"รมว.นฤมล"รับกระแสรักษ์โลก ขอเอกชนเพิ่มราคารับซื้อข้าวคาร์บอนต่ำ 5% จูงใจทำนาแบบเปียกสลับแห้งพร้อมส่งเสริมปลูก "กาแฟ-โกโก้-ถั่วเหลือง"เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.เวลา 15.30 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศ.ดร.นฤมล เป็นประธานเปิดงาน “ Smart Business Expo 2025” แสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมดิจิทัล เพื่อธุรกิจ ครั้งที่ 2 ณ ตำบลเมืองแก่า อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น,นายจิรุตถ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน),นายวัฒนา ช่างเหลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น,นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ให้การต้อนรับ
โดย ศ.ดร.นฤมล ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "การนำนวัตกรรม AI พัฒนาการเกษตร"ว่า จากข้อมูลปี 2567 ไทยได้ออกส่งสินค้าเกษตรรวมมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านบาท โดยลำดับแรกของประเทศที่เราส่งสินค้าเกษตรออกไปคือประเทศจีน ถัดมาเป็นสหรัฐอเมริกา,ญี่ปุ่น,มาเลยเซีย และอินโดนีเซีย โดยข้าวมีมูลค่าส่งออกเยอะที่สุด รองลงมาคือเนื้อไก่ ทุเรียน มะม่วง ยางพารา ทั้งนี้ จากข้อมูลเมื่อปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนประชากรทั้งหมด 66.05 ล้าน คน แบ่งเป็นภาคการเกษตร 29.60 ล้านคน ซึ่งจะเห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศไทยคือ ภาคการเกษตร นอกจากนี้จำนวนแรงงานทั้งประเทศ ยังแบ่งเป็นภาคการเกษตรกว่า 48.75% หมายความว่าแรงงานไทยครึ่งหนึ่งอยู่ในภาคการเกษตร ทั้งนี้ประเทศไทยมีเนื้อที่ทั้งหมด 320.7 ล้านไร่ แบ่งออกเป็นพื้นที่ภาคการเกษตรถึง 147.73 ล้านไร่ คิดเป็น 46.06% ซึ่งในจำนวนนี้มีนาข้าวเยอะมากที่สุด กว่า 64.08 ล้านไร่ รองลงมาก็จะเป็นพวกผลไม้ยืนต้น
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าเราจะมีเกษตรกรจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า อายุของประชากรภาคเกษตรกรเป็นผู้สูงอายุเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นการจะนำเทคโนโลยีเข้าไปใช้เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ นั้น ต้องใช้เวลา เช่น ขณะนี้ กระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ โดยใช้วิธีการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ซึ่งทำให้สามารถลดการใช้น้ำในการเพาะปลูกได้กว่า 50% และช่วยลดการปล่อยก๊าซที่จะไปสร้างภาวะเรือนกระจก นอกจากนี้ ยังทำให้ผลผลิตต่อไร่ก็เพิ่มขึ้น และยังช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นควบคู่ไปด้วย
โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ประสานงานกับภาคเอกชนที่จะรับซื้อข้าวจากชาวนา โดยได้ขอให้เพิ่มราคารับซื้อข้าวจากชาวนาที่ปลูกข้าวคาร์บอนต่ำสูงขึ้นประมาณ 5% จากราคาปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นแรงจงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมการทำนาแบบเปียกสลับแห้งได้มากขึ้น โดยปีนี้เรามีเป้าหมายอยู่ที่ 10 ล้านไร่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบาย Green Economy และตอบสนองตลาดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ของโลก
“กระทรวงเกษตรภาคภูมิใจการส่งออกสินค้าเกษตรที่สร้างรายได้รวม 1.8 ล้านล้านบาทในปี 2567 ที่เป็นผลมาจากเกษตรกรไทยและการดำเนินการของกรมต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ที่เกิดขึ้นโดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงงานและริเริ่มหลาย ๆ อย่างให้กับกระทรวงเกษตรฯ และด้วยราชดำริของท่านที่ทรงศึกษาทรัพยากรดิน ที่เป็นต้นกำเนิดของการเพิ่มผลผลิตให้กับภาคการเกษตร ทำให้ยูเอ็นประกาศให้วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันดินโลก“ศ.ดร.นฤมล กล่าว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องน้ำของกรมชลประทาน เขื่อน และอ่างเก็บน้ำขนาดขนาดใหญ่ ก็เกิดขึ้นจากพระราชดำริ รวมถึงนวัตกรรมการทำฝนหลวง ที่ตอนนี้ได้นำมาใช้ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้กับประชาชนด้วย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงยังคำนึงถึงอาชีพเสริมของพี่น้องชาวนาว่า จะไม่มีอะไรทำช่วงนอกฤดูกาลเพาะปลูก จึงได้ตั้งกรมหม่อนไหมขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและอนุรักษ์อาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้คงอยู่คู่ประเทศไทย
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อด้วยว่า ในปี 2568 กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชที่ตลาดมีความต้องการสูง ได้แก่ กาแฟ โกโก้ ถั่วเหลือง โดยพบว่าคนไทยนิยมดื่มกาแฟประมาณ 90,000 ตัน ซึ่งทำให้ต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 60,000 ต้น เนื่องจากผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึง โกโก้ เป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารและโปรตีนสูง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทางกระทรวงจึงส่งเสริมให้เกษตรปลูกพืชเหล่านี้สนองต่อความต้องการของตลาด อีกทั้งจะยกระดับมูลค่าเพิ่ม และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้วางแผนพัฒนาพืชเศรษฐกิจจากกลุ่ม Future Food และ Functional Food ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย และตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในเชิงสุขภาพ ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรมแปรรูป โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น การเชิญชวนให้ภาคเอกชนลงทุนในธุรกิจเกษตรแปรรูป และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรและชุมชนปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตร เพิ่มการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรองทางการตลาดในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรปีละ 10%
ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล ได้มอบรางวัลผู้สนับสนุนการจัดงาน ให้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) พร้อมทั้งเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้ากว่า 200 ร้านค้า และได้พูดคุย ทักทาย ผู้ประกอบการด้วย
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี