"อธิบดีกรมที่ดิน"ออกโรงยันที่ดินสนามกอล์ฟปากช่อง "อนุทิน" ออกเอกสิทธิ์ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ยันยังไม่ถึงขั้นเพิกถอน ต้องย้อนไปตรวจสอบ น.ค.3 ก่อนว่าถูกต้องหรือไม่ บอกกรมที่ดินไม่ได้ลอยตัว แต่เกี่ยวเรื่องพื้นที่ซ้ำซ้อน ไม่หนักใจรับจบที่ดินอัลไพน์-เขากระโดง-สปก.ปากช่อง
17 ก.พ. 2568 ที่หอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการออกเอกสารที่ดิน น.ค.3 ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง ว่า ข้อมูลจริงๆอยู่ที่ผู้จัดนิคม ในส่วนที่กรมที่ดินเกี่ยวข้องด้วย พื้นที่ที่กรมที่ดินได้ออกโฉนดไปมีทั้งหมด 4,500 แปลง เป็นพื้นที่กว่า 25,000 ไร่ รวมถึงได้มีการออก น.ส.3 ก. ประมาณ 217 แปลง 2,600 กว่าไร่ รวมทั้งหมดประมาณ 4,700 แปลง ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ตามอำนาจหน้าที่ของกรมที่ดิน ถ้าคิดเป็นพื้นที่ทั้งหมดก็ไม่ถึง 30,000 ไร่ ประมาณ 28,000 ไร่
เมื่อถามว่า ในส่วนที่ดินในพื้นที่สนามกอล์ฟปากช่อง และพื้นที่แข่งรถของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย คาบเกี่ยวกับพื้นที่ ส.ป.ก.กี่ไร่ และมีการออกโฉนดแล้วกี่ไร่ นายพรพจน์ ยืนยันว่า เอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยกรมที่ดิน ทั้งโฉนดและ น.ส.3 ก. ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในขณะนั้น เป็นโฉนดและเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของสนามกอล์ฟและสนามแข่งรถ เป็นพื้นที่ของการนิคมฯที่มีการจัดนิคมฯ เอกสารสิทธิ์ที่ออกมา ออกมาโดยพื้นฐานของ น.ค. 3 ที่นิคมฯได้ดำเนินการ ซึ่งหลักเกณฑ์พิจารณาในการออกเอกสารสิทธิ์ ถ้ามี น.ค.3 มา กรมที่ดินจะถือว่ามีการรับรองจากภาครัฐ ซึ่งมีแนวทางในการดำเนินการอยู่ โดยจะต้องสอบถามไปยังผู้จัดนิคมฯ ว่ามีการใช้ประโยชน์เช่นเดิมหรือไม่ ยินยอมให้ออกโฉนดได้หรือไม่ ถ้ามีหลักฐานยืนยันมา กรมที่ดินก็ยืนยันตามกฎหมายในการออกเอกสารสิทธิ์ ดังนั้นยืนยันว่าที่ดิน 4,500 แปลง ที่เป็นโฉนดที่ดิน กับ 217 แปลงที่เป็นน.ส. 3 ก. กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิ์ตามแนวทางในการดำเนินการระหว่างกรมที่ดินและผู้จัดตั้งนิคมฯอย่างถูกต้อง
เมื่อถามถึงกรณีที่อาจถูกมองว่าเป็นการฟอกขาวที่ดินให้เอกชน นายพรพจน์ กล่าวว่า ต้องไปดูที่มาของการจัดตั้งนิคมฯ โดยพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ในเขตที่มีการขยาย ซึ่งทำถูกต้องตามกฎหมายตามที่นิคมฯ ได้ดำเนินการ เพียงแต่มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับ ส.ป.ก. ซึ่งมีความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อปี 2548 ว่าถ้ามีการจัดนิคมฯ เข้าไปในพื้นที่ส.ป.ก. ไม่สามารถทำการปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรมได้ ดังนั้น มีความจำเป็นที่ส.ป.ก.จะยกที่ให้การจัดตั้งนิคมฯตามวัตถุประสงค์
พร้อมยืนยันว่าในการจัดพื้นที่ซ้ำซ้อน กรมที่ดินไม่ได้ลอยตัวเพียงแต่กรมที่ดินไม่ได้เกี่ยว เพราะในพื้นที่ซ้ำซ้อนเป็นพื้นที่นิคมฯกับส.ป.ก. จึงต้องเคลียร์ตรงนี้ เเละกรมที่ดินเป็นปลายทางในการออกเอกสารสิทธิ์ตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า หาก ส.ป.ก.มาทวงพื้นที่คืน จะทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างส.ป.ก.กับกรมที่ดินด้วย นายพรพจน์ กล่าวว่า จะเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ขั้นแรกคือ ต้องบอกว่าทำไมถึงมีการจัดนิคมฯให้ประชาชนผู้ยากไร้มีสิทธิ์ทำกินในที่ดินของนิคมฯ ถ้าบอกว่าน.ค.3 ที่มาจากนิคมฯไม่ถูกต้อง ก็ต้องไล่มาถึงกรมที่ดินในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีหลายกรณีที่น.ค.3 ไม่ถูกต้อง กรมที่ดินก็ทำตามขั้นตอน จึงต้องพิสูจน์ทราบว่าก่อนว่าน.ค.3 ที่มายื่นถูกต้องหรือไม่
เมื่อถามว่า กรณีที่ดินที่ถูกเพิกถอนใครจะเป็นผู้รับผิดชอบเยียวยาเอกชน นายพรพจน์ กล่าวว่า ถ้ามีการเพิกถอนถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ประชาชนก็จะต้องอุทธรณ์ผู้ออกคำสั่ง นั่นคือฟ้องกรมที่ดิน
เมื่อถามว่า กรณีที่ดินสนามกอล์ฟปากช่องของนายอนุทิน มองว่าไปถึงขั้นเพิกถอนหรือไม่นายพรพจน์ กล่าวว่า ยัง ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ก่อน ว่าน.ค. 3 ที่เป็นพื้นฐานของการออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้มีรายละเอียดพอสมควรและไม่ได้เพิ่งเกิดปัญหา ประชาชนหลายพันครัวเรือนมีปัญหาเรื่องพวกนี้อยู่ หากความเชื่อมั่นในโฉนดที่ออกมา มีการถามไปที่ผู้จัดตั้งนิคมว่าจะมีแนวทางชัดเจนอย่างไร ซึ่งจริงๆแล้วก็มีการหารือกัน ว่าจริงๆต้องไปที่สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติที่เป็นผู้จัดวางนโยบาย เพื่อดูภาพรวมของการจัดที่ดิน ซึ่งถ้ามาจริงๆส่งผลกระทบต่อประชาชนเยอะ
เมื่อถามว่า ในฐานะข้าราชการหนักใจหรือไม่ เพราะดูเหมือนต้องรับจบ ทั้งปัญหาที่ดินอัลไพน์ เขากระโดง และสนามกอล์ฟปากช่อง นายพรพจน์ ยืนยันว่า ทุกอย่างทำตามพื้นฐานของกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไปก็พร้อมรับ แต่ตอนนี้ขอยืนยัน ว่าแนวทางในการออกเอกสารสิทธิ์ในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่เหมือนกัน แต่กรมที่ดินดำเนินการถูกต้องตามที่ต้องทำ ตามวิสัยที่ข้าราชการที่ดีพึงกระทำ
นายพรพจน์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องไปดูต้นเรื่องที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เพราะมีประวัติศาสตร์อยู่ ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆคือประชาชน ในการทำธุรกรรมในพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่เคยหารือในกรมที่ดิน เพราะผู้เกี่ยวข้องจริงๆคือผู้จัดตั้งนิคม ถ้าถามกรมที่ดินอย่างเดียว หรือกระทรวงมหาดไทย อาจจะไม่ครบถ้วน เพราะเกี่ยวพันหลายหน่วยงาน ก่อนย้ำระเบียบการออกโฉนดว่าถ้ามีน.ค.3 กรมที่ดินออกโฉนดได้อย่างเดียว เพียงแต่เพื่อความชอบธรรมก็มีแนวทางปฏิบัติ ให้สอบถามไปยังผู้จัดนิคมก่อน หากได้รับการยืนยัน กรมที่ดินก็ออกโฉนดให้ ไม่สามารถปฏิเสธประชาชนได้ เพียงแต่หลังโฉนด ไม่ได้มีการสลักว่าต้องทำประโยชน์อย่างไร แต่มีพื้นฐานว่าเปลี่ยนมาจาก น.ค.3 แค่นั้นเอง ซึ่งอาจจะเป็นหน้าที่ของกรมที่ดิน ที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนได้แถลงข่าวไปแล้ว และการทำงานของกรมที่ดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี