(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

3) ปัญหาข้อที่ 3 ถ้าการดำเนินการตามข้อหารือ ข้อ 1 ไม่ถูกต้องจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร นั้น

สำนักงานก.พ.ขอเรียนว่า เมื่อผู้นี้ได้รับการล้างมลทินแล้ว กรณีนี้จึงไม่เป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาอีกต่อไป

(หนังสือสำนักงานก.พ.ที่นร 0711/ป.810 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2531)

ตรงนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจในกระบวนการดำเนินการทางวินัยอย่างถูกต้องแต่หากเป็นการจงใจปฏิบัติแล้วผู้ดำเนินการจะต้องรับผิดประการใดก็ต้องรอดูกันครับ

(10) กรมป่าไม้ได้หารือกรณีป่าไม้อำเภอถูกลงโทษทางวินัยโดยลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ตามคำสั่งกรมป่าไม้ลงวันที่ 5 ธันวาคม 2530 โดยให้ลดขั้นเงินเดือนตั้งแต่เดือนมกราคม 2531 เป็นต้นไป แต่ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2530 โดยให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 และได้รับโทษหรือทัณฑ์ทั้งหมด หรือบางส่วนไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆ สำหรับกรณีของผู้นี้จะถือว่าได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ จึงได้หารือไปยังสำนักงานก.พ.

สำนักงานก.พ.พิจารณาแล้วเห็นว่าโดยที่มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 บัญญัติให้ล้างมลทินแก่ผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 และได้รับโทษหรือทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปแล้ว ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ สำหรับกรณีข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ข้าราชการผู้นี้ได้กระทำผิดก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530 และกรมป่าไม้ได้สั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ตามคำสั่งกรมป่าไม้ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2530 โดยให้ลดขั้นเงินเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2531 เป็นต้นไป เช่นนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าผู้ได้รับโทษทั้งหมดหรือบางส่วนไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับคือตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2530 ฉะนั้นข้าราชการผู้นี้จึงไม่ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว