‘ภูมิธรรม’ลุยล้างบางแก๊งคอลฯ
ไทยไม่ใจอ่อน!
โวมาตรการตัดไฟ-ตัดเนตสำเร็จ
นายกฯถกเหล่าทัพเช็คผลงาน
สั่งขยายแผน/1เดือนอัปเดต
นายกฯเรียกถกหน่วยความมั่นคง – ผบ.เหล่าทัพ “ภูมธรรม” แถลงเป็นการรายงานความคืบหน้ามาตรการซีลชายแดน ตัดไฟ-เนต-งดส่งน้ำมัน โวเบื้องต้นประสบความสำเร็จ ลั่นไทยไม่มีใจอ่อนลดระดับความเข้มข้นลุยเต็มที่จนกว่าแก๊งคอลฯจะพ้นประเทศ เผยยังไม่ใช้ยาแรงตัดไฟเขมรหลังแก๊งคอลฯย้ายฐานจากเมียนมา แต่เตรียมพร้อมหมดแล้ว เจอจัดการได้ทันที ด้านจเรตำรวจเผยจีนส่ง 3,700 รายชื่อแก็งคอลฯในเมียวดีให้ไทย ใช้ตรวจสอบคัดกรองผู้ที่ถูกส่งกลับจากเมียนมา นายกฯชมหน่วยงานมั่นคงทำงานเด็ดขาดรับมือภัยมั่นคง กำชับกวาดล้างแก๊งคอลฯ สั่งขยายแผนทำงาน ให้รายงานผลอัพเดตใน 1 เดือน
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเปิดเผยว่า บ่ายวันนี้จะประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์รวมถึงมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นการประชุมภายในของสมช.
ยังไม่ใช้ยาแรงตัดไฟเขมรแค่เตรียม
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ตและงดส่งน้ำมันไปกัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น ขอเวลาดำเนินการในส่วนมาตรการที่ออกไปก่อนหน้านี้ และที่ตนเดินทางไปตรวจชายแดนไทยกัมพูชาที่จ.สระแก้ว เพื่อไปดูว่าหากมีการย้ายฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียนมากลับไปอยู่ที่เดิมคือ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา มีการเตรียมรับมืออย่างไร ซึ่งมีการเตรียมตัดสัญญาณต่างๆไว้หมดแล้ว ส่วนจะใช้มาตรการเดิมที่ใช้กับฝั่งเมียนมาหรือไม่ ตนคิดแทนไม่ได้จะมาแบบไหน สถานการณ์ชายแดนฝั่งกัมพูชาไม่เหมือนกับเมียนมา
ถามว่าหากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานจากฝั่งเมียนมาไปกัมพูชาป้องปรามอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องถ้า ไว้เจอจริงค่อยว่ากัน ยืนยันเราเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว พร้อมรับมือและจัดการ เห็นได้จากการซีลชายแดน ทำเป็นขั้นตอนมา ผลที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าดี ทูตประเทศต่างๆก็ขอบคุณไทย ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มต่างๆก็ประกาศว่าจะไม่เกี่ยวข้อง ถือเป็นเรื่องที่ดี
ยันไม่เปิดชายแดนไทยเป็นศูนย์อพยพ
เมื่อถามถึงการส่งกลับเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 7,000 คน มีแผนดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรมปฏิเสธตอบคำถาม โดยบอกว่าถ้าพูดหมดก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ และที่พูดไปก็เยอะแล้วยืนยันขั้นตอนส่งตัวกลับมา จะไม่รับเข้ามาทันที ต้องมีการคัดกรอง และมีประเทศรองรับเรียบร้อย เราถึงจะปล่อยเข้ามา เราจะไม่เปิดให้ชายแดนไทยเป็นศูนย์อพยพอีก
“อยากให้ดูที่การกระทำ เพราะหลายคนวิจารณ์ว่าการประกาศออกไปเป็นการเล่นละคร เราก็ทำให้ดูแล้ว รวมถึงมีนาย (ข้าราชการ) ต่างๆ เราก็เอาออกจากพื้นที่ และตั้งกรรมการตรวจสอบ ทุกอย่างดำเนินการหมดแล้ว ดังนั้น ขออย่าถามเพื่อให้เขาคิดต่อและเตรียมรับมือกับเราเลย รอดูผลดีกว่า”นายภูมิธรรมกล่าว และย้ำว่า แผนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ รัฐบาลประกาศชัดเจน และเป็นไปตามสิ่งที่ดำเนินการ และตนจะลงพื้นที่ตลอดภายใน 6 เดือนนี้
ขอบคุณหม่องชิตตูพร้อมช่วยฟันแก๊งคอล
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแถลงการณ์ที่พ.อ.หม่องชิตตูทำถึงท่านหรือยัง นายภูมิธรรมยอมรับว่าเห็นแล้ว และขอบคุณที่ส่งมา ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของเราคือ ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามชายแดนหมดไป และช่วยให้ประชาชนไม่ว่าประเทศไหนได้กลับคืนถิ่น
เมื่อถามว่า พ.อ.หม่องชิตตูพร้อมร่วมมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอยากได้คำแนะนำจากไทย แต่ขณะเดียวกันกำลังจะถูกออกหมายจับ นายภูมิธรรมไม่ขอตอบตรงนี้ ให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่ยืนยันว่าเราจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย
เปิดแถลงการณ์‘หม่องชิตตู’ถึงภูมิธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงค่ำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พันเอกหม่องชิตตู ผู้นำกองกำลังป้องกันชายแดน (Border Guard Force - BGF) ของรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ออกแถลงการณ์ในนาม “กองกำลังบีจีเอฟ กะเหรี่ยง” ส่งถึงนายภูมิธรรมยืนยัน พร้อมร่วมมือไทยจับกุมปราบปรามค้ามนุษย์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตรียมส่งเหยื่อการค้ามนุษย์ชาวต่างชาติเพิ่มต่อเนื่อง และยังระบุด้วยว่า กองกำลังบีจีเอฟได้ปราบปราม จับกุม และกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางออนไลน์มาตลอด ซึ่งพบแฝงอยู่ในโครงการลงทุนต่างๆในพื้นที่ปกครองของบีจีเอฟ โดยเฉพาะในเมืองเมียวดี เมืองชายแดนที่ติดต่อค้าขายและการเดินทางระหว่างไทย-เมียนมามาตลอด นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์และผู้ที่ถูกบังคับให้ทำงานในแก๊งสแกมเมอร์จำนวนมาก และส่งตัวกลับประเทศต้นทาง โดยตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป จะขนส่งเหยื่อค้ามนุษย์ที่ได้รับการช่วยเหลือ ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ในเมืองเมียวดี เพื่อส่งตัวเหยื่อกลับประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยสามารถให้คำชี้แนะหรือสนับสนุนแนวทางเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็น บีจีเอฟยังมุ่งหวังให้การปราบปรามครั้งนี้เป็น ต้นแบบของความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติในระยะยาว
‘หม่องชิตตู’ลุยตึก9ชั้นคัดกรอง600ต่างชาติ
จากกรณีพันเอกหม่องชิต ตู เลขาฯและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ กกล.BGF/KNA เป็นประธานการประชุม ผบ.หน่วย, ฝ่ายอำนวยการ และหัวหน้าส่วน/ฝ่ายต่างๆ หารือการกวาดล้างขบวนการออนไลน์ผิดกฎหมาย หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมให้ความร่วมมือกับไทยและทำหนังสือถึงนายภูมิธรรมแล้วนั้น วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวที่บริษัท ฉ่วยโก๊กโก่ กกล.BGF บก.ควบคุมพื้นที่ 3 ได้สำรวจคัดกรองจัดทำข้อมูลบุคคลต่างชาติ ที่ถูกหลอกไปทำงานในพื้นที่ โครงการหย่าไท่ บ.ชเวโก๊กโก่ อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาตรงข้ามฝั่งไทย บ.วังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อดำเนินการส่งกลับให้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงของไทย ผ่านบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่งที่ 2 โดยปฏิบัติการวันนี้ ได้นำตัวกลุ่ม บุคคลที่ทำงานอยู่ภายในอาคาร 9 ชั้น ทั้งหญิงและชายกว่า 600 คน มาตรวจสอบ หากตรวจสอบแล้วเข้ามาทำงานไม่ถูกต้องจะนำตัวส่งกลับประเทศไทย เพื่อส่งต่อประเทศปลายทาง ในจำนวนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีคนไทยรวมอยู่ด้วยหรือไม่
จีนส่ง3.7พันชื่อ’แก๊งคอลฯ’เมียวดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ทั้งการตัดการจ่ายไฟ ระงับสัญญาณโทรศัพท์-อินเตอร์เน็ต และงดจ่ายน้ำมันตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนที่แก๊งอาชญากรย้ายฐานการทำผิดจากจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชานั้น ส่วนตัวยังมองว่ามาตรการ 7 ข้อของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ผลในการปราบปราบการทำผิดรูปแบบดังกล่าว สำหรับมาตรฐานคัดกรองคัดแยกระหว่างเหยื่อกับกลุ่มมิจฉาชีพนั้น ปัจจุบันใช้แบบสอบถามและขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ รวมทั้งใช้มาตรการสืบสวนสอบสวนเข้ามาร่วมด้วย โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและข้อมูลจากแต่ละสถานทูตมาเชื่อมโยงกัน ขณะนี้ทางการจีนได้ให้ข้อมูลมาที่ไทยแล้วว่ากลุ่มคนที่ไปทำงานที่ฝั่งเมียนมามีรายชื่อ 3,700 คน ที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนในขบวนการค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ย้ำ100%เต็มใจข้ามไปปท.เพื่อนบ้าน
พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาจากการที่ตำรวจคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เกือบ 100% เต็มใจเดินทางเข้าไปประเทศเพื่อนบ้านต่อ มีอยู่เพียง 2-3 รายเท่านั้น ที่แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าถูกหลอกลวงมา ยืนยันได้ว่าบุคคลทั้งหมดทางการไทยไม่พบการบังคับขู่เข็ญ ส่วนนี้จึงเป็นข้อมูลที่เราสื่อสารกับทั่วโลกได้ว่าคนที่มาประเทศไทยไม่ได้ถูกประเทศไทยหลอก และตัวเลขเหล่านี้ตนยืนยันว่าเป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วย ไม่มีทางที่หน่วยระดับปฏิบัติการจะสร้างข้อมูลหลอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย จะเป็นการฟอกขาวให้ข้าราชการในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกัน เพราะคนที่ถูกเข้ามาช่วยราชการยังไม่มีความผิด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส และยืนยันว่าผบ.ตร.สั่งการว่าถ้าพบการทำความผิดเกิดขึ้นก็พร้อมดำเนินคดีกับทุกคน ส่วนที่นายตำรวจดังกล่าวต้องถูกตรวจสอบ เพราะอยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ ถึงแม้ว่าก่อนหน้าไม่ได้ทำ แต่ถ้าพบสถานการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นก็จะดำเนินการ
นายกฯเรียกกห.-ผบ.เหล่าทัพถกด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเรียกฝ่ายความมั่นคง ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม นายสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมด่วน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า มีรายงานว่านายกฯเรียกประชุมประเมินสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมาบริเวณอ.แม่สอด จ.ตาก และติดตามความคืบหน้าการปราบอาชญากรรมข้ามชาติตามที่ประชุม สมช. ไปเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน หน่วยงานด้านความมั่นคงมีรายงานว่า ขณะนี้จังหวัดเมียวดี ขาดแคลนน้ำมันเกือบ 100% ส่วนหน้าสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 การจราจรติดขัดเนื่องจากชาวเมียนมาต้องการเข้ามาชายแดนแม่สอด เพื่อเติมน้ำมัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านพลังงานในพื้นที่กำชับนายอำเภอแม่สอดไม่จำหน่ายน้ำมันทุกชนิดใส่แกลลอน ให้เติมเฉพาะรถเท่านั้น
รายงานนายกฯซีลชายแดนสำเร็จ
หลังประชุม นายภูมิธรรมแถลงว่า ทุกเหล่าทัพได้รายงานสถานการณ์ให้นายกฯรับทราบ โดยเฉพาะความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ หลังเปิดปฏิบัติการซีลชายแดน 51 อำเภอ ถือว่าปฏิบัติการดังกล่าวช่วงต้นประสบความสำเร็จ การกดดันครั้งนี้ทำให้มีความเคลื่อนไหวปิดสถานบันเทิงที่มีข่าวเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งแน่ชัดว่าไทยต้องการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากพื้นที่ ต้องตรวจสอบคนที่ขอความช่วยเหลือ เมื่อเคลียร์ปัญหานี้แล้วต้องหาช่องทางดำเนินการต่อเนื่อง และสำรวจกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปทำงาน ต้องแยกให้ชัดเจน หากไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จะส่งตัวให้สถานทูตมารับ ส่วนประเทศไหนที่มีคนจำนวนมากจะเช่าเหมาลำเครื่องบินมารับ ยืนยันว่าไทยจะไม่ยินยอมให้เป็นศูนย์อพยพ เมื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก็นำข้อมูลนี้ไปดำเนินการให้ได้มาตรฐานและแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด เวลานี้นำทุกเหล่าทัพและส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานเชื่อมกับฝ่ายการเมือง การพูดคุยวันนี้ตนประสานงานโดยตรงสามารถตอบแทนฝ่ายการเมือง แทนนายกฯได้ ทำให้ส่วนเกี่ยวข้องทำงานได้อย่างบูรณาการ แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ไม่พูดถึงหมายจับ‘หม่องชิตตู’
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการระงับโซลาร์เซลล์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่แจ้งไปแล้วว่ากำลังดำเนินการอยู่ แต่หัวใจของการพูดคุยวันนี้ ถ้าซีลทั้งหมดได้เราก็จัดการพื้นที่ชายแดนได้ เรื่องนี้คืบหน้ามากขึ้น ทั้งนี้ ในที่ประชุม นายกฯได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ตั้งใจทำงานไม่ได้พูดถึงหมายจับพันเอกหม่องชิตตู เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ
ลั่นไม่มีใจอ่อน-ลุยล้างบางแก๊งคอล
ถามว่า กองกำลังต่างๆของเมียนมาแสดงท่าทีเอาจริงเอาจังที่จะปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำให้รัฐบาลไทยใจอ่อนถึงขั้นลดระดับความเข้มข้นของมาตรการหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องใจอ่อนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ตรงเป้าหมาย ปัญหาของเราคือ 1.ต้องเอาคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ 2.จะไม่ให้ใช้พื้นที่ของเรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดและค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ถ้าเข้าใจตรงนี้ได้เราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปประท้วงหรือสร้างเงื่อนไขต่อ เพราะถือว่าทำตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายแล้ว ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายเรามีสิทธิ์คืนให้เขาได้ แต่ถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ต้องดำเนินการต่อ
เมื่อถามว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือหมดสิ้น 100% หรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าหมดสิ้น 100% แต่ต้องให้เห็นชัด ให้ทุกคนรู้สึก เช่น เบอร์โทรศัพท์ลดลง คดีลดลง ต้องประเมินสถานการณ์ตลอด โดยจะมีทีมที่ช่วยตัดสินใจและรวบรวมหลักฐานอยู่ ถามอีกว่า ในที่ประชุมได้หารือถึงฐานแก๊งมิจฉาชีพ ที่อยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า บางอย่างที่พูดคุยเขาไม่ให้บอก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน
ปัดสร้างรั้วชายแดนชี้ยังไม่ตัดสินใจ
ส่วนแนวคิดสร้างกำแพงแนวชายแดนที่ติดปอยเปตเป็นไปได้แค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้ไปหาข้อสรุปถึงขั้นนั้น แต่คงต้องมีกระบวนการไปดู เพราะเป็นข้อเสนอของคนในพื้นที่ ก็ไม่ปฏิเสธและนิ่งเฉย ต้องดูรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้าสร้างกำแพงระยะ 55 กิโลเมตร ประเมินไว้หรือไม่ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะสร้างหรือไม่ มองว่าผิดขั้นตอนไป ขอให้เราตัดสินใจก่อน แล้วจะมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจที่จะดำเนินการ
ตั้งแต่เริ่มคิกออฟมาตรการ มีกระบวนการหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา เห็นได้ว่าไม่ได้หยุดนิ่งเลย ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่การจัดการปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ แสดงความรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
ให้อัพเดตปราบแก๊งคอลฯทุก1เดือน
ขณะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า มาคุยเรื่องคอลเซ็นเตอร์ อัพเดตการทำงาน ให้อัพเดตกันเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้สั่งการให้ขยายแผนทำงานเรื่องชายแดน และนำกลับมารายงานผลให้ทราบภายใน 1 เดือนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ เพื่ออัพเดตความคืบหน้า
สั่งขยายแผนทำงาน-ลั่นวาระใหญ่รบ.
นางสาวแพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียถึงผลประชุมร่วมกับผู้นำเหล่าทัพว่า ได้หารือกับนายภูมิธรรม รมช.กลาโหม และ 4 ผู้นำเหล่าทัพ ปลัดกระทรวงกลาโหม ถึงความมั่นคงปลอดภัยทุกมิติของประชาชน โดยขอบคุณการทำงานหนักและเด็ดขาดของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ที่ร่วมกันแก้ปัญหาจนปัญหาต่างๆคลี่คลายไปได้ด้วยดี
“ปัญหาหลายเรื่องยังมีอยู่และต้องดำเนินการทำงานต่อเนื่อง ตรงจุด ด้วยแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คุกคามชีวิตประชาชน เป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป ที่ผ่านมามาตรการตัดน้ำมัน-ตัดไฟ ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดและได้ผล นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และได้เร่งรัดคณะกรรมการโยบายด้านชายแดน ให้ขยายแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้รายงานกลับมาอีกครั้งในเวลา 1 เดือน”นายกฯกล่าว และย้ำว่า ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ และความมั่นคงอื่นที่กล่าวถึงข้างต้น ถือเป็นวาระใหญ่ของรัฐบาล เพราะคือความปลอดภัยของประชาชน รัฐบาลเดินหน้าเต็มที่ ให้แก้ปัญหารวดเร็ว ตรงจุดทั้งระยะสั้นและยาวโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี