"สว.สำรอง"บุก"DSI" ร้องสอบปมล็อคโหวตฮั้วสว. หลังกกต.ตีตกคำร้อง ด้าน"ดีเอสไอ"เผยพบความผิดปกติจริง อาจเข้าข่ายผิดอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กลุ่ม สว.เพื่อประชาชน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว พร้อมตัวแทน สว.สำรอง ประมาณ 30 คน ยื่นคำร้องต่ออธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้เข้ามาร่วมสอบสวนคดีการฮั้วโกง และบล็อกโหวตในการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ผ่านมา เมื่อปี 2567 อย่างจริงจัง โดยขอให้รีบดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดให้มีการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 และได้ประกาศรายชื่อ สว.จำนวน 200 คนและ สว.สำรองอีกจำนวน 99 คนในเวลาต่อมา โดยภายหลังมีผู้ร้องเรียนและร้องคัดค้านว่าการเลือก สว.ไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรมมีการฮั้วและบล็อกโหวตในการลงคะแนนรวมทั้งร้องคัดค้านเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการประกาศรับรองเป็น สว.แล้ว เป็นจำนวนมากกว่า 570 เรื่อง
โดยได้มีการติดตามทวงถามผลการดำเนินการกับทาง กกต.เรื่อยมาพร้อมทั้งได้มีการนำข้อมูลพยานหลักฐานมอบให้ กกต.พิจารณาตรวจสอบอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน และต่อมาได้รับแจ้งจาก กกต.ว่ายกคำร้องและยุติเรื่องถึง 200 เรื่อง โดยไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทำให้ผู้ร้องคลางแคลงใจและไม่มั่นใจต่อการดำเนินการของ กกต.เป็นอย่างมาก
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีคำร้องที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการของ กกต.อยู่อีกมาก กว่า 300 เรื่อง และใช้เวลาดำเนินการสืบสวนสอบสวนตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกสว.มาแล้วถึงปัจจุบันมาก กว่า 220 วัน เหลือเวลาเพียงอีก 100 วันเศษ ก็จะครบ 1 ปี ตามกรอบเวลาการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยของ กกต.จึงไม่มั่นใจว่า กกต.จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์และผดุงไว้ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรมได้หรือไม่ ความล่าช้าในการดำเนินการของ กกต.ที่ผ่านมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการตรวจสอบในความสุจริตและเที่ยงธรรมของการเลือก สว.เท่านั้น แต่ยังทำให้ สว.ที่ได้รับเลือกไปแล้ว และกำลังปฏิบัติหน้าที่ท่าม กลางข้อกังขาของสังคมทั่วไปว่ามีการฮั้วและโกงดำเนินการผ่านการเลือกมาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
ทั้งนี้ พฤติกรรมของกลุ่มขบวนการนี้มีลักษณะเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายต่างๆ ต่างกรรมต่างวาระ กล่าวคือ 1.ความผิดในลักษณะการจัดตั้งกลุ่ม กลุ่มขบวนการที่ปกปิดวิธีการดำเนินงานและมีความมุ่งหมายมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209
2.ความผิดในลักษณะชักจูง ชี้นำ จัดตั้งกลุ่มขบวนการเลือกสว.อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนที่จัดตั้งล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3)
3.ความผิดในการให้สัญญาจะให้ เพื่อให้บุคคลลงคะแนนในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอันเป็นความผิดตาม พรป.ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (1) และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จึงขอให้ดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ
ด้าน นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มารับเรื่อง จากกลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว.ขอยืนยันว่า ทุกกลุ่มที่ไม่ได้รับความยุติธรรมทางกระทรวงยุติธรรมยินดีรับเรื่องไว้ดำเนินการ โดยทราบว่ากลุ่มดังกล่าวได้มีการร้องเรียนตั้งแต่ปีที่แล้วและเรื่องอยู่ในความรับผิดชอบการสืบสวนของดีเอสไอ ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมได้ตระหนักดีว่า องค์กร สว.องค์กรสำคัญระดับชาติ และกระทรวงยุติธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจดำเนินการอยู่บนหลักพื้นฐาน
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้เป็นการยื่นเรื่องเพิ่มเติมของกลุ่มผู้ร้อง ว่ามีการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการรับเรื่องร้องเรียนให้มีการตรวจสอบกระบวนการการได้มาซึ่ง สว.เมื่อกลางปีที่แล้ว และทางดีเอสไอได้มีหนังสือแจ้งไปยัง กกต.เพื่อให้ กกต.พิจารณาว่าในเรื่องนี้ กกต.จะรับเรื่องไปดำเนินการหรือไม่ หรือจะมอบหมายให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ ในขณะเดียวกันทางดีเอสไอได้มีการตั้งเลขสืบสวน ที่ 151/2567 ดำเนินการคู่ขนานกับ กกต.ซึ่ง กกต.มีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย พนักงานหลายหน่วยงาน อาทิ ดีเอสไอ , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ปปง.ร่วมเป็นคณะทำงาน เนื่องจากความผิดนี้ทาง กกต.เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2567 กกต.ได้มีการสอบถามถึงดีเอสไอ ว่ามีการรับคำร้องไว้ดำเนินการกี่เรื่อง รวมถึงดำเนินการอย่างไรบ้างแล้ว ซึ่งในวันที่ 3 ก.พ.2568 ทางดีเอสไอได้มีหนังสือถึง กกต.เพิ่มเติมว่า กกต.มีมติอย่างไรให้ดีเอสไอดำเนินการในส่วนไหนบ้าง ขณะนี้รอเพียง กกต.แจ้งความประสงค์มา เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง สว.เป็นอำนาจของ กกต.โดยตรง ซึ่งดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานในชั้นสืบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการการเลือก สว.ทางตัวแทนผู้สมัคร สามารถยื่นให้รับเป็นคดีพิเศษเองได้ หรือต้องรอให้ กกต.มายื่นเรื่องร้องเรียนเองนั้น นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ตามมาตรา 49 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า เมื่อความปรากฏว่า เมื่อพนักงานหรือหน่วยงานของรัฐรับเรื่องการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองให้เป็นอำนาจ กกต.ที่จะดำเนินการเองหรือโอนคดีให้หน่วยงานอื่น โดยในกรณีนี้ทางดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนมีกำหนดระยะเวลาภายใน 7 วัน คือ ภายในวันที่ 10 ก.พ.2568 ว่ามีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง แต่ถ้าเป็นความผิดอื่น กลุ่ม สว.จะมาร้องเรียนเพิ่มเติม ทางดีเอสไอจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อกลั่นกรองว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ส่วนเลขสืบสวนที่ 151/2567 ดีเอสไอทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งการบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล การตรวจสอบพยานหลักฐานทางดิจิทัล การตรวจสถานที่เกิดเหตุ สถานที่จัดฮั้ว สว.การตรวจสอบพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับโพย สว.รายการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีความผิดปกติ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
เมื่อถามอีกว่า ถ้าพบความผิดจะทำให้การเลือก สว.ครั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะหรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การดำเนินการเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ในการพิจารณา ซึ่งการสอบสวนในเรื่องนี้ต้องมีการยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา ยืนยันว่าไม่มีการแทรกแทรงจากการเมือง และไม่มีการตั้งธง หรือตั้งเป้าใดๆ ทั้งสิ้น เราทำตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเลขสืบสวนที่ 151/2567 ของดีเอสไอ ที่ได้ดำเนินการส่งคืน กกต.ให้พิจารณาดำเนินการต่อไปนั้น มีสาระสำคัญระบุว่าได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานโดยสรุปแล้วกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77 (1) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207 (ฐานความผิดอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี