สส.-สว.แห่ตบเท้าวอล์กเอาท์
สภาล่มไม่เป็นท่า
ประเดิมถกแก้ไขรธน.วันแรก
พท.ปรับเกมลุยแก้เต็มที่
หนุนตีความดีกว่าตีตก
ถกแก้รธน.วันแรก“ภูมิใจไทย”ไม่ขอร่วมสังฆกรรมแก้รธน.ชี้ขัดคำวินิจฉัยศาลฯก่อนวอล์กเอาท์จากห้องประชุมทันที ถกแก้รธน.สะดุด!องค์ประชุมล่ม!สส.ภูมิใจไทย-สว.วอล์กเอาท์มีเสียงสมาชิกแค่ 204 เสียง“วันนอร์”นัดถกใหม่ 14 กุมภาพันธ์ หลังโหวตไม่เลื่อนญัตติด่วน“สว.เปรมศักดิ์”ชงส่งศาลฯตีความ“ภูมิใจไทย”แถลงย้ำจุดยืนปัดขวางแก้รธน.มั่นใจไม่กระทบพรรคร่วมฯ‘เพื่อไทย’ยันจุดยืนหนุนชงศาลฯ ตีความแก้รธน. ดีกว่าโดนตีตกหวังให้ร่างฯ ยังอยู่ในสภา แล้วค่อยหาทางสู้ใหม่ด้าน ปชน.โวยมีเกมขวางแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา09.38 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมร่วมกันรัฐสภามีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธาน โดยมีวาระสำคัญเพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่…) พ.ศ…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา256และเพิ่มหมวด15/1)จำนวน2ร่างฯ ได้แก่ 1.ร่างฯของนายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ เป็นผู้เสนอ 2.ร่างฯของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เป็นผู้เสนอ
ภท.แจ้งไม่ร่วมแก้รธน.-วอล์คเอาท์
โดยก่อนเข้าสู่วาระนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยได้ลุกขึ้นหารือว่าในฐานะเลขาธิการพรรคและในนามสมาชิกรัฐสภาในสังกัดของพรรคภูมิใจไทยทั้งหมดเรามีความคิดเห็นว่าวาระที่จะถูกพิจารณาหลังจากนี้นั้นเข้าขั้นที่จะผิดและขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องมีการทำประชามติก่อน จึงขออนุญาตไม่เข้าร่วมการพิจารณาจากนั้นสส.พรรคภูมิใจไทยทั้งหมดได้วอล์คเอาท์ออกจากห้องประชุมทันที
แจ้ง‘เปรมศักดิ์’ชงญัตติส่งศาลฯ
จากนั้นประธานรัฐสภาได้แจ้งว่านพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ได้เสนอญัตติเพื่อให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วนเรื่องขอให้รัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210จากการตรวจสอบแล้วมีผู้ลงชื่อถูกต้องครบถ้วนตามข้อบังคับที่19พร้อมขอมติจากที่ประชุมว่าจะนำญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนระเบียบวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมทั้ง2ญัตติที่บรรจุไว้แล้วหรือไม่
ปิดมาแค่10นาทีสั่งพักประชุมแล้ว
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนได้ตั้งข้อสังเกตว่าการเสนอญัตติด่วนดังกล่าวอาจจะผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภาเพราะต้องเสนอล่วงหน้า 1วันแต่ไม่พบรายละเอียดก่อนถึงเวลาประชุม จึงขอเสนอญัตติให้พักการประชุม 15 นาทีเพื่อให้พิจารณารายละเอียดของญัตติที่เสนอ
ด้านนพ.เปรมศักดิ์ชี้แจงว่ารับรองการเสนอญัตติดังกล่าวนั้นถูกต้องตามข้อบังคับการประชุม โดยมีสส.และสว.ร่วมลงชื่อเกินกว่า40 คนทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่าการเสนอญัตติดังกล่าวส่งมาเมื่อเช้า08.36น.วันนี้(13ก.พ.)สมาชิกรัฐสภาจึงยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วนซึ่งเพื่อประโยชน์ของการประชุมจึงสั่งพักการประชุมในเวลา09.45น.หลังจากที่เปิดประชุมไปเพียง 10 นาที
เริ่มถกต่อหลังพักประชุม20นาที
เวลา10.13น.หลังจากพักการประชุมเป็นเวลาประมาณ20นาทีเพื่อให้สมาชิกไปศึกษาเอกสารในญัตติด่วนเพื่อขอให้รัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา210 (2) ตามที่นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.เสนอเนื่องจากมีการเสนอเข้ามาเป็นเวลากระชั้นชิด
‘วันนอร์’แจงยิบขั้นตอนญัตติดด่วน
ที่ประชุมได้เริ่มประชุม โดยนายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงขั้นตอนว่าการรับญัตติด่วนดังกล่าวของนพ.เปรมศักดิ์เมื่อช่วงเช้าเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม พร้อมให้นพ.เปรมศักดิ์ เสนอญัตติเพื่อให้เข้าใจตามเอกสาร แต่ไม่ใช่เป็นการอภิปราย จากนั้นจะถามมติที่ประชุมว่าจะอนุญาตให้นำญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อนญัตติอื่นที่บรรจุระเบียบวาระไว้แล้วหรือไม่ ในกรณีที่อนุญาตจะเปิดให้สมาชิกอภิปรายตามสมควรจากนั้นจะลงมติว่าสมควรส่งให้ศาลฯวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา210 (2) หรือไม่ ส่วนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง2ญัตติ ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยที่บรรจุในระเบียบวาระก่อนหน้านี้จะต้องพักไว้ก่อนจนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัยลงมาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ปชน.ไม่ขัดแต่เปิดพื้นที่อภิปราย
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนระบุว่าไม่ติดใจว่าจะลงตราประทับรับญัตติในเวลาใดแต่ญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ ยื่นเข้ามาเป็นหนังสือเมื่อบรรจุระเบียบวาระต้องเป็นระเบียบวาระเรื่องด่วนที่3ตามหลังญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย คิดว่าต้องพิจารณาเป็นเบื้องต้นว่าเห็นควรหยิบยกญัตติด่วนของนพ.เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่
หากมีเลื่อนญัตติด่วนฯขึ้นมาพิจารณาจริง ไม่ได้หมายความว่าเรื่องด่วนที่1 และ2 เป็นอันตกไป จึงอยากให้ประธานฯวินิจฉัยให้ชัดว่า หากมีการเลื่อนการพิจารณาญัตติด่วนของนพ.เปรมศักดิ์ จะไม่ใช่เป็นข้อยุติหรือตัดสิทธิ์การอภิปรายเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังสามารถเดินหน้าอภิปรายรัฐธรรมนูญต่อได้ทั้ง2วัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาพักการประชุม เนื่องจากสมาชิกหลายคนเตรียมข้อมูลที่จะอภิปรายมานาน เพียงแต่หากมีการเลื่อนแล้วมีมติให้ส่งศาลฯวินิจฉัยตรงนั้นเองที่จะยังไม่สามารถลงมติรับหลักการได้
สว.พิสิษฐ์ไม่ร่วมสังกรรมแก้รธน.
ขณะที่ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.ได้ลุกขึ้นพยายามจะแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการประชุมรัฐสภาครั้งนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ประธานปิดไมค์ แล้วชี้แจงว่าขอให้ไปชี้แจงในช่วงที่เปิดให้มีการอภิปรายถึงเหตุผลต่างๆในญัตติ แต่นายพิสิษฐ์ ยืนยันว่าจะอภิปรายตอนนี้ หากไม่ได้ชี้แจงตอนนี้ ก็จะไม่ชี้แจงแล้ว เพราะจะไม่เข้าร่วมการประชุมรัฐสภา ทั้งนี้มีผู้ที่ลุกขึ้นประท้วงนายพิสิษฐ์ เนื่องจากยังไม่ได้เข้าสู่ญัตติ นายวันมูหะมัดนอร์ จึงชี้แจงอีกครั้งว่า ขอให้ไปอภิปรายในช่วงของญัตติด่วน เอาเป็นว่าตอนนี้นายพิสิษฐ์ไม่เห็นด้วยกับการประชุมฯ ส่วนเหตุผลค่อยไปชี้แจงในช่วงการพิจารณาญัตติ จึงขออนุญาตทันที แต่นายพิสิษฐ์ไม่ยอม พร้อมกล่าวว่า ตนขอขอบคุณประธานฯ และตนขออนุญาตลาการประชุม
หมอเปรมแจงหวั่นปัญหาซ้ำรอย
เวลา10.15น. นพ.เปรมศักดิ์ ชี้แจงหลักการและเหตุผลญัตติว่าญัตติดังกล่าว เสนอโดยสส. และสว.รวม 60คนโดยเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256นั้นขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 อีกทั้งมองว่าประธานรัฐสภาไม่สามารถบรรจุเข้าสู่วาระได้ จึงเกิดปัญหาว่ารัฐสภามีอำนาจพิจารณาและลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย 4/2564 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีผลยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 แก้ไขหลักการสำคัญที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญปกป้อง หากรัฐสภาจะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ หากประชามติเห็นชอบจึงจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่แล้วเสร็จต้องทำประชามติว่าจะเห็นชอบหรือไม่อีกครั้ง
“คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ3ครั้ง ก่อนการเสนอรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภา หลังจากที่รัฐสภาแก้ไขเพิ่มเติมและหลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดำเนินการแล้วเสร็จ การที่ประธานรัฐสภาบรรจุก่อนการออกเสียงประชามติไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทำให้รัฐสภาไม่มีอำนาจพิจารณาขณะที่ผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมองว่าทำได้จึงถือเป็นความขัดแย้งต่ออำนาจและหน้าที่จึงขอส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ารัฐสภาสามารถพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ก่อนมีการทำประชามติหรือไม่”นพ.เปรมศักดิ์ ย้ำ
ส.ส.เสียงแตกแตกปมญัตติด่วน
จากนั้นการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภามีการความเห็นเป็น2ฝ่ายคือสนับสนุนให้เลื่อนญัตติดังกล่าวและไม่ให้เลื่อน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่าพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเสนอญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพราะการบรรจุวาระแก้รัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจโดยแท้ของประธานรัฐสภา นอกจากนั้นแล้วสมาชิกรัฐสภายังมีหน้าที่โดยแท้ต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยืนยันในอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่ยื่นเรื่องถามศาลรัฐธรรมนูญ ที่เชื่อว่าเป็นการขัดต่อการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายตุลการ
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ แต่ไม่เห็นด้วยเนื้อหาญัตติเพราะประธานรัฐสภามีอำนาจบรรจุวาระประชุมการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเห็นชอบกับการทำหน้าที่ก็ดีไป ทั้งนี้ สส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล รวมถึงสว. ไม่มีอำนาจชี้ว่าชอบหรือไม่ เมื่อมีปัญหาต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ หากจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอาจจะมีปัญหาหรือสุญญากาศ ดังนั้นตนเห็นชอบต่อการเลื่อนญัตติดังกล่าว
นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุนการเลื่อนญัตติที่เสนอโดยนพ.เปรมศักดิ์เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นที่เป็นปัญหาโดยไม่ทำให้การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียของและซ้ำรอยเหตุการณ์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเหมือนปี2564
มติ275ไม่ให้เลื่อนญัตติส่งศาลฯ
ขณะที่การอภิปรายของสว.ก็มีความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเช่นเดียวกับ หลังจากที่มีการอภิปรายแล้วเสร็จ
ในเวลา11.20น.ได้ลงมติว่าจะเลื่อนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 3 ขึ้นมาพิจารณาก่อนการพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมีเสียงเห็นชอบที่จะให้เลื่อน 247 เสียง และไม่เห็นด้วย 275 เสียง จากนั้นจึงได้เข้าสู่การอภิปรายตามระเบียบวาระต่อไป
ทั้งนี้ประธานรัฐสภาแจ้งว่าญัตติที่เสนอโดยนพ.เปรมศักดิ์นั้นยังอยู่ในวาระ และจะพิจารณาต่อจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว
สว.ตบเท้าออกจากห้องประชุม
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์สว. ที่ได้แจ้งต่อประธานว่าไม่ขอเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมขออนุญาตลาประชุม ได้ลุกขึ้นแจ้งต่อที่ประชุมอีกครั้งว่า ด้วยเหตุผลที่ไม่มีการเลื่อนญัตติในวันนี้ ตนได้อภิปรายไปแล้วว่าเป็นการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นตนต้องขออภัยประธานฯ และที่ประชุม ตนขอออกจากที่ประชุม จากนั้นบรรดาสว.ที่นั่งอยู่ด้วยกันบางส่วน ต่างพากันลุกออกจากห้องประชุมทันที
วอล์คเอาท์เยอะชงนับองค์ประชุม
เวลา 11.37น. นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ได้เสนอญัตติให้ประธานรัฐสภานับองค์ประชุม เพราะมีสมาชิกรัฐสภาวอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุมหลายคน อย่างไรก็ดี ในที่ประชุมได้มีการเรียกร้องให้สส.แสดงตนเป็นองค์ประชุมและมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ย้ำกับที่ประชุมว่าไม่ให้สิทธิประท้วงใดๆและเดินหน้าการแสดงตนเป็นองค์ประชุม
องค์ประชุมล่มไม่เป็นท่ามี204เสียง
จากนั้นประธานรัฐสภาได้ขอให้มีการแสดงตนปรากฎว่ามีสมาชิกแสดงตนในห้องประชุม 204คนจากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 699 รายคน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมต้องปิดการประชุมทำต่อไปไม่ได้ เลิกการประชุมและนัดประชุมร่วมรัฐสภาใหม่อีกครั้งในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 09.30 น.พร้อมย้ำว่ามาแล้วขอให้ลงชื่อเมื่อครบจะได้ดำเนินการต่อไปก่อนประธานสั่งปิดการประชุมในเวลา 12.04น.
อึ้ง!สส.พท.-กล้าธรรมหนุนส่งตีความ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ภายหลังนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ยื่นญัตติด่วนเรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรค 1 (2) โดยมีผู้เข้าร่วมลงชื่อรับรอง ทั้งจากฝั่ง สส. และ สว. ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า มี สส.ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งได้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ร่วมลงชื่อด้วย
โดยในรายชื่อมีทั้ง สส.จากพรรคเพื่อไทยอาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเลขาธิการพรรค นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม สส.นครพนม นพ.เชิดชัย ตันติศิรนทร์ สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนพรรคกล้าธรรมอาทินายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรีเป็นต้นซึ่งหลายคนร่วมลงชื่อกับสว. แสดงความสนับสนุนให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ภท.ปัดขวางแก้รธน.ชี้ต้องถูกต้อง
ภายหลังปิดประชุมที่รัฐสภา สส.พรรคภูมิใจไทยนำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทยร่วมแถลงถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยต่อการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของที่ประชุมร่วมรัฐสภา โดยน.ส.แนน บุณย์ธิดา แถลงว่าพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ชอบธรรม และไม่สร้างปัญหาในอนาคต ในสมัยที่แล้วเราเป็นพรรคแรกที่ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นมาตรา 256 จนนำไปสู่การพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลที่เกิดขึ้น เรามองว่าการแก้ไขรายมาตราทำได้ทันทีแต่วันนี้เป็นการพิจารณาแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งสสร.แก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนว่าต้องทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศว่ามีความเห็นอย่างไร เราจึงมีการความเห็นร่วมกันอย่างชัดเจนว่าเป็นการขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราจึงไม่ขอมีส่วนร่วมในการพิจารณา
มั่นใจไม่กระทบพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า จะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แนน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีระกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้กล่าวชัดเจนแล้วว่าในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการยื่นเฉพาะพรรคการเมือง ซึ่งในวันนี้ที่เราเห็นมีเพียง 2 พรรคการเมืองเท่านั้นที่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นของทั้งฝั่งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ต้องบอกว่าเป็นเรื่องความเห็นของพรรคในการยื่น ดังนั้นในเรื่องการทำงานในระดับของพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การที่เราทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้คือการทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ
พท.ยันจุดยืน/ปรับเกมหลังสภาล่ม
ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทยนำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อและสส.พรรคเพื่อไทย แถลงหลังที่องค์ประชุมรัฐสภาล่ม ในการพิจารณาวาระพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1
โดยนายสุทินยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีเจตนารมย์ที่จะแก้รัฐธรรมนูญและแก้ให้ได้มุ่งต่อความสำเร็จไม่ใช่เพียงแต่ได้แก้ ตามนโยบายที่ให้ไว้แล้วมาแสดงว่าได้แก้แล้ว จบไม่จบ ได้ไม่ได้ เรื่องนั้นไม่ใช่ เรามุ่งหวังความสำเร็จสถานการณ์จึงเกิดวันนี้ขึ้นหลังที่เราพยายามได้ยื่นมาหลายรอบ เมื่อยื่นแล้วยังมีข้อกังขาว่าประธานจะบรรจุหรือไม่บรรจุคือความคลุมเครือและเป็นปัญหามาตลอด และรู้ดีว่าจะเป็นปัญหาต่อไปเมื่อร่างดังกล่าวถูกบรรจุเข้าสู่สภาแล้วนับวันที่จะพิจารณาคือที่13-14ก.พ. เราก็พยายามที่จะประสานงานทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ นั่นคือเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและเสียงของสว.เมื่อเราทำเต็มที่ขอความร่วมมือเต็มที่แล้ว
จากการประเมินแล้วพบว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านนั้นยากโอกาสตกสูง โอกาสที่จะผ่านแทบไม่มี เมื่อไม่มีโอกาสเราจะทำอย่างไร จะจำนนต่อสถานการณ์โดยเราจะเสนอและพิจารณากันไปปล่อยให้โหวตแล้วให้ตกหรือไม่ หากทำแบบนั้นคือความล้มเหลวและเราทราบดีว่าความล้มเหลวรออยู่แล้ว
ย้ำหนุนตีความดีกว่าโดนตีตก
นายสุทินย้ำว่าเราจึงแสวงหาอีกวิธีหนึ่งที่พอจะมีความหวังคือขอให้ร่างได้อยู่ในสภายังไม่ตกคือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและระหว่างที่รัฐธรรมนูญกำลังวินิจฉัย ร่างก็ยังอยู่และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา เราก็มีโอกาสสำเร็จ เราก็จะเดินหน้า แต่หากไม่เป็นคุณ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาในทางแก้ไม่ได้ก็จะได้ชัดเจนว่าแก้ไม่ได้แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยก็เกิดความเห็นที่ต่างกันเช่นต้องทำประชามติกี่รอบและสมาชิกรัฐสภาก็เกิดความกังวลว่าพิจารณา และลงมติจะถูกตัดสินหรือดำเนินคดีหรือไม่ เพราะมีตัวอย่าง ต้องยอมรับว่ามีสมาชิกจำนวนไม่น้อยไม่มั่นใจในสถานะ หากอยู่ประชุมทางที่ดีคือยื่นศาลฯให้ตีความ เชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความมาแล้ว ความหวังเรายังมี วันนี้เราจึงสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แต่เมื่อญัตตินี้แพ้ต่อสภาเราก็ต้องพิจารณากันต่อ เราก็มองเห็นคำตอบอยู่ข้างหน้าว่าเมื่อไปข้างหน้าก็ตก ฉะนั้น เราจึงปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้บรรลุผลของเรา
“วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตกและให้อยู่นานที่สุด นั่นคือองค์ประชุมถ้าไม่ครบก็ประชุมต่อไม่ได้ก็จะมีเวลาในการตั้งหลักเพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังไปว่าพิจารณาไปแล้ว แล้วไปตายข้างหน้านั้นเราไม่เอา ฉะนั้น จึงเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ซึ่งเหตุการณ์มันเร็วมาก เราจึงคิดว่าทำยังไงให้ร่างนี้อยู่และยืดชีวิตต่อไปได้เพื่อนสมาชิกบางคนบางพรรคอาจจะมองว่าผิดเรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จเดินทางตรงไม่ได้ก็ขอเดินทางโค้ง ทางโค้งยังไม่สำเร็จขอหยุดการเดินทางไว้ก่อนดีกว่าเดินไปตกเหว” นายสุทินระบุและว่าในวันที่ 14 ก.พ. ประธานรัฐสภา ได้แจ้งว่ายังมีประชุมร่วมรัฐสภาอยู่ ส่วนจะล่มหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่หากทุกคนไปคิดแล้วว่าพอจะมีทางชนะกันในสภาได้ เราก็จะมาต่อสู้ในสภา
ปชน.จี้อิ๊งค์โชว์ภาวะผู้นำคุมเสียงให้ได้
ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงภายหลังที่ประชุมรัฐสภาล่มองค์ประชุมไม่ครบในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
ว่ายืนยันว่ารัฐสภามีอำนาจเต็ม ในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ซึ่งจากทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญเองก็วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า เราสามารถที่จะเดินหน้าแก้ไขมาตรา 256 ได้ในทันที ตามข้อเท็จจริงการนับองค์ประชุม ตนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ามีเพื่อนสมาชิก โดยเฉพาะจากฝั่งรัฐบาล ไม่กดแสดงตน ไม่เป็นองค์ประชุมเป็นสิ่งสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงให้เห็นถึงการควบคุมเสียงของฝั่งรัฐบาลเอง
การแถลงข่าวครั้งนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องให้ทางฝั่งรัฐบาลโดยเฉพาะยิ่งพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรี ช่วยกำกับดูแลในส่วนของเสียงฝั่งรัฐบาลมาเข้าร่วมประชุมรัฐสภาวันพรุ่งนี้ ให้เป็นองค์ประชุมอย่างพร้อมเพรียงอย่างน้อยๆคิดว่าการเห็นด้วยหรือการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 อย่างไรก็ควรจะต้องเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในสภาก่อน หากมีข้อกังวลกับการลงมติจริง ภายหลังการเปิดอภิปรายเสร็จแล้วค่อยมาตัดสินใจก่อนที่จะลงมติอีกครั้งก็ยังได้ไม่ควรที่จะเซ็นเซอร์อำนาจตัวเอง ถึงขนาดที่ว่าไม่กล้าให้เพื่อนสมาชิกรัฐสภา ไม่สามารถอภิปรายในรัฐสภาแห่งนี้ได้
โวยมีเกมขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญ
นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงท่าทีของสว.ว่า ถ้าเราดูแล้วก็มีความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย สุดท้าย หากถามว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน เสียงจะออกมาเป็นอย่างไรก็จะต้องมีการลงมติก่อนแต่กระบวนการที่ผ่านมามีเกมในสภาที่เกิดขึ้นซึ่งจะเห็นว่ามีกระบวนการในการพยายามขัดขวาง เพื่อที่จะไม่ให้พวกเราเดินหน้าไปสู่การลงมติได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตนคิดว่า ประชาชนทุกคนไม่อยากเห็น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี