ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ ยันเร่งช่วยเหลือลูกเรือไทยทั้ง 4-ครอบครัว เต็มที่ เผยไทม์ไลน์การช่วยเหลือหลังจากถูกกล่าวหาไม่ใส่ใจ - ย้ำพร้อมติดต่อประสานการช่วยเหลืออย่างครบถ้วน
วันนี้ (6 ก.พ.) น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีที่มีผู้กล่าวหากระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ไม่ใส่ใจดูแลลูกเรือประมงที่ถูกทางการเมียนมาควบคุมตัวทั้ง 4 รวมถึงครอบครัวด้วยนั้น โดยยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงและเป็นไปไม่ได้เลย ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไม่ใส่ใจให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากและยืนยันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดต่อให้ความช่วยเหลือคนไทยลูกเรือทั้ง 4 คน และช่วยเหลือครอบครัวของลูกเรือทั้ง 4 คน
น.ส.ชยิกา ชี้แจงช่วงเวลาการให้ความช่วยเหลือลูกเรือประมงไทย ทั้ง 4 คน และครอบครัวของลูกเรือที่ได้รับผลกระทบ ตามการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ, กรมการกงสุล และสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้งว่า ตั้งแต่มีรายงานข่าวว่า ทางการเมียนมาจะปล่อยตัวลูกเรือทั้ง 4 คนนั้น ตั้งแต่วันที่ 4 ถึง 12 ธันวาคม 2567 รักษาการหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวสุราษฎร์ธานี เป็นผู้แทนกระทรวงฯ เดินทางไปประสานงานกับส่วนราชการในจังหวัดระนอง และเตรียมการรับตัวลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน
สำหรับในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 รักษาการหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวสุราษฎร์ธานี เป็นผู้แทนกระทรวงฯ พบกับครอบครัวของลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน ทั้งนางปริญกมร ธัญชร ภรรยาของนายวิโรจน์ สะพานทอง ณ นคร และญาติของนายสมปอง วิวัฒน์, น.ส.กลมชนก มงกุฎทอง บุตรสาวของนายสุนันท์ มงกุฎทอง, และ น.ส.วรรณทกานต์ พรหมนิมิต บุตรสาวของนายถาวร พรหมนิมิตร เพื่อแสดงความห่วงใย และเน้นย้ำว่า กระทรวงฯ และสถานเอกอัครราชทูตฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีหมายเลขติดต่อของญาติของลูกเรือประมงทั้ง 4 คนแล้ว พร้อมแจ้งช่องทางการติดต่อสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สุราษฎร์ธานี และกรมการกงสุล
ส่วนในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 รักษาการหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวสุราษฎร์ธานี ได้พบกับนางปริญกมร ภรรยาของนายวิโรจน์ และญาติของลูกเรือประมง ที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล เพื่อรับหนังสือขอรับความช่วยเหลืออีกครั้ง พร้อมยังได้แนะนำให้นางปริญกมร เขียนคำร้องขอรับความช่วยเหลือ เพื่อเร่งประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง และกรมการกงสุลได้ส่งเรื่องให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้งดำเนินการทันที ก่อนที่กระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา อนุญาตให้ญาติของลูกเรือประมงไทย เข้าเยี่ยมลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน ที่เรือนจำเกาะสอง ในวันเดียวกัน
นอกจากนั้น ฝ่ายเมียนมา ยังได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่สถานทูต กับญาติของลูกเรือเพียง 1 คน สามารถเป็นตัวแทนเข้าเยี่ยมลูกเรือประมงทั้ง 4 ได้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยนางปริญกมร เป็นผู้แทนของครอบครัวลูกเรือประมงไทยเข้าเยี่ยมพร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ในวันดังกล่าว และยังมีเจ้าหน้าที่สถานทูต ได้พูดคุยโทรศัพท์กับลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ และติดตามสภาพจิตใจรวมทั้ง จะเร่งประสาน กับฝ่ายเมียนมา เพื่อให้ส่งกลับลูกเรือประมงโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังมีญาติของลูกเรือประมง ได้โทรศัพท์ติดต่อสอบถามความคืบหน้าในการช่วยเหลือลูกเรือประมงกับเจ้าหน้าที่กองคุ้มครองฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีพัฒนาการใดๆ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสแรก
ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่า ได้ติดต่อญาติหลายคนตามรายชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว ตั้งแต่เดือน พ.ย.2567 แต่รายชื่อที่ปรากฏในข่าว มีต่างกันเพียง 2 คน ซึ่งอยู่ในครอบครัวเดียวกัน และทันทีที่ทราบเรื่องนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ได้ให้กรมการกงสุล ติดต่อไปทันที และพร้อมรับการติดต่อประสานช่วยเหลือ ในกรณีที่มีการตกหล่นใดๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างครบถ้วน พร้อมขอวิงวอนว่า ไม่อยากให้นำเอาประเด็นเรื่องลูกเรือทั้ง 4 มาเป็นประเด็นทางการเมือง เนื่องจากจะทำให้การเจรจาช่วยเหลือที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวอย่างเป็นรูปธรรมยากยิ่งขึ้น หากมีข้อบกพร่อง ยินดีน้อมรับข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนจริงๆ แน่นอน
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี