ถกรัฐสภารื้อแก้ไขรธน.วันที่ 2 วุ่นหนัก “พท.” ขอนับองค์ประชุม“ปชน.” ไม่ยอมประท้วงหนัก อ้างประธานให้เข้าสู่ญัตติแล้ว ขณะที่“สว.พันธุ์ใหม่” ขอแจมชงขานชื่อเจอเบรก จน “วันนอร์” เม้งแตกซัดอย่ามาส่ายหัว ดื้อเอาแต่ใจ สุดท้ายพักประชุมไปเคลียร์คุยตกลงกันใหม่ หลังเปิดมาเพียงครึ่งชั่วโมง คุยเคลียร์ไม่ลงตัวองค์ประชุมไม่ครบมีแค่175 เสียง จากยอด620คน สั่งปิดประชุมทันที พท.เตรียมเสนอญัตติใหม่ ให้ปธ.เปิดประชุมนัดถกเลื่อนวาระยื่นศาลรธน.ตีความ ทำประชามติกี่ครั้งให้เร็วที่สุด ด้าน‘สุทิน’รับทำสภาล่มเพื่อรักษาร่าง‘แก้รธน.ด้าน’ปชน.’ผิดหวัง‘จี้นายกฯยุบสภาหากแก้รธน.ไม่ได้ ฉะไม่เคารพเสียงประชาชน
เมื่อเวลา09.40น.วันที่ 14กุมภาพันธ์2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน 1.ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่…)พ.ศ…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา256 และเพิ่มหมวด15/1) ที่ นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.)และคณะ เป็นผู้เสนอ 2.ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ….(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา256 และเพิ่มหมวด15/1) ที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)และคณะ เป็นผู้เสนอโดยทั้ง2 ญัตติค้างการพิจารณามาจากการประชุมฯวานนี้(13ก.พ.) หลังเกิดเหตุองค์ประชุมรัฐสภาล่มเนื่องมีสมาชิกบางส่วนโดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงสส.บางพรรควอร์คเอาท์ออกจากห้องโดยให้เหตุผลว่าไม่ขอเข้าร่วมการประชุมฯที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ
‘ชลน่าน’ป่วนขอนับองค์ประชุมสภา
จากนั้นประธานฯ เริ่มดำเนินการเพื่อเข้าสู่ระเบียบวาระ และให้นายพริษฐ์ แถลงญัตติ แต่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธานฯว่า ขณะนี้องค์ประชุมยังไม่พอที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระ ทำให้ขัดข้อบังคับ แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันว่าดำเนินการไปตามข้อบังคับ เพราะสมาชิกมาลงชื่อครบองค์ประชุม ก็ต้องดำเนินการประชุม ขณะนี้องค์ประชุมมาลงชื่อครบแล้ว แต่นพ.ชลน่าน แย้งว่า แม้สมาชิกจะลงชื่อครบองค์ประชุม เป็นไปตามข้อบังคับ ประธานสามารถเปิดองค์ประชุมได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ องค์ประชุมที่อยู่ในห้องประชุมก็ต้องครบด้วย ประธานรัฐสภา จึงชี้แจงย้ำอีกครั้งว่า ตนทำตามหน้าที่ เมื่อครบจำนวน ก็เปิดประชุมไปตามระเบียบวาระ หากในระหว่างการพิจารณา นพ.ชลน่าน ก็สามารถใช้สิทธิ์นับองค์ประชุมได้ หากไม่ใช้สิทธิ์ ตนก็ต้องดำเนินการไปตามระเบียบวาระ
ทำให้นพ.ชลน่าน ใช้สิทธิ์เสนอขอนับองค์ประชุม แต่ฝั่งพรรคประชาชน พยายามประท้วง โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ประธานฯวินิจฉัยให้นายพริษฐ์ เข้าสู่ญัตติแล้ว แต่นพ.ชลน่านใช้สิทธิ์ประท้วงชัดเจนว่า นพ.ชลน่าน จงใจทำผิดข้อบังคับ เพื่อเสนอญัตติแทรกเข้ามาในระหว่างการพิจารณาญัตติของนายพริษฐ์ ซึ่งสมาชิกไม่มีสิทธิ์เสนอใดๆจึงขอให้ประธานวินิจฉัย จากนั้น นพ.ชลน่าน ลุกตอบโต้ว่าการลุกขึ้นเสนอขอนับองค์ประชุม เป็นเอกสิทธิ์สมาชิก จะทำเวลาใดก็ได้ ซึ่วประธานฯก็วินิจฉัยและรับญัตติตนแล้วว่ากระทำได้
‘วันนอร์’ชี้เป็นเอกสิทธิ์ขอนับเสียงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมเริ่มวุ่นวาย โดยนายพริษฐ์ได้พยายามชี้แจงที่จะเดินหน้าแถลงหลักการและเหตุผลในการเสนอญัตติ แต่สส.พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงและขอให้นับองค์ประชุมก่อนเสนอญัตติ นายวันนอร์ จึงวินิจฉัยว่า แม้จะให้เริ่มแถลงญัตติแล้ว แต่เมื่อมีการเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุม สามารถทำได้ ประธานก็ต้องดำเนินการนับองค์ประชุมโดยไม่มีเหตุผลอะไรเพราะการเสนอนับองค์ประชุมเป็นเอกสิทธิ์ พร้อมกับแจ้งให้สมาชิกรัฐสภากดบัตรแสดงตน“เจตนาผมเมื่อองค์ประชุมครบต้องเปิดการประชุม เป็นไปตามข้อบังคับ หากมีสมาชิกขอตรวจสอบองค์ประชุม ผมต้องดำเนินการ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ ระหว่างนับองค์ประชุมต้องทำให้จบก่อนดำเนินการต่อไปได้” ประธานรัฐสภา กล่าว
ทั้งนี้ มีสมาชิกรัฐสภายกมือประท้วงจำนวนมาก แต่ นายวันนอร์ ไม่อนุญาตพร้อมบอกว่า จะให้สิทธิประท้วงทุกคน แต่หลังจากที่นับองค์ประชุมแล้วเสร็จ และได้ปิดไมโครโฟนของสมาชิกรัฐสภา ก่อนอธิบายว่า“ผมไม่มีเจตนาว่าจะทำให้ประชุมได้หรือไม่ แต่ประชาชนจะตัดสินเองว่า การลงมตินั้นสมควรหรือไม่ ผมไม่มีอำนาจอะไร ต้องดำเนินการไปตามข้อบังคับ ไม่เช่นนั้นภาพประท้วงจะออกไปข้างนอก ภาพของสภาจะเสีย ต้องดำเนินการตามวาระ ผมขออธิบายถึงเหตุผลที่ต้องบรรจุวาระหลังจากที่มีการเสนอญัตติ ผมได้เสนอให้ที่ปรึกษากฎหมายของประธานสภาฯ” นายวันมูหะมัด ชี้แจง
ปชน.-พท.โต้เถียงวุ่นสั่งพักประชุม
แต่ระหว่างนั้นภายในห้องประชุมยังเป็นไปอย่างวุ่นวาย มีสมาชิกรัฐสภาตะโกนประท้วง นายวันนอร์ จนทำให้ นายวันนอร์ กล่าวว่า“หากไม่อยู่ในระเบียบ ต้องให้เจ้าหน้าที่มาเชิญ มาว่าผมเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลหรือ ขอให้ประธานวิปแต่ละฝ่ายดำเนินการ”ทั้งนี้ นายพริษฐ์ ขอหารือว่า การเสนอนับองค์ประชุมที่ผ่านมามีการให้หารือ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ให้สิทธิเพื่ออธิบายให้กับสมาชิกรัฐสภาที่เสนอขอนับองค์ประชุมได้รับทราบ ทำให้ นายวันนอร์ ชี้แจงว่า“หากองค์ประชุมไม่ครบ ขอให้ไปแถลงกับสื่อมวลชน ผมเข้าใจนายพริษฐ์ ถึงบรรจุ คุณไม่ต้องส่ายหัว หากผมไม่จริงใจ ก็จะไม่บรรจุ ผมให้ความสำคัญกับคุณ แต่คุณไม่ให้ความสำคัญกับประธานเลย เราจะดื้อเอาตามใจของแต่ละคนไม่ได้ ท่านคงไม่ใส่ร้ายผมว่าไม่เป็นกลาง หากไม่กลาง คงไม่บรจุวาระ” ทันใดนั้นเอง น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่า จะมีสมาชิกรัฐสภากี่คนและยินดีพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้ นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า การนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เป็นไปตามข้อบังคับ แต่ข้อบังคับข้อที่ 56 กำหนดว่าการนับองค์ด้วยการขานชื่อ ต้องให้รัฐสภาอนุมัติ หากรับญัตติดังกล่าวต้องถามให้สมาชิกรัฐสภาอนุญาตและต้องตรวจสอบองค์ประชุม
ทั้งนี้ บรรยากาศในห้องประชุมยังประท้วงวุ่นวาย ทำให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขอให้พักการประชุมเพื่อให้ทุกฝ่ายหารือร่วมกัน ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ให้พักการประชุม 20 นาที ในเวลา10.10น.หลังจากที่ประชุมได้เปิดประชุมไปเพียง 30 นาที
สภาล่มซ้ำแก้ไขรธน.ชะงักตามคาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา10.37น.การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้เริ่มอีกครั้งหลังพักการประชุมเป็นเวลา20นาที เพื่อให้แต่ละฝ่ายไปตกลงกันว่าจะต้องนับองค์ประชุมหรือไม่ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ได้ชี้แจงว่าเนื่องจากน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.ลุกขึ้นเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมโดยการขานชื่อจะต้องถามที่ประชุมว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของน.ส.นันทนาหรือไม่
ระหว่างรอ นายพริษฐ์วัชรสินธุสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นชี้แจงกับประธานฯว่า ตนไม่มีเจตนาพาดพิงประธานฯ และยืนยันว่าตนไม่เคยพูดว่าประธานไม่เป็นกลาง เจตนาของตนคือจะเสนอให้พักการประชุม เพื่อให้แต่ละฝ่ายไปหารือตกลงกัน ขอประธานฯอย่ามองตนในแง่ร้าย ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น ส่วนผลการหารือในส่วนของฝ่ายค้าน ยืนยันว่าสามารถเดินหน้าพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง2ญัตติได้ แต่เมื่อสส.ฝั่งรัฐบาลมีข้อกังวลอยากให้ตรวจสอบองค์ประชุมจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปิดประชุมเพื่อพิจารณา โดยไม่เร่งนับองค์ประชุมที่จะนำไปสู่การล่มองค์ประชุม
ด้าน นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนสส.ฝั่งรัฐบาล แจ้งผลหารือ โดยเสนอให้นับองค์ประชุมโดยการเสียบบัตรลงคะแนน
องค์ประชุมไม่ครบมี175ยอด620คน
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า จากการที่ฝ่ายค้าน ได้หารือกับฝั่งรัฐบาลเข้าใจว่าทางออกค่อนข้างสร้างสรรค์ สามารถทำให้การประชุมร่วมรัฐสภาพอที่จะดำเนินการพิจารณาหาเพื่อทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้ตัวแทนฝั่งสส.รัฐบาลชี้แจงผลหารือว่าได้ข้อสรุปอย่างไร
ทำให้ นายวัชระพล ชี้แจงว่า ขณะนี้มีญัตติขอให้ตรวจสอบองค์ประชุม 2ญัตติ คือญัตติของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย และญัตติของน.ส.นันทนา ถึงจะมีการหารืออย่างไรก็แล้วแต่ ยังไงก็ต้องตรวจสอบองค์ประชุมก่อนอยู่ดี ยืนยันญัตติของนพ.ชลน่าน โดยการตรวจสอบองค์ประชุมแบบเสียบบัตรลงคะแนน
จากนั้นประธานฯได้กดออดเรียกสมาชิกเข้าประชุมเพื่อขอมติว่าจะตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อหรือเสียบบัตร ผลปรากฏว่ามีองค์ประชุมเพียง 175 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ขณะที่มียอดผู้เข้าประชุม 620 คน ทั้งนี้นายรังสิมันต์ โรมสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พยายามท้วงขอให้นับใหม่ แต่ไม่เป็นผล โดยนายวันมูหะมัดนอร์ ประธานการประชุมจึงแจ้งว่าองค์ประชุมไม่ครบและสั่งปิดประชุมในเวลา 10.47น.
พท.ชงญัตติยื่นศาลตีความทำประชามติ
เวลา 11.00 น.ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมคณะ แถลงข่าวภายหลังองค์ประชุมรัฐสภาล่มเป็นวันที่2ติดต่อกัน โดยสุทิน กล่าวว่า เป้าหมายพรรคเพื่อไทยที่จะรักษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ให้อยู่ในระเบียบวาระได้มากที่สุด ไม่ให้ถูกตีตก ซึ่งวันนี้มีท่าทีจะเปิดประชุมเพื่อพิจารณาต่อ ทุกคนรู้คำตอบแล้วว่าถ้าพิจารณาแล้วลงมติก็ต้องตกไป ดังนั้นเมื่อเรามีจุดยืนที่จะรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้เพื่อหาลู่ทางนำไปสู่การแก้ไขให้สำเร็จ จึงรักษาไว้ด้วยวิธีการให้มีการพิจารณา จึงทำวิธีการที่ไม่อยากทำ คือไม่เป็นองค์ประชุม และในที่สุดการประชุมวันนี้ไม่สามารถดำเนินการไปได้
เมื่อไม่ได้ร่างนั้นยังอยู่ เราจะพยายามนำสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาตีความอีกครั้งหนึ่งให้ได้ ไม่ใช่ให้ค้างอยู่ และมีบางพรรคการเมืองไม่เข้าใจเรา ซึ่งต้องเข้าใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยุ่งยากจนทำให้หลายคนมองว่าจะไม่สำเร็จนั้นเกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ชัดเจน หลายฝ่ายหยิบยกไปตีความเข้าข้างตัวเอง ฝ่ายที่ไม่อยากแก้ ก็ได้ทีตีความว่าศาลพิจารณาแบบนี้ จะแก้ไม่ได้ หากแก้ได้ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง นั่นคือความไม่ชัดเจนคลุมเครือถูกฝ่ายไม่อยากแก้นำไปเป็นความชอบธรรมให้ตัวเอง ถึงขั้นข่มขู่ว่าใครร่วมพิจารณามีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีและถอดถอน ทำให้สมาชิกหลายคนวิตก ซึ่งเป็นข้อเสียของความไม่ชัดเจน
เร่งรวม40ชื่อถกสภาฯส่งศาลตีความ
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า สำหรับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าจะทำประชามติกี่ครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมรายชื่อให้เกิน 40คน ซึ่งเรามีส.ส.จำนวนมากอยู่แล้ว เพื่อเสนอญัตติใหม่ เข้ามาบรรจุในระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภาลำดับที่4 โดยจะรวบรวมให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ประธานรัฐสภา เปิดประชุมพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยจะไม่ใช้ญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ที่เสนอไว้ เพราะอยากทำใหม่เลยเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน มั่นใจว่า ญัตติของพรรคเพื่อไทยสามารถที่จะนำมาพิจารณาได้ไม่เป็นญัตติซ้ำหลังที่ประชุมลงมติไม่เลื่อนญัตติของนายแพทย์เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณา เพราะมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแค่การขอเลื่อน และญัตติดังกล่าวยังคงอยู่ไม่ได้ตกไป และ เราจะเสนอเลื่อนอีกครั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ”นพ.ชลน่าน กล่าว
ปชน.ผิดหวัง-จี้นายกฯยุบสภาถ้าทำไม่ได้
ขณะที่ สส.พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้านฯ,นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ร่วมแถลงที่รัฐสภาเช่นกันภายหลังการประชุมรัฐสภาล่มเป็นวันที่2 ทำให้ไม่สามารถพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ได้
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมรัฐสภา พรรคประชาชนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ แทบจะเป็นด่านสุดท้ายที่พวกเราคิดว่าหากสามารถเดินหน้าแก้ไขได้ เพราะมีโอกาสที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้งปี2570 ซึ่งเราเชื่อว่าการเดินหน้าแก้ไขในครั้งนี้มีกระบวนการที่สามารถเดินทางอย่างตรงไปตรงมาได้ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อม ซึ่งเราไม่เชื่อว่าการเดินอ้อมอย่างที่เป็นอยู่จะนำไปสู่ปลายทางที่ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหา 3 เรื่องหลัก คือ การขาดเจตจำนงทางการเมือง ขาดเจตนารมณ์ความเป็นนิติรัฐและความไม่เคารพเสียงของประชาชน หากก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างจริงจัง ร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอเข้ามาควรเป็นร่างของ ครม.แต่ปรากฏว่า ร่างที่เสนอเข้ามาเป็นร่างของพรรคเพื่อไทย จนทำให้พบกับเหตุการณ์ใน2วันที่ผ่านมา คือการไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล และเมื่อคืนที่ผ่านมานายอนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ที่ผ่านมาน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่เคยหารือเรื่องนี้กับพรรคภูมิใจไทย เพื่อพยายามผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อให้เป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความจริงใจที่จะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ส่วนที่บอกว่าต้องเดินอ้อมเพื่อทำให้สภาล่ม เพื่อให้ญัตตินี้ยังคงค้างอยู่ในรัฐสภา ตนเชื่อว่าทุกคนเห็นว่าเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง
ไม่เคารพเสียงปชช.-ซ้ำเป็นนโยบายรบ.
“การไม่เคารพเสียงของประชาชน ที่ผ่านมาในการหาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคการเมือง มีข้อเสนอเดียวกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560และยังเป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นวิธีหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ หากนายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล และถืออำนาจสูงสุดในการยุบสภา นายกฯ สามารถเข้าไปเจรจาพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลและแสดงเจตจำนงชัดเจนเพื่อให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเคารพเสียงของประชาชน แต่หากไม่สามารถทำได้ นายกฯก็มีอำนาจในการยุบสภาเพื่อคืนเสียงให้กับพี่น้องประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
‘พริษฐ์’ซัดล่มเพราะพรรคร่วมขัดแย้ง
ด้าน นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า ต้องการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมี สสรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100เปอร์เซ็นต์และให้สส.แก้ปัญหาประชาชนได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วขึ้น ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลเรื่องความกังวลใจในการเดินหน้าแก้ไข หากมีการลงมติจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ จากพรรคภูมิใจไทยและเสียง สว.ตนอยากชวนทุกคนตั้งคำถามว่า สาเหตุของอุปสรรคนี้ที่เราไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย เป็นเพราะข้อกฎหมายจริงๆ หรือความขัดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล หากเป็นเรื่องทางกฎหมายพรรคประชาชนยืนยันว่า สิ่งที่รัฐสภาดำเนินการไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่4/2564 ถ้าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทางออกไม่ใช่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทางออกอยู่ที่นายกฯในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร หัวหน้ารัฐบาลผสมที่ต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างและผลักดันนโยบายรัฐบาล หากนายกฯไม่สามารถเป็นเจ้าภาพและแก้ปัญหาความแตกต่างในรัฐบาไม่ได้ก็ควรยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี