‘หนู’ฮึ่ม! คนกล่าวหาระวังถูกฟ้อง
ปัดเคลียร์‘ธรรมนัส’
ชี้แค่เรื่องส่วนตัวลงบัญชีกันไป
กรมที่ดินยันเอกสารสิทธิถูกต้อง
‘ภูมิธรรม’ไฟเขียวลุยตรวจสอบ
“ภูมิธรรม”เปิดทางตรวจสอบ สนามกอล์ฟ“อนุทิน”ยันไม่ใช่รอยร้าวรัฐบาล เรื่องไหนคนสงสัยก็ต้องตรวจสอบ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลแล้วช่วยกันปกปิด ไม่ห่วงถูกซักฟอก มีข้อมูลก็ต้องชี้แจง ย้ำดินเนอร์พรรคร่วม “ภูมิใจไทย-กล้าธรรม”คงไม่ถึงขั้นเคลียร์ใจ ด้าน“เสี่ยหนู”ระบุ หากพิสูจน์แล้วว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นฝ่ายถูก คนที่กล่าวหาก็ต้องรับความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมเผย“ธนดล”ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมกล่าวขอโทษแล้ว ด้าน“คารม” กระซวกกลับ“ธนดล” ข้องใจใช้อำนาจอะไรเรียกสอบปมที่ดิน ส.ป.ก.ปากช่อง ซัดอย่าใช้กฎหมายมาฟาดคนอื่น จะรับใช้ใครดูตาม้าตาเรือหน่อย อธิบดีกรมที่ดินยันที่ดินสนามกอล์ฟ“อนุทิน”ออกเอกสิทธิ์ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ยังไม่ถึงขั้นเพิกถอน ต้องย้อนไปตรวจสอบ น.ค.3 ก่อนว่าถูกต้องหรือไม่
เมื่อเวลา 06.45 น.วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน6 (บน.6 ) ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นความขัดแย้งหรือรอยร้าว ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคกล้าธรรมหรือไม่ว่าอย่าไปคิดว่าเป็นรอยร้าว คิดว่าถึงแม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันก็ตาม หากมีสิ่งใดที่เป็นประเด็นปัญหาที่ประชาชนสงสัย หรือ ประเด็นที่คาดว่าจะผิดกฎหมาย มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ
“รัฐบาลไม่มีหน้าที่ปกป้องความผิดให้กันและกัน ต้องดำเนินการไปตามวิถี ตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนว่าเราจะทำงานกันอย่างไรเป็นคนละเรื่องกัน ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลร่วมกัน ทำงานร่วมกันได้ทุกอย่าง
ต้องแยกจากการตรวจสอบ ไม่ใช่ว่าเป็นรัฐบาลร่วมกัน แล้วช่วยกันปกปิด ช่วยกันดำเนินการ มันไม่ใช่วิถีที่ควรเป็น” นายภูมิธรรม ระบุ
มั่นใจไม่มีปัญหาอะไรกับรัฐบาล
เมื่อถามว่า การเกิดเรื่องนี้ในช่วงใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเกิดปัญหาอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ถ้าทุกคนมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองมีอย่างถูกต้อง สามารถเอาข้อมูลมาชี้แจงให้สังคมรับทราบ เพราะสภาก็มีหน้าที่ตรวจสอบตามกระบวนการอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนัดกินข้าวพรรคร่วมรัฐบาล วันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ที่พรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพ จะต้องมีการเคลียร์ใจของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีปัญหาต้องเคลียร์ใจ มีปัญหาแต่เพียงว่าเข้าใจกันไหม ตรงนั้นตรงนี้ ยังไม่เข้าใจเรื่องไหนก็บอกกันเท่านั้นเอง จริงๆ ก็คุยกันอยู่แล้ว.
“อนุทิน”ขอให้หน่วยราชการพิสูจน์ทราบ
เมื่อเวลา 11.30 น.ที่หอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา จนเกิดวิวาทะ “หน้าตัวเมีย”และวันนี้นักจัดรายการชื่อดังออกมาน้อมรับ โดยตอบสั้นๆว่า“อืม”เป็นเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการแล้ว เป็นเรื่องของหน่วยงานรัฐ ทุกฝ่ายบอกมาแล้วว่า ประชาชนที่ได้ที่ดินมาในพื้นที่บริเวณนั้น ทุกคนถือโฉนดที่ดินทั้งนั้น ได้มาด้วยความสุจริต ส่วนที่มาของโฉนดจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของหน่วยงานราชการ ต้องไปพิสูจน์ทราบ ทั้งกรมที่ดิน ส.ป.ก.และนิคมในส่วนของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เข้ามาด้วย ดังนั้น ถ้าอยู่ในกระบวนการของระบบราชการแล้วตนก็ไม่สามารถ ที่จะให้ความเห็นอะไรได้ ต้องปล่อยให้หน่วยงานราชการต้องทำงานพิสูจน์ทราบต่อไป และเมื่อออกมาอย่างไรไม่มีใครขัดต่อกฎหมายได้
ยืนยันซื้อขายโดยสุจริต
ส่วนกรณีที่รายการข่าวดังกล่าว ออกมาพาดหัวถึง การฟอกขาว มรดกบาป นค.3 ให้เป็น โฉนดให้กับนายทุน นายอนุทิน มองว่า เขาอาจเรียนประวัติศาสตร์ เพราะส่วนใหญ่ที่ตนทราบจากอธิบดีกรมที่ดิน เรื่องการเปลี่ยนที่ดินจากนิคม ต่างๆ หรือที่ ส.ป.ก. เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น 50 - 60 ปีมาแล้ว ซึ่งคนที่ถือครองปัจจุบันนี้ก็ซื้อผ่านการ โอนโฉนด มีพระปรมาภิไธย ของพระมหากษัตริย์ ตามหน้าโฉนดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นการซื้อขายเหล่านั้นเป็นการซื้อขายโดยสุจริต กรมที่ดินรับโอนรับค่าธรรมเนียม ผู้ขายยินดีขาย ผู้ซื้อยินดีซื้อ ทุกอย่างจบในเรื่องของการซื้อขายเปลี่ยนมือ ถือเป็นเรื่องสุจริต แต่ต้องไปดูว่าออกโฉนดมาได้อย่างไร ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนออกโฉนด และเหตุใดจึงปล่อยให้มีการเปลี่ยนมือ หรือซื้อขาย รับค่าธรรมเนียมมามากมายไปหมด ซึ่งมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบอีกมากมาย
คนกล่าวหาต้องรับความเสี่ยงถูกฟ้อง
เมื่อถามว่า ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองจะสะดวกใจทำงานร่วมกับพรรคกล้าธรรมในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การทำงานรับใช้บ้านเมือง ต้องไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ส่วนใครจะทำอะไรเตะเจาะยาง หรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง คนที่กล่าวหามาก็มีสิทธิกล่าวหา เพราะเขาบอกทำเพื่อประชาชน ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่ พิสูจน์ทราบ ว่าถูกต้องอย่างไร ซึ่งถ้าถูกต้อง คนที่กล่าวหาก็ ต้องรับความเสี่ยง ในการถูกฟ้องร้อง เพื่อขอความเป็นธรรมต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องแต่ตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เป็นเรื่องที่เล็กมาก ไม่มีสาระสำคัญอะไร การทำงานในความเป็นรัฐบาล เราต้องมองผลประโยชน์ ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก เรื่องส่วนตัวก็อย่างที่บอก ใครก็ลงบัญชีกันไป
เผย“ธนดล”ยกมือไหว้ขอโทษแล้ว
สำหรับความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีรายงานข่าวว่า นายอนุทิน ไปร่วมงานแต่งที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ร่วมด้วยแต่ไม่ทักทายกัน นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เจอ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ก็เข้ามาทักทายยกมือไหว้อย่างสุภาพ นอบน้อมและบอกว่า สิ่งไหนที่ล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย เขาก็ทำตามหน้าที่ ซึ่งตนได้บอกว่าเต็มที่เลย ถ้ามีอะไร ที่ไม่ถูกต้อง ก็ดำเนินการไป แล้วถ้ามีอะไรถูกต้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับพี่ด้วย ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กับพรรคกล้าธรรม
“การเมืองก็อย่างนี้แหละ ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ก็เล่นการเมืองไม่ได้ ว่าเป็นเรื่องปกติของการเมือง ของคนที่มีฐานเสียงแข็งแรงอย่างที่ตนเคยบอก และเปรียบเป็นเหมือนภูเขาทอง” นายอนุทิน กล่าว ส่วนคำว่าหน้าตัวเมีย ด่าใครนั้นนายอนุทิน ปฏิเสธที่จะตอบ ได้แต่ยิ้ม และทำเสียงหึหึ
“คารม”ข้องใจ“ธนดล”ใช้อำนาจอะไร
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าการที่นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการกรณี ที่ได้ตรวจสอบที่ดิน สปก. บริเวณอำเภอปากช่อง โดยกล่าวหาว่า มีโรงแรม รีสอร์ท บุกรุก ที่ดิน สปก. แต่หลักการตรวจสอบนั้น ถ้ายังไม่มีหลักฐานชัดเจน และยังไม่ได้มีการดำเนินคดีในชั้นศาลจนเป็นที่ยุติ แต่ออกมากกล่าวหาก่อนนั้น มีเจตนาอะไร
“ที่นายธนดล กำลังดำเนินการอยู่นั้น ทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติ การปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ. ศ.2518 ใช่หรือไม่ หรือในฐานะอะไร หากประชาชนที่อาศัยอยู่ในนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ตาม พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 และครอบครองที่ดินตามตรา 11 จนเกิน 5 ปีแล้ว ได้นำที่ดินมาออก เป็นโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน สปก. จะเพิกถอนที่ดินของประชาชนหรือคนที่ซื้อที่ดินจากประชาชนเหล่านั้นได้หรือไม่ ที่นายธนดลบอกว่ามีการขยายแนวเขตนิคมสร้างตนเอง จนทับซ้อน กับที่ดิน สปก.นั้น มีหลักฐานอย่างไร และเป็นการขยายโดยชอบ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย การขยายแนวเขตเกิดขึ้นได้อย่างไร” นายคารมกล่าว
เตือนอย่าใช้กฎหมายฟาดฟันคนอื่น
นายคารม กล่าวต่อว่า นายธนดล ที่กำลังดำเนินการตรวจสอบที่ดิน สปก. อยู่ขณะนี้ ใช้อำนาจอะไรเรียกบุคคลอื่นๆ มาพบ หรือในการเรียกเอกสารต่างๆ ใช้อำนาจอะไร ในการเรียกมา เพราะเท่าที่ทราบ นายธนดล ไม่ใช่กรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งเรื่องต่างๆ ที่อ้างว่าตรวจสอบอยู่ ก็ไม่ได้อยู่ในชั้นศาล จึงถามว่าเอาอำนาจอะไร มาเรียกเอกสาร หรือบุคคลต่างๆ ให้มาพบหรือให้ส่งเอกสารต่าง ๆ
“ผมชื่นชมเข้าใจในการทำงาน ที่นายธนดล บอกว่ามีเจตนาปกป้องที่ดิน สปก. และทวงคืนที่ดิน สปก. เพื่อนำที่ดินไปให้เกษตรกรและ นายอนุทิน พร้อมให้ตรวจสอบตามกระบวนการของกฎหมาย แต่อย่ามาเลือกปฏิบัติหรือกล่าวหาแบบมั่วๆ และคลุมเครือซึ่งวิธีการทำงานที่ทำอยู่ในขณะนี้ทำให้สังคม เข้าใจว่าคนที่มีที่ดินอยู่บริเวณดังกล่าว ดูเป็นคนผิดไปแล้ว ขออย่ามาทำตัวเป็นศาล นายอนุทิน เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นถึงรองนายกฯและรมว.มหาดไทยมีทั้งความรู้ความสามารถ มีความอาวุโส มีสถานะทางสังคม นายอนุทิน มีชื่อเล่นว่า หนู ไม่ได้ชื่อ หมู ผมทราบท่านเป็นนักกฎหมายที่เก่ง เป็นคนหนุ่มไฟแรง อย่านำกฎหมายเป็นเครื่องมือเป็นอาวุธฟาดฟันคนอื่น กฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง จะรับใช้ใครขอให้ดูตาม้าตาเรือหน่อย ที่ออกมาพูดดังกล่าว คิดเองใช่หรือไม่” นายคารม กล่าว
อธิบดีกรมที่ดินชี้ออกเอกสิทธิ์ถูกต้อง
หอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการออกเอกสารที่ดินน.ค.3ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองว่า ข้อมูลจริงๆอยู่ที่ผู้จัดนิคมในส่วนที่กรมที่ดินเกี่ยวข้องด้วย พื้นที่ที่กรมที่ดิน ได้ออกโฉนดไปมีทั้งหมด 4,500 แปลง เป็นพื้นที่กว่า 25,000 ไร่ รวมถึงได้มีการออก น.ส.3 ก.ประมาณ 217 แปลง 2,600 กว่าไร่ รวมทั้งหมดประมาณ 4,700 แปลง ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ตามอำนาจหน้าที่ของกรมที่ดิน ถ้าคิดเป็นพื้นที่ทั้งหมดก็ไม่ถึง 30,000 ไร่ ประมาณ 28,000 ไร่
เมื่อถามว่า ในส่วนที่ดินในพื้นที่สนามกอล์ฟปากช่อง และพื้นที่แข่งรถ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย คาบเกี่ยวกับพื้นที่ ส.ป.ก.กี่ไร่ และมีการออกโฉนดแล้วกี่ไร่ นายพรพจน์ ยืนยันว่า เอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยกรมที่ดิน ทั้งโฉนดและ น.ส.3 ก. ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในขณะนั้น เป็นโฉนดและเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของสนามกอล์ฟและสนามแข่งรถ เป็นพื้นที่ของการนิคมที่มีการจัดนิคม เอกสารสิทธิ์ที่ออกมา ออกมาโดยพื้นฐานของ น.ค. 3 ที่นิคมได้ดำเนินการจัด ซึ่งหลักเกณฑ์พิจารณาในการออกเอกสารสิทธิ์ ถ้ามี น.ค.3 มา กรมที่ดินจะถือว่ามีการรับรองจากภาครัฐ ซึ่งมีแนวทางในการดำเนินการอยู่ โดยจะต้องสอบถามไปยังผู้จัดนิคมว่ามีการใช้ประโยชน์เช่นเดิมหรือไม่ ยินยอมให้ออกโฉนดได้หรือไม่ ถ้ามีหลักฐานยืนยันมา กรมที่ดินก็ยืนยันตามกฎหมายในการออกเอกสารสิทธิ์ ดังนั้นยืนยันว่าที่ดิน 4,500 แปลง ที่เป็นโฉนดที่ดิน กับ 217 แปลงที่เป็นน.ส. 3 ก. กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิ์ตามแนวทางในการดำเนินการระหว่างกรมที่ดินและผู้จัดตั้งนิคมอย่างถูกต้อง
ยันกรมที่ดินไม่ได้ลอยตัว
เมื่อถามถึงกรณีที่อาจถูกมองว่าเป็นการฟอกขาวที่ดินให้เอกชน นายพรพจน์ กล่าวว่า ต้องไปดูที่มาของการจัดตั้งนิคม โดยพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ในเขตที่มีการขยาย ซึ่งทำถูกต้องตามกฎหมายตามที่นิคมได้ดำเนินการ เพียงแต่มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับ ส.ป.ก. ซึ่งมีความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อปี 2548 ว่าถ้ามีการจัดนิคมเข้าไปในพื้นที่ส.ป.ก. ไม่สามารถทำการปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรมได้ ดังนั้น มีความจำเป็นที่ส.ป.ก.จะยกที่ให้การจัดตั้งนิคมตามวัตถุประสงค์ พร้อมยืนยันว่าในการจัดพื้นที่ซ้ำซ้อน กรมที่ดินไม่ได้ลอยตัวเพียงแต่กรมที่ดินไม่ได้เกี่ยว เพราะในพื้นที่ซ้ำซ้อนเป็นพื้นที่นิคมกับส.ป.ก. จึงต้องเคลียร์ตรงนี้ เเละกรมที่ดินเป็นปลายทางในการออกเอกสารสิทธิ์ตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ยังไม่ถึงขั้นเพิกถอน-ต้องดูน.ค.3ก่อน
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า หาก ส.ป.ก.มาทวงพื้นที่คืน จะทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างส.ป.ก.กับกรมที่ดินด้วย นายพรพจน์ กล่าวว่า จะเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ขั้นแรกคือ ต้องบอกว่าทำไมถึงมีการจัดนิคม ให้ประชาชนผู้ยากไร้มีสิทธิ์ทำกินในที่ดินของนิคม ถ้าบอกว่าน.ค. 3 ที่มาจากนิคมไม่ถูกต้อง ก็ต้องไล่มาถึงกรมที่ดินในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีหลายกรณีที่น.ค.3 ไม่ถูกต้อง กรมที่ดินก็ทำตามขั้นตอน จึงต้องพิสูจน์ทราบว่าก่อนว่าน.ค.3 ที่มายื่นถูกต้องหรือไม่
เมื่อถามว่า กรณีที่ดินที่ถูกเพิกถอนใครจะเป็นผู้รับผิดชอบเยียวยาเอกชน นายพรพจน์ กล่าวว่า ถ้ามีการเพิกถอนถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ประชาชนก็จะต้องอุทธรณ์ผู้ออกคำสั่ง นั่นคือฟ้องกรมที่ดิน
เมื่อถามว่า กรณีที่ดินสนามกอล์ฟปากช่อง ของนายอนุทิน มองว่าไปถึงขั้นเพิกถอนหรือไม่นายพรพจน์ กล่าวว่า ยัง ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ก่อน ว่าน.ค. 3 ที่เป็นพื้นฐานของการออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้มีรายละเอียดพอสมควรและไม่ได้เพิ่งเกิดปัญหา ประชาชนหลายพันครัวเรือนมีปัญหาเรื่องพวกนี้อยู่ หากความเชื่อมั่นในโฉนดที่ออกมา มีการถามไปที่ผู้จัดตั้งนิคมว่าจะมีแนวทางชัดเจนอย่างไร ซึ่งจริงๆแล้วก็มีการหารือกัน ว่าจริงๆต้องไปที่สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติที่เป็นผู้จัดวางนโยบาย เพื่อดูภาพรวมของการจัดที่ดิน ซึ่งถ้ามาจริงๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเยอะ
ไม่หนักใจรับจบ“อัลไพน์-เขากระโดง”
เมื่อถามว่า ในฐานะข้าราชการหนักใจหรือไม่ เพราะดูเหมือนต้องรับจบ ทั้งปัญหาที่ดินอัลไพน์ เขากระโดง และสนามกอล์ฟปากช่อง นายพรพจน์ ยืนยันว่า ทุกอย่างทำตามพื้นฐานของกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไปก็พร้อมรับ แต่ตอนนี้ขอยืนยัน ว่าแนวทางในการออกเอกสารสิทธิ์ในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่เหมือนกัน แต่กรมที่ดินดำเนินการถูกต้องตามที่ต้องทำ ตามวิสัยที่ข้าราชการที่ดีพึงกระทำ
นายพรพจน์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องไปดูต้นเรื่องที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เพราะมีประวัติศาสตร์อยู่ ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆคือประชาชน ในการทำธุรกรรมในพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่เคยหารือในกรมที่ดิน เพราะผู้เกี่ยวข้องจริงๆคือผู้จัดตั้งนิคม ถ้าถามกรมที่ดินอย่างเดียว หรือกระทรวงมหาดไทย อาจจะไม่ครบถ้วน เพราะเกี่ยวพันหลายหน่วยงาน ก่อนย้ำระเบียบการออกโฉนดว่าถ้ามีน.ค.3 กรมที่ดินออกโฉนดได้อย่างเดียว เพียงแต่เพื่อความชอบธรรมก็มีแนวทางปฏิบัติ ให้สอบถามไปยังผู้จัดนิคมก่อน หากได้รับการยืนยัน กรมที่ดินก็ออกโฉนดให้ ไม่สามารถปฏิเสธประชาชนได้ เพียงแต่หลังโฉนด ไม่ได้มีการสลักว่าต้องทำประโยชน์อย่างไร แต่มีพื้นฐานว่าเปลี่ยนมาจาก น.ค.3 แค่นั้นเอง ซึ่งอาจจะเป็นหน้าที่ของกรมที่ดิน ที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนได้แถลงข่าวไปแล้ว และการทำงานของกรมที่ดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี