ไม่รูู้ว่าเป็นนิสัย หรือสันดานกันแน่??? ที่ทำให้ล่าสุด "สส.ปูอัด" หรือ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.พรรคไทยก้าวหน้า สร้างความฉาวโฉ่ให้กับรัฐสภาไทยอีกครั้ง
หลังถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับ ที่ จ.262/2568 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 กรณีมีผู้เสียหายสัญชาติจีน แจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 02.00 น.ที่ผ่านมา
ก่อนที่ในเวลาต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขออนุญาตจับตัวสส.ผู้นี้ ต่อประธานสภาฯในสมัยประชุม
คงต้องย้อนดูวีกรรมของ สส.อื้อฉาวรายนี้กันหน่อย!!!
สำหรับประวัติของ ปูอัด-ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ จบปริญญาตรีนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาตรีรัฐศาสตร์ เอกการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยเป็นนักวิจัยผลิตภัณฑ์ UX Research แอปพลิเคชั่น StartDee ให้เด็กทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และเคยเคลื่อนไหวทางการเมือง ในฐานะตัวแทนกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน "ร่างรื้อระบอบประยุทธ์” ตัวแทนรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ร่าง " ILAW " สมาชิกกลุ่ม ConLab ขับเคลื่อนให้ความรู้ประชาชนด้านรัฐธรรมนูญไทยและสากล และรณรงค์เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายสมรสเท่าเทียม
บนเส้นทางสายการเมือง ปูอัด-ไชยามพวาน เริ่มต้นกับการเข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล (ปัจจุบันถูกยุบและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพรรคประชาชน) ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดยพรรคส่งลงสมัครในพื้นที่กรุงเทพฯ เขต 26 (จอมทอง - ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน และบางขุนเทียน- เฉพาะแขวงท่าข้าม) และได้รับชัยชนะตามกระแส “ส้มยึดกรุง” ที่พรรคก้าวไกลกวาดที่นั่ง สส. กรุงเทพฯ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไปถึง 32 เขต จากทั้งหมด 33 เขต
ตามประวัติย่อที่เคยเผยแพร่บนเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน ให้นิยามชีวิตของตนว่า “เหมือนภาพยนตร์ที่มีครบทุกอารมณ์” เพราะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดีนัก จึงมีต้นทุนชีวิตที่ด้อยกว่าใครหลายคน สมหวังบ้าง – ผิดหวังบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยึดถือเสมอคือการไม่ยอมแพ้ ดังนั้นเป้าหมายในการทำงานการเมืองของตนคือ “การอยากเห็นภาพชีวิตของทุกคนตั้งแต่ฉากเปิดจนถึงฉากปิด..เป็นชีวิตที่มีคุณภาพ ได้รับสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่เท่าเทียม ได้เรียนฟรีในโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีโอกาสเดินตามความฝันโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะมีสวัสดิการรองรับตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของชีวิต
อย่างไรก็ตาม ปูอัด-ไชยามพวาน อยู่กับพรรคก้าวไกลได้ไม่นาน ก็ต้องถูกขับออกจากพรรคไป เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนกรณี “คุกคามทางเพศ” ปรากฏเป็นข่าวช่วงปลายเดือน ต.ค. – ต้นเดือน พ.ย. 2566 ซึ่งในตอนแรก พรรคก้าวไกลยังไม่ได้ขับนายไชยามพวาน โดยการประชุมครั้งแรกที่มี สส. ของพรรค 128 คนเข้าร่วม พบมี สส. 22 คน ที่โหวตว่ายังไม่ถึงขั้นต้องขับออกจากพรรค ทำให้ได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ตามระเบียบของพรรคในการขับบุคคลพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค
วันที่ 3 พ.ย. 2566 นายไชยามพวาน ได้แถลงข่าวขอโทษประชาชน แต่ยังไม่ลาออกจากการเป็น สส. พร้อมชี้แจงกรณีผู้เสียหาย 3 ราย ร้องเรียนเรื่องคุกคามทางเพศ ดังนี้
-ผู้เสียหายที่ 1 ตามเอกสารที่ระบุว่า มีการใช้อำนาจคุกคามทางเพศ ไปที่ผู้ร้องคนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ช่วยที่ร่วมกันทำพื้นที่ในเขตจอมทองมาโดยตลอด ตนขอแสดงหลักฐานข้อความส่วนตัวระหว่างตนและคู่กรณีดังนี้ จากนั้น นายไชยามพวานได้อ่านบันทึกการสนทนาให้กับสื่อมวลชนฟัง ซึ่งมีการพูดคุยดูแลกันมาตลอด ช่วยเหลือเรื่องเงิน และเนคไทอันนี้ก็เป็นของพ่อของเขา ในส่วนนี้ตนจะไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพิ่มเติม และตนได้แจ้งต่อกรรมการวินัยพรรคไปแล้ว
- รายที่สอง กรณีที่อ้างว่ามีรูปถ่ายขณะที่ผู้ร้องคนที่สองผูกเน็กไทด์ให้กับตน และอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องพัก เป็นการคุกคามทางเพศนั้น ตนขอชี้แจงว่า รูปดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นคอนเทนท์ เพื่อเตรียมไว้สำหรับลงโซเชียลมีเดีย มีแนวคิดว่า ตนเป็นสส.หน้าใหม่ ที่ผูกไทด์ไม่เป็น ซึ่งผู้ร้องคนที่สองก็เป็นคนคิดคอนเทนท์นี้เอง และเป็นเพียงการส่งรูปให้เลือกเพื่อลงโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ เป็นข้อบ่งชี้ที่ว่า ผู้ร้องรู้ตัวว่าถูกถ่ายแน่นอน และในวิดีโอผู้ร้องมีการสนทนากับตนตลอด และจะเห็นได้จากเงาสะท้อนว่า มีผู้ช่วยคนอื่นอยู่ในห้องด้วย ไม่ได้อยู่กันสองต่อสองตามที่มีการกล่าวอ้าง ส่วนสลิปการโอนเงินที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นการโอนเพื่อปิดปากนั้น ตนขอชี้แจงว่า เป็นการโอนเงินเดือนตามบันทึกข้อตกลงร่วมงาน และให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพระหว่างการว่างงาน
- รายที่สาม การแตะเนื้อต้องตัวเป็นการคุกคามทางเพศ ตนทราบตัวเองดีว่าเวลาลงพื้นที่ ตนมีการสัมผัสตัวคนอื่นค่อนข้างมาก แต่ไม่มีเป้าประสงค์ทางเพศ และการสัมผัสเป็นการแตะตัวในฐานะเพื่อนร่วมงาน หากตนผิดพลาดที่อาจเป็นการคิดไม่รอบคอบว่าแต่ละคนอาจมีขอบเขตการยอมรับแตกต่างกัน ตนขออภัยมา ณ ที่นี้ หากการกระทำของตนทำให้ผู้ร้องไม่สบายใจและไม่เปิดให้ผู้ร้องสะท้อนความรู้สึกไม่สบายใจนั้นไม่ดีพอ ตนขออภัยและจะระมัดระวังตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสกดดันจากบรรดา สส. หญิง ภายในพรรค รวมถึงมวลชน “ด้อมส้ม” ที่สนับสนุนพรรค และมองว่าที่ผ่านมาพรรคตั้งมาตรฐานไว้สูงเรื่องการคุกคามทางเพศ ทำให้ต้องมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 7 พ.ย. 2566 และครั้งนี้มีมติเอกฉันท์ 128 เสียง ให้ขับนายไชยามพวาน ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามข้อเสนอที่ทางคณะกรรมการบริหารพรรคภายในระยะเวลาที่กำหนด
โดย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ในขณะนั้น) ชี้แจงหลังการประชุม ว่า กรรมการบริหารพรรค เห็นว่าการแถลงข่าวของนายไชยามพวาน ไม่แสดงถึงการสำนึก ยอมรับพฤติการณ์ตนเอง ไม่ขอโทษอย่างจริงใจและเปิดเผยข้อมูลผู้เสียหาย จึงมีมติให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการวินัยฯ ดำเนินกระบวนการวินัยสมาชิก ตามข้อบังคับพรรค มีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือขับพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนการทำงานในพื้นที่ จะมีการส่ง สส.ใกล้เคียงลงไปดูแลพื้นที่แทน
กระทั่งในวันที่ 28 พ.ย. 2566 มีรายงานว่า พรรคไทยก้าวหน้า ได้รับ ปูอัด-ไชยามพวาน เข้าสังกัด ทำให้นายไชยามพวาน ยังคงได้ทำหน้าที่อยู่ในสภาต่อไป เพราะหาพรรคใหม่เข้าร่วมได้ทันภายในกรอบเวลา 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่สิ้นสถานะความเป็น สส. แต่ล่าสุดก็มามีข่าวถูกออกหมายจับในคดีข่มขืนดังกล่าว สร้างความอื้อฉาวต่อรัฐสภาไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่รู้ว่าเป็นนิสัย หรือสันดานกันแน่???
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี