘เมืองแก๊งคอลฯ’วันนี้ ฮึ่มเกียร์ว่างเจอ‘ช่วยราชการ’) ว่า ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะเป็นสิ่งที่ตนพยายามยืนยันมาโดยตลอดว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไม่ควรไปถึงระดับนโยบายด้วยซ้ำ
“แต่ กฟภ.เกียร์ว่าง ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น ซึ่งสิ่งที่นายภูมิธรรมพูดฟังดูเหมือนจะตัดแค่ ชเวโก๊กโก่ และเคเคพาร์ก หรือไม่ ซึ่งสองจุดนี้ถูกตัดไปนานแล้ว และตนอยากขอใช้โอกาสนี้บอกอีกครั้งว่าถ้าจะตัดตนก็เห็นด้วยและควรที่จะทำทันที ซึ่งการที่นายภูมิธรรม ออกมาระบุว่าจะทำทันที ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องดูว่าสุดท้ายการตัดไฟที่จะเกิดขึ้นจริง จะเกิดขึ้นที่จุดไหน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากฝั่งเมียนมา ทางท่าขี้เหล็กก็ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ขณะที่ฝั่งเมียวดี และพญาตองซู มีปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนจึงคิดว่า ต้องตัดทั้งหมด 3 จุดนี้ หากมีการละเว้นจุดในจุดหนึ่งไว้ ปัญหาก็ไม่จบ เพราะขบวนการเหล่านี้ คงย้ายไปอีกจุดที่ยังไม่ถูกตัดไฟ ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาว หากเกิดมีการตัดไฟเพียงบางจุดนั้น นี่เป็นเพียงก้าวแรก ยังเหลืออีกจำนวนมาก ในการแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ ขั้นตอนที่ควรจะพิจารณาต่อไป คือ เรื่องของท่าข้ามแม่น้ำ เฉพาะแค่ที่ จ.ตาก ก็มีการเปิด 59 ท่า บางท่าก็ตั้งอยู่กับแก๊งสแกมเมอร์ และหากมีการตัดไฟ ก็แน่นอนว่าแก๊งเหล่านี้ จะต้องไปหาเครื่องปั่นไฟ และรัฐบาลต้องดูตั้งแต่ต้นว่ามีการจัดหาเครื่องปั่นไฟไปใช้หรือไม่ เพื่อรีบสกัดกั้นตั้งแต่ตอนนี้ นี่คือขั้นตอนแรกที่ควรจะทำ ภายหลังการตัดไฟ
ประธานกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า ขั้นตอนที่2 หากเกิดการกระทำความผิดใดๆ เราจะสามารถเอาผิดเจ้าของท่าข้าม ซึ่งเป็นเอกชนได้หรือไม่ และขั้นตอนที่3ต้องทบทวนถึงความจำเป็นต้องมีท่าข้ามมากมายขนาดนี้ ที่เป็นความอ่อนแอด้านความมั่นคงของประเทศอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการตรวจสิ่งของที่นำข้ามไป โดยเฉพาะของผิดกฎหมายหากจะเปิดท่าข้าม ควรคงมาตรฐานไม่น้อยไปกว่าด่านชายแดนถาวร ที่มีเจ้าหน้าที่รัดกุมตามจุดต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้น
ส่วนการมีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอนุญาตให้สามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตซ้ำนั้น ก็ควรมีการทบทวน เนื่องจากบางพื้นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ด้านความมั่นคง หรือหากนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้าพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจะต้องทบทวนให้มีกลไกในการขออนุญาตก่อน ซึ่งตนมองว่าวิธีการนี้จะป้องกันกลุ่มที่แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อข้ามไปยัง 3 จุดข้างต้น
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ คือกลไกภายใน อย่างเรื่องบัญชีม้า ตนเห็นท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังมากขึ้น ซึ่งก็เข้าใจว่าคงต้องรอการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีก่อน เพื่อให้ธนาคาร และโอเปอเรเตอร์ต่างๆ ร่วมรับผิดชอบ แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังรอเงินคืน ซึ่งก็คงต้องมีกลไกรองรับ และจัดการ รัฐบาลยังจะต้องหันไปมองฝั่งกัมพูชาด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่สำคัญไม่แพ้กับฝั่งเมียวดี และต้องดูว่ามีทรัพยากรของประเทศไทยใดบ้าง ที่อาจถูกส่งไปถึง ซึ่งตนเชื่อว่ามีเช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่านายภูมิธรรมสั่งระงับการจ่ายไฟ สวนทางกับท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย สะท้อนเรื่องความสัมพันธ์ของ 2 รองนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถึงนายภูมิธรรม ไปไกลสุดจริงๆแค่ที่นายอนุทินแค่นั้น การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการ มีความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่
“ถ้ามีความเสียหาย นายอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาล นายกฯจะไม่ทำอะไรเลยใช่หรือไม่และหากปรากฏว่าไฟฟ้าที่ขายไป ไม่ใช่มีแค่ฝั่งพม่าแต่ไปเจอจุดอื่นอีก แล้วก่อให้เกิดการเสียหายอีก คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตา แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปล่อยให้ประชาชนต้องรับความเสียหายต่อไปเองเรื่อยๆ ส่วนนายกฯผมขอเรียกร้องแม้จะชื่นชมว่าวันนี้มีการตัดไฟจริง แต่ขณะเดียวกันความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว คุณอนุทินก็ต้องรับผิดชอบในการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ที่รับผิดชอบของตัวเอง ผมต้องถามถึงนายกฯว่า เราจะปล่อยนายอนุทินไปแบบนี้หรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องมีมาตรการอะไรออกมา จึงต้องเรียกร้องความเป็นผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยวันที่ 6 ก.พ. เราได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม กับกมธ.ฯ ตนได้กำชับกับฝ่ายเลขาว่ากระทรวงมหาดไทยให้กำหนดเป็นนายอนุทินโดยตรง รวมถึงเลขาสมช.ด้วย ซึ่งเรื่องนี้สมช.ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงแต่เป็นหน่วยงานประสาน ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง
“แต่วันนี้ท่านเลขาสมช.ยินดีที่จะรับเผือกร้อน และออกมาพูดตอนแถลงผมก็เสียดายมากว่าควรจะพูดให้ชัดเจน ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความมั่นคง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผมฟังข้อมูลตอนเทคออฟก็เหมือนจะดี แต่พอท่านแลนด์ดิ้งมันไปอีกทางหนึ่ง ผมก็งงกับท่านจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น“ นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าที่เคยออกมาโพสต์กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ดูแลลูกน้องตัวเอง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวว่าพล.ต.ต. ชื่อย่อ ต.เต่า ออกมายอมรับว่าเคยทำธุรกิจอยู่ฝั่งตรงข้ามคือที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีหน้าที่ปกป้องและปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ปล่อยให้บุคคลเดินทางไปเล่นกาสิโน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเข้าออกประเทศไทยที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และรายได้ที่ได้มาที่อาจชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่
“ผมกำลังจะบอกว่าวันนี้ พล.ต.ต. ต.เต่า อาจเป็นคนที่มีเบื้องหลังบางอย่างอยู่ด้วย มีคนที่อาจเป็นระดับสูงเป็นเบื้องหลังเป็นลมใต้ปีกให้กับพล.ต.ต. ต.เต่า ส่วนบิ๊กต่ายวันนี้ทำอะไร ไม่เห็นทำอะไรเลย เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตอนอยากจะเป็น อยากจะเป็นใจจะขาด แต่ถึงเวลานี้ปัดกวาดบ้านตัวเองไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วออกให้ข่าวมั่วซั่ว ว่าไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย วันนี้คนในองค์กรของท่านทำผิดกฎหมาย ท่านไม่เห็นจัดการอะไรเลย ปล่อยให้เขาเดินเผลอๆ แหล่งรายได้เงินต่างๆยังคงไหลมาเทมาต่อไป หรือว่าเส้นเงินต่างๆการซื้อขายตำแหน่ง มันมากเสียจนทำให้คนคนนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ขอให้สื่อมวลชนจับตา เพราะไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน การทุจริตคอร์รัปชันเป็นแหล่งที่มาที่ทำร้ายประเทศไทยมากมายเหลือเกิน และความทุกข์ยากตกอยู่อยู่ที่ประชาชนคนไทย
“แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่มีทางเติบโตได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนที่คอร์รัปชันที่อยู่ในวงการราชการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขณะนี้นี้คงไม่มีคนฆ่าตัวตาย คงไม่มีคนที่หมดตัวขนาดนี้ถ้าระบบกฎหมาย สามารถอำนวยความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง” นายรังสิมันต์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี