นายกฯอิ๊งค์สั่งทบทวนช่วงเวลาขาย“เหล้า-เบียร์” 14.00-17.00 น.และวันสำคัญทางพุทธศาสนา อ้างรับธีมปีท่องเที่ยว ควบคู่ปกป้องเยาวชนไม่ให้เข้าถึงแอลกอฮอล์
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 11กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เนื่องด้วยได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจในหลายกลุ่มค่อนข้างเยอะในเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมาย ในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และไม่สอดคล้องกับนโยบาย ที่ปีนี้รัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีAmazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 จึงได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม “ไม่ว่าจะเป็นกฎเรื่องการห้ามขายช่วงเวลา 14.00-17.00น.หรือในช่วงของวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ว่า เรื่องนี้มีการกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง การห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีที่อาจจะติดขัดในเรื่องข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่ที่เป็นโซนนิ่ง และกฎบางกฎออกมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 หรือตั้งแต่ช่วงปี2515 ก็มี จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน เรื่องนี้อีกรอบ” น.ส.แพทองธาร กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย และการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้อย่างง่ายดาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุด เมื่อเราปลดล็อกตรงนี้ เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการแล้ว เพิ่มเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว แต่เยาวชนจะต้องถูกปกป้องเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ที่จะทำให้ไม่เข้าถึงแอลกอฮอล์ เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญและไม่ละเลย
เมื่อถามว่าวันพระจะสามารถซื้อเหล้าได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวจะให้ทางทีมไปศึกษาดูก่อนว่าจะได้อย่างไรบ้าง เพราะอย่างวันพระใหญ่ หรือวันอะไรที่เราเป็นข้อห้ามอยู่ ชาวต่างชาติที่มาเขาไม่ได้ทราบวันเหล่านี้ และจะมีผลเรื่องการท่องเที่ยว “เรามองว่า ในธีมปีนี้เป็นปีของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องถูกพิจารณาอีกครั้ง จริงๆก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้มีกฎเรื่องนี้ แต่ช่วงที่ให้เลิกขายตอน 14.00-17.00 น. มีมาช่วงไม่นานนี้ ดิฉันยังบอกกับครม.เลยว่า คงต้องเน้นย้ำเรื่องของการเข้าถึงมากกว่า อย่างคนที่เป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะก็เรื่องหนึ่ง แต่เด็กที่เราควรจะโฟกัส ว่าไม่ใช่พอเปิดตรงนี้ แล้วทุกคนมีสิทธิ์ขาย ก็ไม่ใช่ นี่คือเรื่องที่ต้องเน้นย้ำมาตรการให้ถูกจุด” นายกฯ กล่าว
ในประเด็นดังกล่าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวว่านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาศึกษาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากเราจะกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวต้องดูว่าช่วงเวลา 14.00 ถึง 17.00 น. หากเทียบแล้ว มีกฎนี้หรือไม่มีกฎนี้ เป็นอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าสิ่งที่ควรคำนึงถึง คือเรื่องการเข้าถึงและการ ห้ามจำหน่ายสุรา แก่เด็ก เยาวชน และนักศึกษา มากกว่า เท่าที่ฟังดูก็มีเหตุผล ตนก็ต้องดูว่าเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประเทศ ที่สำคัญคือทำให้คนมีงานทำ ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ต้องไปดูภาพรวม โดยเฉพาะเรื่องของการโซนนิ่ง ถามย้ำว่าแนวโน้มจะมีการกำหนดโซนนิ่งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องมีการหารือกัน ซึ่งโซนนิ่งเป็นกฎหมายเก่าที่มีมานานแล้ว เราก็ต้องปรับ แต่การปรับโซนนิ่งก็เกี่ยวกับการแก้พรบ.ด้วย ถือว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสั่งการมาแล้ว เราก็ไปทำสรุปว่าผลกระทบนั้นมีอย่างไร การแก้ไขต้องทำอย่างไร ถ้าจะต้องแก้ไขพรบ.ก็ถือว่าคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ เพื่อความเป็นเอกภาพ
เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยมีความเป็นห่วงอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าเรากำกับดูแลได้ อย่างที่นายกรัฐมนตรีระบุ คืออย่าให้เยาวชน คนที่ไม่บรรลุนิติภาวะเข้าถึงได้ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ดื่มไม่ขับ ถ้าจะปรับการแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้ก็คงจะต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง หากกลางวันแสกๆ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ และยังพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอลล์เกินกำหนด ต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี