‘อนุทิน’ไม่กังวล
ปมโฉนดสนามกอล์ฟทับสปก.
ลุ้นคกก.จัดที่ดินแห่งชาติชี้ขาด
อธิบดีกรมที่ดิน เผย “อนุทิน” ไร้กังวลปมถูกตรวจสอบสนามกอล์ฟครอบครัวยันได้มาถูกก.ม.-ซื้อต่อจากชาวบ้านตามข้อมูลปกติ โยนถาม “พม.”หน่วยรับผิดชอบตั้งนิคมสร้างตนเอง ทับซ้อนพื้นที่สำคัญหรือไม่ ด้าน พม.แจง ยืนยันไม่ได้เพิกเฉย ติดตามแก้ไขปัญหามาต่อเนื่อง รอผลสรุปจากคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กรณีปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่า นายอนุทิน ได้มีการชี้แจงว่าที่ดินนั้นได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้ซื้อมือแรก เป็นการซื้อต่อชาวบ้านที่นำมาขายต่อซึ่งเป็นตามข้อมูลปกติ ยืนยันว่า นายอนุทินไม่ได้กังวลถึงกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด เป็นเพียงการพูดคุยว่าความเข้าใจของนายอนุทินนั้นถูกต้องหรือไม่เท่านั้น
อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวต่อว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นนิคมกว่า 1,000 แปลง ที่ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้จัดสรรที่ดินให้ประชาชนใช้ประโยชน์เป็นนิคมสร้างตนเองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว เมื่อเข้าทำประโยชน์แล้ว 5 ปี สามารถเปลี่ยนเป็นที่ นค.3 ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน สามารถเปลี่ยนเป็นที่โฉนดได้ ตามระเบียบปกติ และเมื่อชาวบ้านได้ครอบครองโฉนดตามหลักเกณฑ์คือห้ามขาย 5 ปี และเมื่อพ้นกำหนดก็สามารถทำการซื้อขายได้
เมื่อถามว่าที่ดินดังกล่าวทับซ้อนกับพื้นที่ส.ป.ก.หรือไม่ นายพรพจน์ กล่าวว่า โฉนดทั้งหมดออกจากพม. ดังนั้นส.ป.ก.ต้องไปถามพม.ไม่ใช่มาถามกรมที่ดิน เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะว่าการออกโฉนดเป็นการออกจากหลักฐานของนิคมสร้างตนเอง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบพม. หรือกรมประชาสงเคราะห์เก่า ดังนั้นจะซ้ำซ้อนหรือไม่ส.ป.ก.ต้องไปเคลียร์กับทางพม.เอง ไม่ใช่กรมที่ดิน
เมื่อถามถึงกรณีที่ทางคณะทำงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเชิญกรมที่ดินลงพื้นที่ไปดูพื้นที่จริงด้วย อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ลงไปก็ไม่มีประโยชน์ มุมมองของตนต้องไปเอา พม.มาลงพื้นที่ตรวจสอบว่าทำไมถึงไปสร้างนิคมในพื้นที่นั้น เพราะกรมที่ดินเป็นเพียงปลายทาง และมีระเบียบกฎหมายชัดเจนว่าต้องทำอะไรอย่างไร
นายพรพจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ดินส.ป.ก. ไม่ว่าจะมีการประกาศเขตพื้นที่ที่ใด หากชาวบ้านครอบครองอยู่ มีหลักฐาน ว่าเข้าครองครองทำประโยชน์ เช่น สค.1 หรือไม่ กระทั่งใบจอง ส.ป.ก.ก็ไม่สามารถไปห้ามการออกโฉนดได้ หากประชาชนอยู่ก่อนที่จะประกาศเขตออกเป็นพ.ร.ฎ.แนบท้ายแผนที่ปฏิรูปเพื่อเกษตรกรรม แต่ในทางกลับกันพื้นที่ส.ป.ก.หากมีชาวบ้านจำนวนมากร้องขอให้ไปสำรวจออกโฉนดที่ดิน ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งในลักษณะดังกล่าวนี้มีปัญหาอยู่ประมาณ 122 อำเภอ ที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข
นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับกรณีข่าวได้มีการนำเสนอประเด็น “การขยายพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองและทับซ้อนที่ดิน ส.ป.ก.” ซึ่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ชี้แจงว่า
ความจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว โดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2506 ให้กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย (ในขณะนั้น) (ปัจจุบัน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ดำเนินการใช้พื้นที่ป่าปากช่องหมูสีและป่าโครงการรถไฟมวกเหล็ก-สีคิ้ว มาดำเนินการจัดตั้งเป็นนิคมสร้างตนเอง และต่อมาได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 351 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จัดตั้งนิคมสร้างตนเองลำตะคองในท้องที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีแผนที่ท้ายประกาศคณะปฏิวัติ กำหนดเนื้อที่ของนิคมฯ ประมาณ 280,000 ไร่ เพื่อให้ดำเนินภารกิจของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งได้จัดที่ดินให้ประชาชนได้มีที่ตั้งเคหสถานและประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่งในที่ดินนิคมฯ
ปี 2536 จังหวัดนครราชสีมา พบว่า แนวเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ตามแผนที่ท้าย ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 351 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 มีความไม่ชัดเจน จังหวัดนครราชสีมา จึงได้มีคำสั่งที่ 2292/2536 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2536 และคำสั่งที่ 717/2537 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2537 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ประกอบด้วยหัวหน้าสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานกรรมการ ป่าไม้จังหวัดนครราชสีมา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่อง ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา นายอำเภอปากช่อง ป่าไม้เขต ร่วมเป็นกรรมการ ดำเนินการสำรวจรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจากการประชุมของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ครั้งที่ 2/2538 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2538 มีมติรับรองแนวเขตและลงนามรับรองความถูกต้องไว้ในแผนที่แสดงแนวเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา มาตราส่วน 1:50,000 โดยมีพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 46,000 ไร่จากเดิม 280,000 ไร่ รวมเป็น 326,000 ไร่ จังหวัดนครราชสีมาได้ส่งมติการประชุมดังกล่าวให้กรมประชาสงเคราะห์ในขณะนั้นทราบและดำเนินการ ซึ่งได้ดำเนินการจัดที่ดินโดยออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) ให้สมาชิกนิคมฯ นับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา
ต่อมาเมื่อปี 2554 สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่อง มีหนังสือถึงนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ถึงปัญหาการไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดที่ดิน ให้แก่สมาชิกนิคมสร้างตนเองที่ถือครอง หนังสือแสดงการทำประโยชน์ (นค. 3) ได้ เนื่องจากความไม่ชัดเจนของแนวเขตตามแผนที่ท้ายคณะปฏิวัติฉบับที่ 351 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 กับแนวเขตของคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2538
จนปัจจุบันกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้มีการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องการขอแก้ไขแนวเขตแผนที่ท้ายประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 351 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 กับแนวเขตของคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2538 ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ตามมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยปัจจุบันอำนาจการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเป็นผู้พิจารณา เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ปัญหาการจัดสรรที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้ชาวบ้านเข้าทำกิน ก่อนถูกนำมาขายต่อ และถูกตั้งคำถามว่ามีการขยายพื้นที่ทับซ้อนจนมีการออกเอกสารสิทธิให้เอกชนครอบครองหรือไม่ ว่า เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว จึงได้ให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. ไปหาเอกสารที่มีอายุมากพอสมควรมา เพื่ออธิบายให้กับสังคมได้ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่า เรื่องที่เป็นข่าวนี้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เพราะก็ไม่รู้ว่าใครมีเรื่องอะไรกันหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี