ฉาวอีก!ข่มขืนนักท่องเที่ยวไต้หวัน
หมายจับสส.‘ปูอัด’
ตร.เชียงใหม่แจ้งสภา
ขอตัวดำเนินคดีด่วน
เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อหา
ลั่นไม่ยอมพร้อมสู้คดี
ฉาวอีกแล้ว! “สส.ปูอัด-ไชยามพวาม” โดนหมายจับ คดีข่มขืน นักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันที่เชียงใหม่ช่วงต้นปี เผยพฤติกรรมร่วมดื่มแล้วอาสาไปส่งห้อง ก่อนเผด็จศึก ด้านเลขาฯสภาฯ แจงถ้าส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในระหว่างสมัยประชุม ต้องขอให้สภาฯอนุมัติ ส่อชะตาขาดคาดมีลุ้นกลางก.พ. ประธานวิปฝ่ายรัฐบาลพร้อมไฟเขียวเปิดทางให้จัดการ ทั้งจี้ไขก๊อก เพราะทำเสื่อมเสียกระทบการท่องเที่ยว ด้านฝ่ายทีมงาน สส.ปูอัด โวย โดนใส่ร้าย-ดิสเครดิต หน.ไทยก้าวหน้า ยังไม่ลงดาบ บอกต้องรอผลสอบสวนให้ชัด
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับที่ จ.262 /2568 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ตามที่พนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์คดีอาญาที่ 95 / 2568 จากการสอบสวนทราบว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยก้าวหน้า ผู้ต้องหาซึ่งดำรงตำแหน่ง สส. ในความผิดข่มขืนกระทำชำเรา Miss C. นักท่องเที่ยวสัญชาติจีน แจ้งความร้องทุกข์ว่าเกิดเหตุที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ในเวลา 02.00 น.
ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบสวนคดีดังกล่าวแล้วรวมถึงรวบรวมพยาน หลักฐาน น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ประกอบกับผู้ต้องหามีตำแหน่งเป็น สส.จึงได้ทำหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎรเพื่อที่จะขอตัวไปดำเนินคดีนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายไชยามพวาน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เวลา11.30น.ปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้
ทางด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อประสานมาจากศาล เพื่อขอตัวนายไชยามพวาน ไปดำเนินคดี ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่ายังไม่ได้รับการติดต่อประสานมา แต่จะตรวจสอบในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
อาสาไปส่งห้องก่อนเผด็จศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกหมายจับ สส.คนดัง ตามคำร้องของ สภ.เมืองเชียงใหม่ ที่ยื่นขออนุมัติหมายจับในคดีข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน เหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบสวนคดีดังกล่าวแล้วรวมถึงรวบรวมพยาน หลักฐาน น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ประกอบกับผู้ต้องหามีตำแหน่งเป็น สส.จึงได้ทำหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎรเพื่อที่จะขอตัวไปดำเนินคดีนั้น
รายงานข่าว ระบุว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากวันที่ 9 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน อายุ 25 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่าถูกนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ “สส.ปูอัด” สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา หลังเจอกันที่ร้านเหล้า และได้นั่งดื่มเหล้ากันที่ร้านแห่นี้บนถนนมูลเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จนเมา ต่อมา สส.ปูอัด จะอาสามาส่งที่ห้องพัก จากนั้นใช้กำลังข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ โดยฝ่ายหญิงไม่ยินยอม จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ กระทั่งรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลอนุมัติหมายจับ
ด้าน พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า คดีนี้ทางสถานทูตไต้หวัน ได้ให้ความสนใจและตามเรื่องตลอด ทางตำรวจเราก็มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ผู้ต้องหาเป็น สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายระบุไว้ห้ามจับ ห้ามดำเนินการตามเอกสิทธิ์ สส.ต้องทำตามระเบียบ ซึ่งทางภูธรจังหวัดทำหนังสือถึงภาค แล้วเสนอต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามขั้นตอนปฏิบัติจนมีการประสานถึงสภาผู้แทนราษฎรในที่สุด
สภาเปิดขั้นตอนคดีปูอัด
ต่อมา ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวชี้แจงขั้นตอนของสภาฯต่อจากนี้ ภายหลังศาลเชียงใหม่ ออกหมายจับ สส.คนดังในคดีข่มขืน ว่า ตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าในช่วงระหว่างสมัยประชุม ห้ามไม่ให้จับ คุมขังหรือหมายเรียกตัวสส. หรือสว. ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาไปทำการสอบสวน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสภาฯ หรือเป็นการจับในขณะกระทำความผิด ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 187 ในกรณีมีเรื่องที่สภาฯจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการจับคุมขังหรือหมายเรียกตัวสมาชิกไปทำการสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุมตามมาตรา 125 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ ต้องให้ประธานสภาฯบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน เพื่อให้สมาชิกร่วมพิจารณา และลงมติ
“หากเจ้าหน้าที่จะนำตัวนายไชยามพวานไปสอบสวนหรือดำเนินคดีได้ ต้องผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมสภาฯก่อน ซึ่งต้องดูว่าสภาฯจะอนุมติให้ไปหรือไม่ เว้นแต่นายไชยามพวานจะสมัครใจไปเอง เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้ความคุ้มกันกับสส.ระหว่างสมัยประชุม ฝ่ายนิติบัญญัติต้องปฏิหน้าที่ ฝ่ายบริหารและอำนาจต่าง ๆ จะไม่สามารถนำตัว สส. ไปได้ เพราะมีหน้าที่ประชุม ซึ่งที่ผ่านมาที่ประชุมสภาฯก็ไม่เคยอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว สส.ไปดำเนินคดี” เลขาฯสภาฯ ระบุ
เลขาฯสภาฯ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับการบรรจุวาระด่วนจะสามารถทำได้ในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าน่าจะเป็นช่วงวันที่ 19-20 ก.พ.นี้ เนื่องจากสัปดาห์หน้ามีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่13-14ก.พ. ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหนังสือจากศาลเชียงใหม่ มายังสภาฯ
เพื่อไทยตามกระทืบซ้ำ
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า เห็นด้วยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเป็นพฤติกรรมที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทราบข่าวมา เราก็ไม่ได้ไปว่าเขาผิด ครั้งที่แล้วยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ครั้งนี้ไปก่อเหตุซ้ำและยังก่อเหตุกับคนต่างชาติ ทำให้ประเทศชาติเราเสียชื่อเสียง
“ในสถานะสมาชิกรัฐสภามันรู้สึกอายเขานะ ถ้าเป็นคนธรรมดาก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ยังไม่พอ ตัวเองเป็นผู้ทรงเกียรติไม่ควรทำอย่างนี้ ผมคิดว่าสภาก็น่าจะให้ตัวไปครับ หลังจากนั้นคณะกรรมการจริยธรรมอย่างพวกผมก็ต้องทำหน้าที่ต่อเลย” นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ต้องเอาเข้าคณะกรรมการจริยธรรมเป็นวาระเร่งด่วน ตนเกรงว่า จะเป็นความเสียหายกับประเทศ ถ้าเขาไปโพสต์ไปว่าอะไร ประเทศชาติจะเสีย ในฐานะสภาผู้ทรงเกียรติทำแบบนี้ไม่ได้ มันซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่จบไม่สิ้น
เมื่อถามว่าจะกลายเป็นปัญหาหรือไม่เพราะยังไม่เคยมี สส.ที่สมาชิกโหวตให้ตำรวจดำเนินคดี นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เมื่อก่อนคดีที่ไปก่ออาชญากรรมเรายังรับได้ แต่เรื่องนี้หมายถึงต่างประเทศด้วย ชื่อเสียงบ้านเรา รายได้เยอะมากจากการท่องเที่ยว ถ้าผู้แทนที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย มีพฤติกรรมอย่างนี้ มันก็จะเสียหายเยอะ ตนคิดว่าเสียหายมากที่สุด
“ผมคิดว่าเป็นดุลยพินิจของ สส.แต่ละพรรค แต่ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องในประเทศ แค่คนไทยไปทำกับเขาก็เสียหายแล้ว แต่นี่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมันไม่ควรทำ ด้วยจิตสำนึก ใครจะปกป้องก็แล้วแต่ ผมคนหนึ่งที่จะโหวตให้ส่งตัว” นายวิสุทธิ์ กล่าว
สส.เดียร์จี้ให้ลาออก
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ผ่าน x (ทวิตเตอร์) Khattiya Sawatdiphol ว่า “จากข่าวการออกหมายจับ สส.คนหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จังหวัดเชียงใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ สส.คนดังกล่าวถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในลักษณะการล่วงละเมิดทางเพศ ที่สำคัญ สิ่งที่เกิดขึ้น (หากศาลตัดสินว่าเป็นเรื่องจริง) นอกจากจะเป็นการกระทำที่ทั้งขัดต่อกฎหมายและหลักศีลธรรมทางสังคมแล้ว ยังกระทบต่อเกียรติภูมิของสภาผู้แทนราษฎร และยังสร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ จนอาจกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย
ในฐานะสมาชิกพรรคการเมือง เดียร์คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นอีกไม่ว่ากับนักการเมืองคนไหน และทุกพรรคควรถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องนำไปคิดออกแบบกระบวนการคัดเลือกบุคลากรที่รัดกุมมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ในฐานะผู้แทนราษฎร เดียร์ขอเรียกร้องให้ สส.คนดังกล่าว ลาออกจากตำแหน่งโดยทันที เพื่อออกไปใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายให้เสร็จสิ้น จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดอย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้สถาบันของผู้แทนราษฎรต้องมีรอยด่างพร้อยจากข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเช่นนี้ค่ะ”
ทีมงานปูอัดเคลื่อนไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวล่าสุดของในกลุ่มไลน์ “ความเคลื่อนไหว สส.ปูอัด ไชยามพวาน” ซึ่งเป็นกลุ่มสำหรับแจ้งข่าวสารของนายไชยามพวาน ทีมงานของนายไชยามพวาน ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า “โดนใส่ร้ายเหมือนเดิมครับ ดิสเครดิตครับ” เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่านายไชยามพวาน จะออกมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ ทีมงานตอบกลับว่า “แน่นอนครับ”
ยังไม่เชือด”สส.ปูอัด”
ในประเด็นดังกล่าว ว่าที่ ร.ต.วัชรพล บุษมงคล หัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้า กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายไชยามพวาน เพราะเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวพร้อมกับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ต้องรอดูข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องสอบสวนอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เรื่องดังกล่าวต้องให้โอกาสนายไชยามพวานก่อน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนต้วของนายไชยามพวาน ซึ่งการเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ นายไชยามพวานไม่ได้แจ้งกับทางพรรค ดังนั้นอาจไปในภารกิจส่วนตัวหรือฐานะ สส. อย่างไรก็ดีผมยังไม่ได้คุยกับนายไชยามพวานโดยตรง แต่ได้ให้เจ้าหน้าที่พรรคประสานงานอยู่” นายวัชรพล กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีนี้พรรคจะมีมาตรการอย่างไรหรือไม่เพราะกระทบชื่อเสียงของพรรค นายวัชรพล กล่าวว่า ยอมรับว่าอาจมีผล แต่หลังจากที่มีการตรวจสอบและสอบสวนจากทางตำรวจแล้ว จะหารือกับทางกรรมการบริหารพรรคต่อไป อย่างไรก็ดีนายไชยามพวานเคยมีประวัติมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นพรรคยังให้โอกาส ส่วนตอนนี้ต้องดูรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร
พลิกแฟ้มผลงาน’สส.ปูอัด’
สำหรับประวัติของ ปูอัด-ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ จบปริญญาตรีนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาตรีรัฐศาสตร์ เอกการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยเป็นนักวิจัยผลิตภัณฑ์ UX Research แอปพลิเคชั่น StartDee ให้เด็กทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และเคยเคลื่อนไหวทางการเมือง ในฐานะตัวแทนกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน “ร่างรื้อระบอบประยุทธ์” ตัวแทนรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ร่าง “ ILAW “ สมาชิกกลุ่ม ConLab ขับเคลื่อนให้ความรู้ประชาชนด้านรัฐธรรมนูญไทยและสากล และรณรงค์เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายสมรสเท่าเทียม
บนเส้นทางสายการเมือง ปูอัด-ไชยามพวาน เริ่มต้นกับการเข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล (ปัจจุบันถูกยุบและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพรรคประชาชน) ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดยพรรคส่งลงสมัครในพื้นที่กรุงเทพฯ เขต 26 (จอมทอง - ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน และบางขุนเทียน- เฉพาะแขวงท่าข้าม) และได้รับชัยชนะตามกระแส “ส้มยึดกรุง” ที่พรรคก้าวไกลกวาดที่นั่ง สส. กรุงเทพฯ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไปถึง 32 เขต จากทั้งหมด 33 เขต
ตามประวัติย่อที่เคยเผยแพร่บนเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน ให้นิยามชีวิตของตนว่า “เหมือนภาพยนตร์ที่มีครบทุกอารมณ์” เพราะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดีนัก จึงมีต้นทุนชีวิตที่ด้อยกว่าใครหลายคน สมหวังบ้าง – ผิดหวังบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยึดถือเสมอคือการไม่ยอมแพ้ ดังนั้นเป้าหมายในการทำงานการเมืองของตนคือ “การอยากเห็นภาพชีวิตของทุกคนตั้งแต่ฉากเปิดจนถึงฉากปิด..เป็นชีวิตที่มีคุณภาพ ได้รับสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่เท่าเทียม ได้เรียนฟรีในโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีโอกาสเดินตามความฝันโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะมีสวัสดิการรองรับตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของชีวิต
ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล
อย่างไรก็ตาม ปูอัด-ไชยามพวาน อยู่กับพรรคก้าวไกลได้ไม่นาน ก็ต้องถูกขับออกจากพรรคไป เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนกรณี “คุกคามทางเพศ” ปรากฏเป็นข่าวช่วงปลายเดือน ต.ค. – ต้นเดือน พ.ย. 2566 ซึ่งในตอนแรก พรรคก้าวไกลยังไม่ได้ขับนายไชยามพวาน โดยการประชุมครั้งแรกที่มี สส. ของพรรค 128 คนเข้าร่วม พบมี สส. 22 คน ที่โหวตว่ายังไม่ถึงขั้นต้องขับออกจากพรรค ทำให้ได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ตามระเบียบของพรรคในการขับบุคคลพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค
ปูอัดชี้แจงละเอียดยิบ
ต่อมาวันที่ 3 พ.ย. 2566 นายไชยามพวาน ได้แถลงข่าวขอโทษประชาชน แต่ยังไม่ลาออกจากการเป็น สส. พร้อมชี้แจงกรณีผู้เสียหาย 3 ราย ร้องเรียนเรื่องคุกคามทางเพศ ดังนี้
ผู้เสียหายที่ 1 ตามเอกสารที่ระบุว่า มีการใช้อำนาจคุกคามทางเพศ ไปที่ผู้ร้องคนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ช่วยที่ร่วมกันทำพื้นที่ในเขตจอมทองมาโดยตลอด ตนขอแสดงหลักฐานข้อความส่วนตัวระหว่างตนและคู่กรณีดังนี้ จากนั้น นายไชยามพวานได้อ่านบันทึกการสนทนาให้กับสื่อมวลชนฟัง ซึ่งมีการพูดคุยดูแลกันมาตลอด ช่วยเหลือเรื่องเงิน และเนคไทอันนี้ก็เป็นของพ่อของเขา ในส่วนนี้ตนจะไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพิ่มเติม และตนได้แจ้งต่อกรรมการวินัยพรรคไปแล้ว
รายที่สอง กรณีที่อ้างว่ามีรูปถ่ายขณะที่ผู้ร้องคนที่สองผูกเน็กไทด์ให้กับตน และอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องพัก เป็นการคุกคามทางเพศนั้น ตนขอชี้แจงว่า รูปดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นคอนเทนท์ เพื่อเตรียมไว้สำหรับลงโซเชียลมีเดีย มีแนวคิดว่า ตนเป็นสส.หน้าใหม่ ที่ผูกไทด์ไม่เป็น ซึ่งผู้ร้องคนที่สองก็เป็นคนคิดคอนเทนท์นี้เอง และเป็นเพียงการส่งรูปให้เลือกเพื่อลงโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ เป็นข้อบ่งชี้ที่ว่า ผู้ร้องรู้ตัวว่าถูกถ่ายแน่นอน และในวิดีโอผู้ร้องมีการสนทนากับตนตลอด และจะเห็นได้จากเงาสะท้อนว่า มีผู้ช่วยคนอื่นอยู่ในห้องด้วย ไม่ได้อยู่กันสองต่อสองตามที่มีการกล่าวอ้าง ส่วนสลิปการโอนเงินที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นการโอนเพื่อปิดปากนั้น ตนขอชี้แจงว่า เป็นการโอนเงินเดือนตามบันทึกข้อตกลงร่วมงาน และให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพระหว่างการว่างงาน
รายที่สาม การแตะเนื้อต้องตัวเป็นการคุกคามทางเพศ ตนทราบตัวเองดีว่าเวลาลงพื้นที่ ตนมีการสัมผัสตัวคนอื่นค่อนข้างมาก แต่ไม่มีเป้าประสงค์ทางเพศ และการสัมผัสเป็นการแตะตัวในฐานะเพื่อนร่วมงาน หากตนผิดพลาดที่อาจเป็นการคิดไม่รอบคอบว่าแต่ละคนอาจมีขอบเขตการยอมรับแตกต่างกัน ตนขออภัยมา ณ ที่นี้ หากการกระทำของตนทำให้ผู้ร้องไม่สบายใจและไม่เปิดให้ผู้ร้องสะท้อนความรู้สึกไม่สบายใจนั้นไม่ดีพอ ตนขออภัยและจะระมัดระวังตัวมากขึ้น
สังกัดรรคไทยก้าวหน้า
อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสกดดันจากบรรดา สส. หญิง ภายในพรรค รวมถึงมวลชน “ด้อมส้ม” ที่สนับสนุนพรรค และมองว่าที่ผ่านมาพรรคตั้งมาตรฐานไว้สูงเรื่องการคุกคามทางเพศ ทำให้ต้องมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 7 พ.ย. 2566 และครั้งนี้มีมติเอกฉันท์ 128 เสียง ให้ขับนายไชยามพวาน ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามข้อเสนอที่ทางคณะกรรมการบริหารพรรคภายในระยะเวลาที่กำหนด
โดย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ในขณะนั้น) ชี้แจงหลังการประชุม ว่า กรรมการบริหารพรรค เห็นว่าการแถลงข่าวของนายไชยามพวาน ไม่แสดงถึงการสำนึก ยอมรับพฤติการณ์ตนเอง ไม่ขอโทษอย่างจริงใจและเปิดเผยข้อมูลผู้เสียหาย จึงมีมติให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการวินัยฯ ดำเนินกระบวนการวินัยสมาชิก ตามข้อบังคับพรรค มีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือขับพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนการทำงานในพื้นที่ จะมีการส่ง สส.ใกล้เคียงลงไปดูแลพื้นที่แทน
กระทั่งในวันที่ 28 พ.ย. 2566 มีรายงานว่า พรรคไทยก้าวหน้า ได้รับ ปูอัด-ไชยามพวาน เข้าสังกัด ทำให้นายไชยามพวาน ยังคงได้ทำหน้าที่อยู่ในสภาต่อไป เพราะหาพรรคใหม่เข้าร่วมได้ทันภายในกรอบเวลา 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่สิ้นสถานะความเป็น สส. แต่ล่าสุดก็มามีข่าวถูกออกหมายจับในคดีข่มขืนที่เชียงใหม่อีกหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี