‘เป็นนายกฯต้องพร้อมตอบทุกเรื่อง’
‘อิ๊งค์’โวแหลก!
พร้อมแจงซักฟอกปมชั้น14แทนพ่อ
ปชน.จัด30ขุนพลชำแหละรธน.
บี้นายกฯเลิกเหนียม/นโยบายรบ.
นายกฯ“อิ๊งค์”ลั่นเป็น“นายกฯ”พร้อมตอบทุกเรื่อง“ศึกซักฟอก”ไม่เว้นแตะปม“ทักษิณ” เตรียมเก็งข้อสอบสยบกระแส“ปรับครม.”บอก“ไม่ได้เซ็นไม่ใช่โผ” ด้าน “สรวงศ์” เลขาฯพท.ไม่หวั่นฝ่ายค้านถล่มปมชั้น 14 ย้ำหากพาดพิง“ทักษิณ”อาจถูกเจ้าตัวฟ้อง“ทวี”ออกโรงเบรก“ฝ่ายค้าน”เตือนเปิดสำนวนป.ป.ช.ศึกซักฟอกปม‘ชั้น 14’เสี่ยงขัดกฎหมายด้าน พปชร.ล็อคเป้า’กาสิโน-MOU44’ซักฟอก เน้น’อุ๊งอิ๊ง’ มั่นใจข้อมูลมีหนัก เขย่าเชือดรัฐมนตรีได้‘ปชน.’จัด30ขุนพลลุยชำแหละแก้รธน.ยันเป็นนโยบายรัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา จี้นายกฯเลิกเหนียม แสดงท่าที
เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นได้กำชับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไรหรือไม่ว่าเดี๋ยวต้องมีการคุยกัน ตนเพิ่งคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทยที่ประเทศจีน เรื่องหัวข้อต่างๆว่าหัวข้อไหนจะมีคำตอบอย่างไรบ้าง เดี๋ยวคงคุยกันอีกครั้ง เพราะเพิ่งกลับมาและได้ทำงานและเจอทุกท่านวันนี้ ภายในสัปดาห์นี้ต้องเคลียร์เรื่องเหล่านี้เพื่อตอบฝ่ายค้านให้ประชาชนเข้าใจ
‘อิ๊งค์’ลั่นพร้อมตอบทุกเรื่อง
เมื่อถามอีกว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านครั้งนี้จะมีการพาดพิงแตะไปที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเยอะน.ส.แพทองธาร กล่าวกลับว่า“โอ๊ย ดิฉันพร้อมตอบทุกเรื่อง เป็นนายกฯต้องพร้อมตอบทุกเรื่อง”
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวการปรับ ครม.ที่มีโผรายชื่อ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์จะไปเป็นรมช.คลัง นายกฯหันไปหานางนฤมลที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมหัวเราะโดยนางนฤมลก็ยิ้มและหันไปมองหน้านายกฯที่ถามสื่อกลับว่า“มีโผออกมาว่ายังไง โผเป็นทางการดิฉันเซ็นหรือเปล่า ถ้ายังไม่เซ็นก็ไม่ใช่โผ”
พท.ไม่หวั่นซักฟอกปมชั้น14
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ในช่วงสมัยประชุมจะต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ครั้งนี้จะมีการยื่นและอภิปลายในช่วงปลายเดือนก.พ.68 ส่วนในระยะเวลาที่ของยื่นอภิปราย 5 วัน จะต้องตกลงระหว่างวิปทั้ง2ฝ่ายขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับวิปทั้ง3ฝ่าย แต่คงจะต้องพูดคุยกัน
เมื่อถามว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านอาจนำ เรื่องชั้น 14เข้าไปอภิปรายนั้นนายสรวงศ์ กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นคนนอก และตนก็ยังไม่แน่ใจว่านายทักษิณเกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล หรือการทำหน้าที่อะไรของรัฐบาล ซึ่งต้องดูเนื้อหาแต่เราก็พร้อมจะตอบอยู่แล้ว
ติงพาดพิง’ทักษิณ’อาจโดนฟ้อง
“หากมีประเด็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย เราจะต้องตอบ แต่หากพาดพิงไปในส่วนบุคคล ก็เป็นหน้าที่ของนายทักษิณเองในการฟ้องร้องซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังว่าประเด็นหรือข้อมูลของฝ่ายค้านที่จะหยิบยกขึ้นอภิปรายนั้น มีอะไรบ้าง”นายสรวศ์ ย้ำ
ลั่นพร้อมโต้ถ้าพูดนอกประเด็น
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการอภิปรายในครั้งนี้จะเลยเถิดและรุนแรง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนว่าพี่น้องประชาชนฟังอยู่ เพราะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลก็ต้องแยกประเด็นออกไป หากฝ่ายค้านออกนอกประเด็นในการอภิปรายปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลก็เป็นผลเสียของฝ่ายค้านเอง ซึ่งหากการอภิปรายอยู่ในประเด็นก็ไม่มีปัญหา แต่หากนอกประเด็นก็พร้อมที่จะตอบโต้
บอก’ทักษิณ’แค่พูดเล่นนั่งหลังบัลลังก์
เมื่อถามว่านายทักษิณจะมาติวเข้มในศึกซักฟอกด้วยหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยว ซึ่งนายทักษิณให้สัมภาษณ์ว่าจะไปนั่งฟังอยู่หลังบัลลังก์นั้น คงเป็นเพียงการพูดเล่นเมื่อถามว่าทางพรรคเพื่อไทยได้เตรียม สส. ไว้อภิปรายแล้วหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่าได้มีการพูดคุยกัน ทางฝ่ายค้านก็ได้เผยแพร่ข้อมูลไว้แล้วแต่ยังไม่มีการระบุตัวบุคคลว่าจะอภิปรายถึงรัฐมนตรีคนใดบ้าง หากอภิปรายถึงนายกรัฐมนตรี ก็ต้องให้นายกฯ มาตอบเอง ยืนยันมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว
‘ทวี’เบรก‘ฝ่ายค้าน’สับปมชั้น14
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมให้สัมภาษณ์ถึงที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมนำประเด็นการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ชั้น 14รพ.ตำรวจมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ไม่มีความกังวล แต่ส่วนตัวกังวลความไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561ว่าด้วยเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)รับไว้ไต่สวน หากนำไปเปิดเผยถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้แต่คณะกรรมการป.ป.ช.ก็ยังเปิดเผยไม่ได้
นอกจากนี้ในข้อบังคับการประชุมสภาฯ การอภิปรายต้องตรงประเด็น การพาดพิงบุคคลภายนอกเป็นเรื่องไม่สมควร หากไม่ชอบด้วยกฎหมายยิ่งไม่สมควร เรายินดีให้ซักฟอก ถือเป็นโอกาสที่รัฐมนตรีจะได้สื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดีกับประชาชนเมื่อถามว่าป.ป.ช.ได้ประสานในการเข้าไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลตำรวจหรือยัง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้ประสานมาที่ตนเองเพราะปกติ ป.ป.ช.จะประสานผู้ที่เป็นพยาน
ไร้คืบหน้า‘ปู’ประสานกลับไทย
พ.ต.อ.ทวียังกล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีโดยโยกให้ตนเองไปดูกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือพม.ว่า ปกติแล้วอำนาจการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นของนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งตนทราบข่าวนี้เพียงจากสื่อเท่านั้น โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีเลย และก็ไม่มีใครพูด
ส่วนความคืบหน้าการเดินทางกลับประเทศไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พ.ต.อ.ทวีเผยว่าขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไร และไม่ทราบจะกลับประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายนนี้หรือไม่รวมทั้งไม่ได้มีการประสานมาแต่อย่างใด
‘นฤมล’ปัดข่าว‘กล้าธรรม’ปรับครม.
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พรรคกล้าธรรมจะมีการเสนอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม มาเป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งในพรรคกล้าธรรมไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ตอนอยู่ที่จีนก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับนายกฯ พอกลับมาคุยในพรรคก็พูดกันเฉพาะเรื่องของพรรคกล้าธรรม เกี่ยวกับการวางแผนการทำงานของพรรค
‘ธรรมนัส’จะคัมแบคก็อยู่ที่นายกฯ
เมื่อถามถึงมีกระแสข่าวปรับครม.จะให้ไปนั่งเป็นรมช.คลังจริงหรือไม่นางนฤมลกล่าวว่าเห็นแต่ข่าว ยังไม่มีใครบอกอะไรเลยส่วนในการประชุมพรรคกล้าธรรมวันนี้ ไม่มีการพูดคุยถึงการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกฯเมื่อถามว่าร.อ.ธรรมนัสมีความเหมาะสมจะมาช่วยทำงานในรัฐบาลหรือไม่หากมีการปรับครม.นางนฤมล กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่ผู้ใหญ่คุยกันอยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯ
พปชร.ล็อคถล่ม’กาสิโน-MOU44-อิ๊งค์’
ด้านพรรคฝ่ายค้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา151ว่า พรรคพลังประชารัฐได้กำหนดประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายประมาณ2 เรื่อง คือร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และการเจรจาผลประโยชน์ร่วมกันในเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนไทย-กัมพูชาตามMOU44โดยจะเป็นการตั้งคำถามไปที่ตัว น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก
เชื่อซักฟอกมีน้ำหนักเขย่าทั้งรัฐบาล
“ผมเชื่อมั่นว่าประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐได้นำมาอภิปรายรัฐบาลในครั้งนี้มีน้ำหนักพอที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคนต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ และหากตอบได้ไม่ชัดก็จะเกิดปัญหาได้โดยจะเป็นการเปิดประเด็นให้เห็น พฤติการณ์ในเรื่องที่สังคมไม่เคยรับรู้มาก่อน”นายไพบูลย์ กล่าวและว่าการอภิปรายครั้งนี้ มองตัวนายกฯมีปัญหาเยอะอยู่แล้ว ถึงแม้การอภิปรายจะไม่มีผลให้เปลี่ยนตัวนายกฯแต่นายกฯอาจจะมีปัญหาสืบเนื่องจากผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจและทำให้สังคมได้รู้อะไรมากขึ้น หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนฯในสภา
ส่วนแนวทางการทำงานของพรรคพลังประชารัฐนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่าตอนนี้พรรคมีคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การดำเนินการของส.ส.ในสภาฯเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามอุดมการณ์ โดยมี นายชัยมงคล ไชยรบ สส. สกลนคร เขต 5เป็นประธานคณะทำงาน และคณะทำงาน ประกอบด้วย นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส. พังงา เขต 2,นายอนันต์ ผลอำนวย สส. กำแพงเพชร เขต 3,นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส. หนองคาย เขต 1.น.ส.กาญจนา จังหวะ สส. ชัยภูมิ เขต 4 ,นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2 ,นายวิริยะ ทองผา สส. มุกดาหาร เขต 1 ,นายอัคร ทองใจสด สส. เพชรบูรณ์ เขต 6, นายบุรินทร์ สุขพิศาลและ นายสุธรรม จริตงาม สส. นครศรีธรรมราช เขต 6 เลขานุการคณะทำงาน
‘จตุพร’จี้ล็อกเป้าถล่ม‘อิ๊งค์’คนเดียว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้ออกมาแนะพรรคฝ่ายค้าน ใน การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องยิงกราดไปหลายกระทรวง ถ้าหวังผลทางการเมืองแล้ว ควรล็อกเป้าซักฟอกนายกฯอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร คนเดียว โดยใช้ผู้อภิปรายฯที่ช่ำชองเน้นพูดเอาเนื้อๆและยึดเป้าหมายชัดๆเพื่อให้สอดคล้องการถูกบีบเวลาให้เหลือน้อยโดยปกติแล้วรัฐบาลต้องบีบให้ฝ่ายค้านใช้เวลาน้อยที่สุดในการอภิปรายฯซึ่งอาจให้แค่ 2-3 วัน จากต้องการ 5 วัน ฝ่ายค้านต้องใช้เวลาน้อยวันจัดการอภิปรายฯด้วยเนื้อหาเน้นสื่อสารกับประชาชน ภายใต้มีเอกสิทธิ์คุ้มครองด้วย
สิ่งสำคัญการใช้ข้อมูลของฝ่ายค้านต้องทำให้ประชาชนเกิดระบาดทางอารมณ์ให้ได้จึงต้องนำคำพูดของทักษิณ ชินวัตร มาขยี้ผสมกับการพูดด้วยเนื้อหาเอกสารเพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย โดยไม่พูดน้ำท่วมทุ่ง แต่ขย้ำขย่มซ้ำเป้าเดิมๆ ให้หนักหน่วงและมากความน่าเชื่อถือ ดังนั้น ฝ่ายค้านต้องทำการบ้านดี ๆ เพราะการอภิปรายฯ จะเกิดผลการเมืองไปสู่เปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง โดยเฉพาะบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ ซึ่งคาดจะเป็นหัวข้อหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้
ซักฟอกบดขยี้’กาสิโน-ชั้น14’
ส่วนประเด็นชั้น 14 จะสร้างความอึดอัดใจให้กับทักษิณ เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ยิ่งนายกฯ มือใหม่ทางการเมือง ไม่ถนัดการพูด อีกทั้งอ่อนชั้นในการใช้ไหวพริบตอบโต้และห่างชั้นกับฝ่ายค้าน ดังนั้น ฝ่ายค้านจะตัดสินใจอย่างไรกับการอภิปรายฯ รายบุคคลหรือเล่นงานเป้าเดียว โดยล็อกเป้าที่นายกฯ คนเดียว
“ฝ่ายค้ายอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใช้หัวข้อบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์เป็นหลัก ส่วนพรรคประชาชนคงล็อกเป้าชั้น 14 และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ รวมทั้งกฎหมายศูนย์กลางทางการเงิน ที่กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ในไม่ช้านี้จะทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงถูกทำลายระบบการเงิน เมื่อรัฐบาลบีบเวลาเหลือน้อยวัน จึงควรล็อกอภิปรายฯเป้าเดียว เรียงหน้าถล่มคนเดียว แล้วพูดตอกย้ำซ้ำๆ”
ปชน.จี้นายกฯอิ๊งค์เลิกเหนียมแก้รธน.
ที่รัฐสภา นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อโฆษกพรรคประชาชน(ปชน.)ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา256 และหมวด 15/1 ในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ว่ามีความสำคัญ 2 ด้านคือเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะเข้าใกล้สู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากที่สุด นับตั้งแต่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในปี2564 อีกหนึ่งความสำคัญคือหากรัฐสภาไม่มีมติเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันการเลือกตั้งในครั้งหน้า
นายพริษฐ์กล่าวว่าวาระการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่เป็นแค่ข้อเรียกร้องของพรรคฝ่ายค้านหรือเป็นนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรี เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงคิดว่าบุคคลที่ควรมีส่วนสำคัญในการที่จะพยายามช่วยผลักดันให้วาระดังกล่าวสำเร็จคือนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกลับไม่เคยสื่อสารเรื่องนี้ในที่สาธารณะ นอกจากนี้จะเห็นว่าคณะรัฐมนตรี ไม่ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาประกบ มีเพียงของพรรคเพื่อไทย ในอีก 2-3วันนี้อยากเห็นบทบาทของนายกรัฐมนตรีเข้ามาผลักดันวาระดังกล่าวให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
จัด30ขุนพลชำแหละรธน./แบ่ง3โจทย์
โฆษกพรรคประชาชนกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายว่าเราพยายามเต็มที่เพื่อสื่อสารกับสังคมและสมาชิกรัฐสภาเพื่อคลายทุกข้อสงสัย โดยจัดทัพผู้อภิปรายไว้ประมาณ 30 คน แบ่งออกเป็น3 โจทย์คือ โจทย์ที่1 จะอธิบายให้เห็นชัดว่าทำไมควรต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือทำไมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จึงมีปัญหา โจทย์ที่ 2 คือเราเสนอให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร และโจทย์ที่ 3คือ จะอภิปรายให้คลายข้อสงสัยและข้อกังวลระหว่างการอภิปราย
“แม้เราจะคาดการณ์การลงมติล่วงหน้าไม่ได้เมื่อเทียบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอเมื่อปี2563และที่ประชุมรัฐสภามีมติรับหลักการไปแล้ว ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการพิจารณาในวันที่13-14 กุมภาพันธ์นี้ เราจะเห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่สอดคล้องกัน ไม่ได้มีการเสนอเนื้อหาอะไรที่เกินเลยไปกว่าที่เคยเสนอเมื่อปี 2563 เลย เรายินดีรับฟังทุกข้อทักท้วงและชี้แจงทุกข้อสงสัย”นายพริษฐ์ กล่าว
ไม่หวั่นถูกตีตก/ลั่นผลักดันให้สำเร็จ
ส่วนหากวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ร่างฯไม่ผ่านหรือมีการเสนอญัตติส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พรรคปชน.จะทำอย่างไรต่อไป นายพริษฐ์กล่าวว่า ต้องรอดูวันนั้น หากมีการเสนอญัตติให้ส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน ตนก็จะอภิปรายว่าไม่เห็นด้วย ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราทำอยู่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทุกอย่างรวมถึงเราต้องถามกลับไปว่าคนที่จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้นคาดหวังที่จะได้รับผลอะไร แม้จะลงมติแล้วไม่ผ่าน พรรคปชน.คงต้องมีการหาแนวทางต่อไปในการผลักดันที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำถามนี้ก็ควรที่จะทำรัฐบาลด้วย เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลเช่นกัน
ชทพ.ฟันธงร่างพท.-ปชน.ผ่านยาก
ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่รัฐสภาจะพิจารณาในวันที่ 13 -14 กุมภาพันธ์ว่า วิเคราะห์จากประสบการณ์คาดว่าร่างทั้ง2 ฉบับยากที่จะผ่านความเห็นชอบด้วยเหตุว่า ข้อกังวลว่าจะต้องทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ต้องทำประชามติถามประชาชนเสียก่อนว่าทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงคะแนนของสมาชิกรัฐสภา เพราะว่ายังไม่ได้ทำประชามติซึ่งจะส่งผลต่อการลงคะแนน
เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
“การอภิปรายไม่มีปัญหาแต่การลงคะแนนนั้นถ้าลงคะแนนไปแล้ว จะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจะมีปัญหาว่า หากมีการลงมติไปจะมีคนร้องหรือไม่ ผมเชื่อว่าจะมีคนร้องแน่ว่าเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญโดยเขาไม่ได้ใช้ของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กรรวมถึงรัฐสภาด้วย”นายนิกรย้ำ
และว่าส่วนตัวสงสัยว่าผู้ใดจะเป็นคนเสนอเชื่อว่าสว.จะเป็นคนเสนอญัตติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ หากวุฒิสภาต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การไม่ร่วมโหวตก็ถือว่าจบ เพราะการไม่ลงคะแนนให้ก็ถือเป็นปัญหาแล้ว หรือหากพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติถามหรือไม่ทั้งที่เป็นเจ้าของร่างเอง
หากไม่มีคนยื่นแล้วมีการพิจารณาต่อเนื่อง พอมีการโหวต คนที่จะร้องมีแน่เพราะเป็นประเด็นมาก ปัญหาคือถ้าโหวตไปแล้วเท่ากับตีความว่าความผิดสำเร็จ จะมีปัญหาถูกร้องจริยธรรมได้เลยเหมือนกัน เพราะตรงนั้นก็สุ่มเสี่ยง เรียกว่าเดินหน้าลุยไฟไปก็ต้องดู
ย้ำชัด ชทพ. ไม่โหวตรับร่างของปชน.
นายนิกรยืนยันว่าเนื้อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรธน.พรรคประชาชนโดยเฉพาะมาตรา 256 เชื่อว่าเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ลงคะแนนให้ เพราะไปแก้นัยสำคัญหมวด1และหมวด2 ซึ่งหากจะแก้ดังกล่าวต้องทำประชามติด้วยซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลได้คุยกันแล้วว่าอย่าไปแตะหมวด1และหมวด2 ขอย้ำว่าชาติไทยพัฒนาไม่ลงคะแนนให้แน่ ส่วนพรรคอื่นไม่รู้ยังไม่รวมความเห็นของวุฒิสภา
‘จุรินทร์’ชี้แก้รธน.เถียงไม่จบทำประชามติ
นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยในวันที่13-14ก.พ.นี้ว่า เท่าที่ได้ติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอดตนคาดว่าก่อนการลงสู่การพิจารณาในเนื้อหาของแต่ละร่างของทั้ง 2 ร่าง คงจะมีการถกเถียงกันว่า รัฐสภาสามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) ยกร่างใหม่ทั้งฉบับได้หรือไม่ เพราะบางฝ่ายเห็นว่าจะต้องไปทำประชามติถามความเห็นจากประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
“หากรัฐสภาพิจารณาโดยที่ยังไม่มีการทำประชามติเสียก่อน จะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผมเชื่อว่าจะมีการถกเถียงกันในเรื่องนี้อย่างแน่นอนในที่ประชุมรัฐสภา
แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาก็ตาม แต่เนื่องจากทั้ง 2 ร่างนี้เป็นร่างของพรรคการเมือง ไม่ได้เป็นร่างของคณะรัฐมนตรี ทุกพรรคการเมืองจึงควรมีอิสระในการตัดสินใจบนพื้นฐานความเห็นของแต่ละพรรคได้”นายจุรินทร์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี