หน่วยงานรัฐดาหน้าโต้
‘ยิว’ไม่ได้ยึดเมืองปาย
เลขาฯ สมช.ยันชาวอิสราเอล ใน อ.ปาย แค่มาเที่ยว เชื่อไม่กระทบความมั่นคง อ้างโซเชียลฯลงข่าวเกินจริง ด้านพ่อเมืองแม่ฮ่องสอน เผยโบสถ์ยิวแค่ศาสนสถาน ไม่กระทบความมั่นคง ชี้มีเจ้าหน้าที่ดูแลตามกฎหมาย ส่วนที่กระทำผิดถูกเนรเทศไปแล้ว ‘ผบ.ตร.’ลั่นฟันไม่เลี้ยง ตำรวจเอื้อประโยชน์ชาวต่างชาติ ทำผิดกฎหมาย ยกเคสอิสราเอล ในปายหากพบเอาผิดวินัยร้ายแรง
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงปัญหานักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล หรือชาวยิว ซึ่งเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แล้วมีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีการตั้งชุมชนเตรียมยึดพื้นที่ หรือมีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อน สร้างปัญหาหลายๆ อย่าง ว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรี แถลงไปหมดแล้ว อาจเพราะโซเชียลมีเดีย ลงข่าวมากเกินไป ได้ถาม ผวจ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งก็แจ้งมาแล้ว ว่ายังอยู่ในการควบคุมได้ ไม่ได้เป็นอย่างที่มีข่าวเผยแพร่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีชาวอิสราเอล เข้ามาพื้นที่ดังกล่าวเดือนละประมาณ 3,000-4,000 คน ไม่ผิดปกติใช่หรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ทาง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ตรวจสอบแล้วว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ซึ่งภาพรวมสถานการณ์ยังเป็นปกติ พื้นที่ดังกล่าวนักท่องเที่ยวยังเที่ยวได้ และอนาคตข้างหน้าไม่น่าจะกระทบความมั่นคง เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เหมือนชาวต่างชาติอื่นๆ ที่เข้ามาเที่ยว โดยการแก้ปัญหาเบื้องต้นทางส่วนราชการได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่แล้ว
ขณะที่ นายเอกวิทย์ มีเพียร ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวถึงกรณีการสร้างโบสถ์ยิว ว่าได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบว่า เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวยิว ไม่พบการกระทำผิดตามกฎหมาย ตามที่โซเชียลมีเดียเผยแพร่ออกมา โดยปัญหาเกี่ยวกับโบสถ์ด้านความมั่นคงก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
นายเอกวิทย์ กล่าวอีกว่า ตำรวจ สภ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโบสถ์ยิว อาจจะเป็นสถานที่มิดชิดก็เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดต่อชาวยิว อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลโบสถ์ พร้อมให้เจ้าหน้าที่หรือสื่อมวลชน เข้าไปตรวจสอบได้อย่างสะดวก ส่วนปัญหานักท่องเที่ยวอิสราเอล ที่ถูกเพ่งเล็งในปัจจุบัน ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เช่นผู้ที่เข้าไปประพฤติไม่เหมาะสมใน รพ.ปาย หรือกระทำผิดกฎหมายไทย ก็ถูกจับกุมดำเนินคดี และเนรเทศออกไปแล้ว ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติ ให้ติดตามแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างใกล้ชิด และให้รายงานต่อจังหวัด เป็นระยะ เพื่อให้เมืองปาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สงบสุขสำหรับนักท่องเที่ยวทุกชาติ
วันเดียวกัน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ โพสต์คลิปสัมภาษณ์ใน THE STANDARD NOW ผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn พร้อมระบุข้อความว่า เดิมชาวอิสราเอลมาเมืองไทย เฉลี่ยปีละ 200,000 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารที่จบภารกิจ ช่วงนี้พักรบจึงมาพักผ่อนเต็มเหนี่ยว บ้างก็แต่งงานกับชาวไทย หลายคนก็อยากอยู่เมืองไทยเหมือนชาวต่างชาติอื่นๆ
สำหรับพื้นที่ อ.ปาย ตอนนี้ก็มีหลายครอบครัวที่เริ่มตั้งรกรากแล้ว เพื่อนฝูงเขาก็สนใจแวะมาเยี่ยมเยียนนับร้อยนับพัน ไทยเจ้าบ้าน จะทำยังไงดีไม่ให้เขาทำความเดือดร้อนให้เรา รวมทั้งไม่ให้คู่กรณีของเขาในตะวันออกกลาง ตามมาก่อเรื่องอีก
ด้าน พ.อ.หญิงนุชระวี แจ่มจำรัส รองโฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า ทาง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัด พ.อ.ภูมิรัชต์ ดุษฎี รอง ผอ.รมน.จังหวัด (ฝ่ายทหาร) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ากรณีการร้องเรียนเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และทาง กอ.รมน.ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโดยทันที มีการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ประพฤติตนขัดต่อวัฒนธรรม ประเพณีของคนในท้องถิ่น
ส่วนข้อร้องเรียนที่ระบุว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ใน อ.ปาย สูงกว่า 30,000 รายนั้น เป็นตัวเลขของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีของปี 2567 ปกติกลุ่มของชาวอิสราเอล จะเข้าและออก ราวเดือนละ 3,000 ราย โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 4,000 คน ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น และส่วนมากก็จะพบว่าเป็นกลุ่มคนที่มาเที่ยวซ้ำ หรือพักอยู่เป็นเวลานานๆ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวีซ่า
สำหรับในเรื่องการสร้างโบสถ์ กอ.รมน.ได้ประสาน ตม.แม่ฮ่องสอน ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ สภ.ปาย ตรวจสอบการสร้างซาบัด (โบสถ์ศาสนายูดาห์) ที่บ้านเมืองพร้าว ต.เวียงใต้ อ.ปาย พบว่ามีการขออนุญาตถูกต้องและดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับ พร้อมกับพูดคุยกับผู้นำทางศาสนา กำชับให้ชาวอิสราเอล ที่เข้ามาพักใน อ.ปาย ไม่ประพฤติตนสร้างความเดือดร้อนแก่นักท่องเที่ยวและชาวบ้าน เรื่องสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ละจังหวัดมีการก่อสร้างเช่นกัน ก็ต้องขออนุญาต การสวดมนต์ รับประทานอาหารจะมีการเล่นดนตรีด้วย แต่ไม่ได้เป็นแหล่งมั่วสุม หรือมีการจัดปาร์ตี้ตามที่มีการเผยแพร่ข่าว
ในส่วนของประเด็นการตั้งดินแดนพันธะสัญญา ตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย ส่วนงานความมั่นคง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล พบว่าไม่มีสิ่งบอกเหตุ เพราะนักท่องเที่ยวอยู่กระจัดกระจาย และไม่ได้มีตัวเลขที่สูงมากอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้ติดตามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีตำรวจนายหนึ่งใน สภ.ปาย ได้เผยแพร่ปัญหานักท่องเที่ยวชาวยิว ในพื้นที่ อ.ปาย ผ่านเฟซบุ๊กผู้ที่ใช้ชื่อว่า D’Tom Tomarito ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีใจความว่า #ปัญหาเมืองปาย กับชาวอิสราเอล…ข้อความต่อไปนี้คือความเห็นส่วนตัวของผม ***โปรดใช้วิจารณญาน***และโปรดตัดประเด็นทางศาสนาและการเมืองออกก่อน…ผมว่าตอนนี้...เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นของปัญหา
ประเด็นปัญหาหลักจริงๆ คือพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล 1.ไม่เคารพกฎบ้านกฎเมือง กฎกติกา ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรม ทั้งของชาวปาย และกฎหมายไทย จะด้วยความไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งมึน อันนี้ก็ไม่ทราบได้ 2.ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ทั้งของคนปาย คนไทย และชาวต่างชาติอื่นๆ 3.ไม่มีมารยาทในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคมที่อยู่ในพื้นที่ปาย 4.ใช้ชีวิตสบายๆ ตามใจตัวเอง นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจผลกระทบต่อคนรอบข้าง 5.ไม่เคารพสถานที่ เจ้าของพื้นที่ซึ่งตนเองใช้ชีวิตอยู่ 6.ก่อปัญหามากมายในพื้นที่ เช่น เมาเละเทะ ทำลายข้าวของผู้อื่น ทะเลาะวิวาท ลักขโมย บุกรุกสถานที่ อุบัติเหตุบนท้องถนน ฯลฯ เป็นต้น และ 7.-ฯลฯ
ตอนนี้แค่ขอให้ชาวปาย ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น เกิดเหตุอะไรให้รีบแจ้ง จะได้รีบดำเนินการทางคดี ส่งกลับประเทศไป
ทางด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จะแบ่งเรื่องออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งส่วนที่ 1 ทางฝ่ายปกครอง นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และตำรวจในพื้นที่ ได้มีการประชุม และรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน โดยแบ่งเป็นประเด็นทั้งเรื่องของการใช้ยานพาหนะ การไปสถานบริการ และการอยู่อาศัยว่า ถูกต้องหรือไม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
ในส่วนของจังหวัดได้มีการขับเคลื่อน และประชุมวางแผน แบ่งหน้าที่การปฏิบัติงานอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนของตำรวจ ได้สั่งการไปที่ตำรวจภูธรภาค 5, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีการดำเนินการ 5 ประเด็นหลักคือ ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำมาสู่การปฏิบัติว่า มีการพำนักอาศัยในประเทศไทยเกินระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ (Over stay)และพักอาศัยอย่างไร กระทำผิดความผิดอะไรบ้าง ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หากกระทำผิดกฎหมายในส่วนรับผิดชอบของตำรวจหน่วยงานใด ก็บังคับใช้กฎหมายในส่วนนั้น
ผบ.ตร.กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนไม่สบายใจในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เราต้องตรวจสอบดูว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการอะไรไปบ้าง ซึ่งหากพบว่า มีตำรวจเข้าไปเอื้อประโยชน์ ก็จะดำเนินการทางวินัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองได้เน้นย้ำ โดยได้สั่งการไปที่ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่กำกับดูแลความมั่นคง ภายใน 2-3 วันนี้ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความคืบหน้า และบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ฝากไปยังพี่น้องประชาชน หากมีคลิปวิดีโอ หรือข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติม ก็ขอให้แจ้งเข้ามาในช่องทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทุกช่องทาง ขอยืนยันว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาโดยวิธีการที่ผิดกฎหมาย แอบแฝงทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ยืนยันว่า จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และจริงจัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี