"โรม"ชี้มาถูกทางแล้วหลังมีการเสนอออกหมายจับ“หม่อง ชิตตู”ผู้นำกองกำลัง BGF เป็นการสกัดกั้น “ไทยเทา-พม่าเทา” ไม่ให้รวมหัวกัน แนะต้องเร่งสปีดให้เร็วขึ้น เชื่อความสำเร็จฝั่งตะวันตก จะเป็นโมเดลให้ฝั่งตะวันออก
11 ก.พ.68 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกรมสอบสาวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหลักฐานหารืออัยการออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF หลังปรากฏหลักฐานช่วยเหลือเครือข่ายค้ามนุษย์ ว่า หม่อง ชิตตู ถือเป็นระดับเฮดเลย เป็นผู้นำกองกำลัง BGF ก็ถือว่าถูกตัว และตนคิดว่าเป็นใจกลางสำคัญของเรื่องนี้
นายรังสิมันต์โรม กล่าวว่า หม่อง ชิตตู่ เป็นกลไกสำคัญในอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ เนื่องจากมีทั้งไทยเทา พม่าเทา ไปรับส่วย ไปเกี่ยวข้องเยอะมาก ส่วนเรื่องการออกหมายจับจะนำไปสู่การจับกุมจริงได้หรือไม่ อยู่ที่ความสามารถของกลไกต่างๆ มันอยู่ที่การพูดคุยกับรัฐบาลกระบวนการต่างๆด้วย เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราทำฝ่ายเดียวไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เราเห็นจะเป็นการสกัดไม่ให้ เครือข่ายสีเทาเหล่านี้เจอหน้ากัน รวมกลุ่มกันรวมหัวกัน ต่อติดกัน อย่างน้อยที่สุดมันคือการป้องปรามไม่ให้ไทยเทาทั้งหลาย ไปคุยกับหม่องชิตตู่
"คงต้องช่วยกันทุกฝ่าย ผมคิดว่าเรื่องอยู่อย่าปล่อยให้เงียบ ต้องรวมพลังกันต่อไป และคิดว่าความสำเร็จด้านตะวันตกจะเป็นโมเดลสำคัญให้กับฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันออกเรายังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก แต่การที่เราจัดการกวาดล้างฝั่งตะวันตกได้ มันจะกลับเป็นการส่งสัญญาณให้บรรดาจีนเทาทั้งหลายว่าประเทศไทยวันนี้เราไม่ยอม"นายรังสิมันต์ กล่าว
พร้อมระบุว่า คงต้องไปดูว่ารายชื่อที่จะมีการออกหมายจับอีกจะมีใครบ้าง ตนเห็นชื่อมาเพิ่มอีก 2 คน คนหนึ่ง ติ่ง วิน ก็เมคเซ้นส์ ส่วนอีกคนหนึ่งคงต้องไปเช็คดูในข้อมูล ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐทางฝั่งไทยต้องไปดูว่าจะมีใครบ้างในการดำเนินการ ถ้าจะแค่ย้ายอย่างเดียว ตนคิดว่าอย่าให้เป็นการย้ายในลักษณะที่ทำให้ข่าวเงียบ
“ผมขอประสานเสียงกับท่านผู้นำฝ่ายค้านว่าเรื่องนี้มาถูกทางแล้ว ชื่นชมในการที่จะดำเนินการเพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ ณ วันนี้เราต้องเร่งสปีดให้เร็วขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีข้อกังวลอะไรหรือไม่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ตามแนวชายแดน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังมีอยู่ วันนี้เราก็ได้รับข้อมูล เบื้องต้นก็ได้แจ้งกับทางผู้บัญชาการภาค 9 ไปแล้ว ว่าจะมีการจัดส่งน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ อย่างจังหวัดสตูล เพื่อส่งไปที่เมียวดี หวังว่าจะมีการดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เรื่องท่าข้าม เรายังไม่มีคำตอบอะไรจากท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องนี้ หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการสั่งการให้ท่านอนุทินมีมาตรการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในด้านความปลอดภัย การตรวจเช็ก การตรวจสอบสินค้าต่างๆที่ข้ามไปฝั่งท่าข้าม ซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือสินค้ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ” นายรังสิมันต์ กล่าว
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ต้องขอบคุณทางรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเดียว ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็มี เมื่อเช้าตอนที่ตนไปหา กอ.รมน. ก็มีการให้ข้อมูลในส่วนนี้ และได้รับการประสานงานจากทางมาเลเซีย ว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนภาคใต้ที่หลอกลวงชาวมาเลเซียด้วยกัน ซึ่งได้ฝากประเด็นนี้ให้ กอ.รมน. เรียบร้อยแล้ว โดยหวังว่าจะนำข้อมูลที่ได้ไปสู่การจับกุมได้โดยเร็ว
เมื่อถามว่าการออกหมายจับหม่อง ชิตตู่ จะสะเทือนอะไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยๆ การที่มีหมายจับก็เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐของเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้โดยง่าย จะทำอะไรก็ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนการดำเนินการจับกุมตัวหม่อง ชิตตู่ จะอยู่หรือไม่อยู่ในประเทศไทยก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไปในอนาคต
“ผมคิดว่าการดำเนินการตามกฎหมายในประเทศไทย ไม่น่าจะเป็นส่วนสาเหตุหรือส่วนที่เกี่ยวข้องที่จะทำให้เพิ่มความรุนแรงในต่างประเทศ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการประสานงานกับต่างประเทศ รวมถึงสิ่งที่เราได้ดำเนินการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตัดสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นสิ่งที่กดดันให้รัฐบาลฝั่งโน้นต้องบังคับใช้กฎหมายในประเทศเขาอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน เพราะการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับฝั่งนั้นด้วย แต่ในขณะเดียวกันฝั่งเราเองก็ต้องดูมาตรการที่เหมาะสม อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของการตัดน้ำมันที่ดำเนินการไปแล้ว ต้องรอดูว่ามีมาตรการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีของคนที่อยู่ในฝั่งไทยด้วย เช่น ข้าราชการระดับสูง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อย่างไรเราต้องดำเนินการเต็มที่อยู่แล้วในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งฝั่งข้าราชการที่เกี่ยวข้องในฝั่งเรา โดยต้องอาศัยกลไกในกรรมาธิการที่เรามีอยู่ผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี