‘ปชน.’บี้รัฐบาลเร่งหามาตรการรับมือนโยบายกำแพงภาษี‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ห่วงสินค้าเกษตรไทย รับผลกระทบหนักถูกขึ้นภาษีนำเข้า ‘รมช.พาณิชย์’แจงไม่นิ่งนอนใจ ตั้งทีมเจรจาการค้า-ต่อรอง-หาตลาดใหม่ส่งออกเพิ่มเติม
6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่สอบถามรมว.พาณิชย์ ถึงมาตรการรับมือสงครามการค้าโลกของรัฐบาล ภายหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงจะถูกขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า เพราะอยู่ในอันดับ12 ของประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯมากว่า 10 ปี สินค้าไทยที่เสี่ยงถูกขึ้นภาษีคือ สินค้าเกษตร
นายสิทธิพล กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะประกาศหาตลาดใหม่เพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ แต่การหาตลาดใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีคู่แข่งจากจีนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายสหรัฐ สินค้าจีนที่ถูกกีดกัน จะล้นตลาดโลก ส่งมาขายในประเทศไทย กระทบกับธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มเติม จึงต้องเตรียมตัวรับมือสินค้าไม่ได้คุณภาพจากจีนเข้ามาตีตลาดไทยด้วย เช่น เหล็ก วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป จะต้องมีมาตรการรับมือสินค้าไม่ได้คุณภาพเหล่านี้ ไม่อยากให้รัฐบาลประเมินผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐต่ำเกินไป การจะไปเจรจากับสหรัฐนั้น จะเอาอะไรไปต่อรองแลกเปลี่ยน
ขณะที่นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ตอบกระทู้สดชี้แจงแทนรมว.พาณิชย์ว่า ประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐมานาน 10 ปี เกินดุลสหรัฐฯอยู่ประมาณ 3.8% รวมถึงประเทศในอาเซียนอื่นๆ เช่น เวียดนาม มาเลเซียอินโดนีเซีย ก็ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯเช่นกัน ดังนั้นอาเซียนจึงอยู่ในกลุ่มเสี่ยงถูกตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐ พูดคุยกับนักธุรกิจ ผู้บริหารสหรัฐฯ เพื่อต่อรองนโยบายการขึ้นภาษีให้ได้มากที่สุด อีกทั้งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการตั้งคณะทำงานนโยบายการค้ากับสหรัฐฯโดยตรง มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน รวบรวมข้อมูลปัญหาต่างๆ หาแนวทางรับมือมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย
สำหรับแนวทางของประเทศไทยขณะนี้คือ การรักษาตลาดเดิมกับสหรัฐ และเตรียมพร้อมหาตลาดใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น จีนทางตอนใต้และตะวันตก อินเดีย ยูเออี ในกรณีถูกตั้งกำแพงภาษี มีการติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิด เชื่อว่า นโยบายทรัมป์ จะกระทบไทยไม่มากนัก หรือไม่กระทบเลย ถ้าเจรจากันได้ หรือสามารถหาตลาดใหม่เพิ่มได้ ส่วนการควบคุมสินค้าจากจีน นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการควบคุมสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน วางมาตรการตรวจสอบสินค้านำเข้าจากต่างประเทศจาก 20% เป็น 30-40 สินค้าที่นำเข้าต้องติดฉลากภาษาไทย ส่วนรายละเอียดการไปเจรจากับสหรัฐนั้น เป็นเรื่องของคณะทำงานนโยบายการค้ากับสหรัฐฯ จะไปดำเนินการ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี