‘ภูมิธรรม’เผยเที่ยงนี้ลงนามคำสั่งเรียกกลุ่มเอี่ยว‘คอลเซ็นเตอร์’พ้นพื้นที่ชายแดน-ห้ามเข้าเมียนมา แฉคนโยงขบวนการ 300-400 เครือข่าย บอกพอใจมาตรการเข้มของไทยได้ผล พร้อมส่งเหยื่อกลับประเทศต้นทางรับไปดูแลเอง เตือนประชาชนอย่าทำผิด เสี่ยงข้อหาสมรู้ร่วมคิด
เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ระบุจะเรียกคนที่มีข้อกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการกระทำผิดกฎหมายออกนอกพื้นที่ที่มีบทบาทและอำนาจทั้งหมด ว่า ในเที่ยงวันเดียวกันนี้ (11 ก.พ.68) จะออกคำสั่ง เท่าที่ดูจะมีจำนวนเท่าไร จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง และมีบทบาทในพื้นที่ แต่ยังไม่ได้สรุปว่าเขามีความผิดอะไร แต่ให้ออกมาก่อน เพื่อที่จะทำงานได้สะดวก ส่วนจะเป็นพลเรือนหรือมีส่วนอื่นขอให้รอดูคำสั่ง โดยห้ามข้ามไปฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา
เมื่อถามถึงมาตรการตัดไฟ ตัดน้ำมัน และอินเตอร์เน็ต ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ได้ผลอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่าจากรายงานของหน่วยเฉพาะกิจราชมนู และหน่วยงานอื่น รวมถึงหน่วยข่าวทางลับ ได้ผลดีพอสมควรอาจเกิดความปั่นป่วนบ้างบริเวณชายแดนพื้นที่เมียนมา เช่น การเดินขบวน ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา วันนี้เราต้องการกดดันให้ผู้มีอำนาจอยู่ในเมียนมาได้รับทราบรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดในพื้นที่ของเขาสร้างความกระเทือนถึงประเทศไทย และเป็นผลสะเทือนถึงโลกด้วย ถ้าเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหา เขาต้องกลับไปกดดันไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้พื้นที่เป็นแหล่งมั่วสุม
ทั้งนี้ หน่วยข่าวและกองกำลังที่ปฏิบัติการอยู่รายงานว่ากระแสไฟที่อยู่ในเมืองลดลงตามลำดับ และขณะนี้ในพื้นที่พญาตองซูได้ผลักดันขับไล่กลุ่มจีนเทาออกจากพื้นที่ภายใน 28 ก.พ.นี้ นอกจากนั้นยังเข้มงวดกับมาตรการลักลอบนำเข้า โดยใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำว่าทหารตำรวจและฝ่ายปกครองร่วมมือกันทำงานได้เป็นอย่างดีอย่างดีในเรื่องนี้ แม้จะมีปัญหาบางประการ เราได้ขอเคลียร์เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค หากมีเรื่องใดที่เป็นอุปสรรคจะดำเนินการตามขั้นตอน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ จะลงพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยเท่าที่ทราบขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดขนาดลง ดูจากการใช้ไฟที่ไม่เสถียร และอินเตอร์เน็ตมีปัญหา แม้เขาจะใช้ดาวเทียมวงจรต่ำ ตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องกดดันต่อไป โดยฝ่ายพื้นที่ประเมินว่าต้องลดระดับลง หรือเปลี่ยนจุดที่เป็นปัญหา ในพื้นที่ปอยเปตเรารู้ตัวคนที่เกี่ยวข้องแล้ว
“เราได้รับรายชื่อของกลุ่มต่างๆทั้งในและนอกประเทศ 300-400 เครือข่าย และดำเนินการตรวจสอบในทางลับอยู่ หากจะมาพูดหรือโวยวายอะไร ต้องบอกว่ามีหลักฐาน เพราะเราจัดการตามกระบวนการนิติธรรม ไม่ใช่มาพูดตรงนั้นตรงนี้ และแนะนำไปเรื่อย หากคิดว่าตัวเองมีหลักฐานให้เอามา ถ้ามีหลักฐานชัดเราไม่ปล่อยแน่นอน แต่การพูดลอยๆ เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติไม่ได้ เพราะหากโดนฟ้องกลับ เจ้าหน้าที่จะตายหมด ถ้าคิดว่าอะไรมีปัญหาให้เอามา อย่าไปจินตนาการ หรือไปเขียนข้างนอก ให้เอามายื่นเราจะจัดการ ถ้ามายื่นแล้วเราไม่จัดการให้เอาหลักฐานนั้นไปแฉให้ทุกคนดู ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม แล้วเราไม่จัดการค่อยมาตำหนิ” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนไทยที่ถูกหลอก มีโอกาสที่จะช่วยออกมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการทุกทางที่จะกดดันให้ออกมา ตัวเลขที่จะส่งกลับมามีทั้งคนไทยและส่วนอื่น ต้องดูเป็นล็อตๆ โดยเรามีเงื่อนไขว่าถ้าจะส่งมาที่ไทยประเทศต้นทางของเขาต้องพร้อมจะรับกลับไป ไม่เช่นนั้นรับมาแล้วมาอยู่ชายแดนของเราจะกลายเป็นค่ายอพยพ และเวลานี้ NGO ที่อยู่ในค่ายอพยพไม่ได้มีเงินพอที่จะดูแล จะให้รัฐบาลไทยไปรับผิดชอบก็คงไม่ไหว
ทั้งนี้ เราได้คุยกับประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศ โดยสถานทูตที่มีบุคคลของเขาอยู่ในข่ายถูกหลอกไป พร้อมจะมารับคนของเขากลับ ทั้งยุโรป แอฟริกา ลาตินอเมริกา และเอเชีย หลายประเทศพร้อมมารับและขอบคุณประเทศไทย เขาอยากรับคนของเขากลับแต่ไม่มีเส้นทางที่จะเข้าไป เมื่อไทยจัดการได้เขาก็ขอบคุณ และที่ผ่านมาก็มีการแจ้งเบาะแสให้เราทราบเป็นระยะ หลายเรื่องเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนที่เราต้องระวัง การแก้ปัญหาหลายเรื่องเราต้องมั่นใจ และคำนึงถึงผลกระทบ การแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันทำให้เราได้เบาะแสและหลักฐาน
ส่วนการจะปิดชายแดนไม่ให้สินค้าไทยเข้าไปนั้น เพราะเขาต้องพึ่งเรา หากไม่มีสินค้าไทยเข้าไป เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน เนื่องจากชายแดนตรงนั้นยังมีเหตุสู้รบ ยังต้องการปัจจัยอะไรอีกหลายอย่าง การกระทำแบบนี้ไม่เป็นปัญหาและไม่มีผลกับเรา ที่จะให้ลดการกดดัน
ผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสข่าวว่ามีตำรวจเชียงใหม่เข้าไปพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มีการตรวจสอบข้อมูลแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการหากใครมีข้อมูลเพิ่มให้ส่งเข้ามา และอยากให้มองภาพรวม ว่าถ้ามีความผิด
เมื่อถามถึงการถอนสัญชาติกับคนที่เกี่ยวข้องกับตึก 25 ชั้นในปอยเปต นายภูมิธรรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติพยายามทำงานอยู่ โดยนายภูมิธรรมได้ยกตัวอย่าง ว่า หากมีกรณีรถขนยาเสพติดขับเข้ามา แต่ไม่จับเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการสะกดรอยตาม เพื่อให้ไปถึงจุดพักยา และสาวไปจนถึงเครือข่าย เพื่อจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ หากเจอแล้วจับทันทีก็ไม่ได้อะไร อาจจะได้แค่คนรับจ้าง เป็นการตัดวงจร ทั้งนี้เรื่องการปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีกำหนดจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจและตอบโจทย์ของเรา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี