ด่วน!"ภท."สไตรค์ เมินร่วมสังฆกรรมรื้อแก้รธน.พรุ่งนี้ ชี้ขัดคำวินิจฉัยศาลฯที่ 4/64 ไม่สนเป็น"แพะรับบาป"ขวางคลอง ยันไม่กระทบสัมพันธ์พรรคร่วม เหตุเป็นเรื่อง"ฝ่ายนิติบัญญัติ" เผยแจ้ง"นายกฯ"แล้ว
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีการประชุม สส.และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคภูมิใจไทย โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานการประชุม เพื่อหารือถึงวาระสำคัญในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวันที่ 13 - 14 ก.พ.นี้
ต่อมาในเวลา 16.30 น.ภายหลังการประชุมแล้วเสร็จ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีมติไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 - 14 ก.พ.นี้ เพราะเห็นว่าการบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉันศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่าต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฎิบัติ พรรคจึงเห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี สส.ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงานถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยงโดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้
เมื่อถามว่า จะไม่เข้าห้องประชุมเลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องไปร่วมประชุม เนื่องจากการประชุมในวันพรุ่งนี้มีหลายวาระ เราจะไปเซ็นชื่อว่าเรามาประชุม แต่จะไม่มีการร่วมการพิจารณาเรื่องดังกล่าว และคงจะมีการเรียนต่อประธานรัฐสภาให้รับทราบถึงแนวทางการปฎิบัติของพรรคภูมิใจไทยเมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระดังกล่าว
เมื่อถามว่า ได้มีการคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องนี้แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้คุยกับพรรคแกนนำ เพราะเรื่องนี้เป็นการนำเสนอของพรรคการเมืองแต่ละพรรค ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีมติพรรคร่วม ไม่มีการหารือในพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรคเกี่ยวกับการเสนอกฎหมายต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐสภาล้วนๆ ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
เมื่อถามว่า เป็นห่วงว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นแพะรับบาปขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ เราไม่ได้ขวาง แต่เราต้องการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เราเป็นพรรคการเมืองจะทำขัดต่อกฎหมายไม่ได้ พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็มีทีมกฎหมาย มีที่ปรึกษากฎหมาย และมีบุคคลที่เราหารือข้อกฎหมายจำนวนมาก ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่าเสี่ยงไม่ได้ เพราะมีความขัดแย้งต่อคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ซึ่ง สส.ทุกคนได้ออกความเห็น บางท่านออกความเห็นแม้กระทั่งไม่ควรไปเซ็นชื่อร่วมประชุมด้วยซ้ำ แต่ตนบอกว่าไม่ได้เพราะต้องไปทำงาน เราต้องไปเซ็นชื่อต้องไปประชุม ส่วนจะมี สส. , สว.คิดแบบภูมิใจไทยหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะนี่คือแนวทางของพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียว เราไม่ต้องการบอกให้ใครทำ เราไม่ได้สนใจว่าเราจะเป็นแพะหรือเป็นอะไร แต่เรามั่นใจว่าเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ยืนยันว่า ไม่ใช่ไม่แก้รัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ต้องแก้ไขแต่ต้องเป็นไปตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดไว้
เมื่อถามว่า หนึ่งในสองร่างเป็นร่างของพรรคเพื่อไทย (พท.) กลัวว่าจะมีปัญหากับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า เรื่องนี้ต้องแยกระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติล้วนๆ เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่มีแนวทางของตัวเอง พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอกฎหมายกัญชา เขาก็ไม่เห็นด้วย เราก็ไม่ได้โวยวายอะไร เราก็รับสภาพ
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ตนได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว และแจ้งให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบแนวทางของพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นแบบนี้ ซึ่งนายชูศักดิ์บอกว่าให้ดูหน้างาน
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นหัวหอกในการไปยื่นให้ศาลวินิจฉัยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ สส.ทุกคนต้องรักษาอนาคตของตัวเองด้วย เขาต้องทำงานในพื้นที่ ต้องทำงานการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตอนที่เสนอญัตตินี้เขาก็ไม่ได้มาถามเราว่าจะเห็นชอบด้วยหรือเห็นต่าง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี