"7พรรคการเมือง"ทั้งฝั่งรัฐบาล-ซีกฝ่ายค้านอดรนทนไม่ไหว ชงญัตติด่วนรุมสกรัมมาตรการ"แก้ปัญหาราคาข้าว"ไม่ได้ผล ด้าน‘เพื่อไทย’ ซัดใครใน ‘กระทรวงพาณิชย์’ ไม่ติดตามงานจนเลยเถิด ซ้ำยังหลงระเริงว่าไทยเป็นเจ้าข้าวโลก ขณะที่"ภูมิใจไทย"ละอายแทนไม่รู้จะตอบชาวบ้านเขตตัวเองยังไง ขณะ ‘ชทพ.’ เชือดเจ็บเคยสัมผัสหรือไม่ความหิวเป็นยังไง เจ้าหนี้รอหน้าบ้าน จนต้องออกมาม็อบประท้วง
20 ก.พ.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยภายหลังเสร็จสิ้นวาระรับทราบรายงานที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ปรากฏว่า สส.พรรคต่างๆ พากันเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่เพาะปลูกข้าว อันเนื่องมาจากราคาตกต่ำ ถึง 5 ญัตติจาก 5 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาชน พรรคชาติไทยพัฒนา นอกจากนี้ ยังมีญัตติที่บรรจุอยู่ในวาระแล้วและมีเนื้อหาคล้ายกันของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคกล้าธรรม นำมาพิจารณาพร้อมกัน รวม 7 ญัตติ
ขณะที่ภาพรวมการอภิปรายเสนอหลักการเป็นไปอย่างเข้มข้น มีการสะท้อนปัญหาของเกษตรกร และโจมตีไปที่มาตรการรองรับของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบริหารของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลอภิปรายถึงอย่างดุเดือด เริ่มจากฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล นายนพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยการผลิตสูงขึ้น รวมถึงไม่มีทุนทรัพย์และไม่มีเงินชำระหนี้ ซึ่งชาวนาอยากให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าว
"คราวนี้เป็นการร้องขอครั้งแรกก็ว่าได้ในฤดูเพาะปลูกข้าวนาปรัง เพราะปกติแล้วพี่น้องแม้ราคาตกต่ำขนาดไหน เขาก็ไม่เคยขอร้องให้รัฐบาลช่วยเรื่องข้าวนาปรัง แต่เที่ยวนี้มันไม่ไหวจริงๆ" นายนพพล กล่าว
นายนพพล กล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจจริงๆ ในเรื่องของราคาข้าวหรือมาตรการต่างๆที่จะช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ทำไมเลยเถิดมาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะสิ่งที่ตนหรือแม้แต่ผู้แทนในหลายจังหวัดของพรรคเพื่อไทย เราได้พยายามบอกกล่าวให้ท่านเห็นว่าในสถานการณ์ข้าวโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันสุ่มเสี่ยงต่อราคาที่จะเกิดขึ้นที่จะตกต่ำในอนาคต พวกเราได้บอกกันมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2567 ตั้งแต่อินเดียประกาศส่งออกข้าว หลังจากงดส่งออกเป็นเวลา 2 ปี
“ไม่เข้าใจว่าเป็นองคาพยพของหน่วยงานหรือเป็นของใครกันแน่ในกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่ยอมที่จะได้ดูแลติดตามสถานการณ์จนเกิดเหตุการณ์ทำให้พี่น้องนั้นเดือดร้อน มีการตอบคำถามของผู้มีอำนาจบางท่านในกระทู้สดว่าไม่เคยมีรัฐบาลไหนได้ช่วย ผมจะบอกว่าปกติแล้วชาวนาก็ไม่เคยร้องขอ ถ้าไม่ได้ลดลงมามากเหมือนอย่างปัจจุบันนี้” นายนพพล กล่าว
นายนพพล กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ปี 2523 - 2553 ตนคิดว่าช่วงนี้ เป็น 20 ปีที่ทำให้พวกเราทั้งหลายได้หลงระเริงกับความที่คิดว่าประเทศไทยเป็นเจ้าของข้าวโลก พวกเราละเลยกันไปว่าข้าวนั้นเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนสินค้าประเภทอื่น เพราะฉะนั้น ความหลงระเริงตรงนี้ทำให้เราได้ไม่มีการพัฒนาเรื่องผลผลิตต่อไร่ ตนรักเกษตรกรมาก เพราะตนเป็นผู้แทนมาได้ ก็เพราะเกษตรกรให้มาเป็น
ขณะที่น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.พระนครอยุธยา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราทราบปัญหามาสักระยะแล้ว พี่น้องชาวนาก็ใช้ความอดทนมานานแล้ว ตนเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่ถึงที่สุด ไม่เหลืออด พี่น้องชาวนาจะไม่ออกมาชุมนุม ตากแดดรอคำตอบจากรัฐบาล แต่ที่ออกมาเร่งรัด เพราะจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว ทุกวันนี้ แพงทั้งปุ๋ย แพงทั้งยา ข้าวไม่งามก็ต้องใส่เข้าไปเพิ่มอีก
“ปีนี้รัฐบาลจะไม่มีมาตรการอะไรมาช่วยเลยหรือราคาข้าวดี รัฐบาลก็เฉย ราคาตกต่ำรัฐบาลก็ยังอยู่เฉยได้หรือ ต้องออกมารับมือกลับปัญหานี้ได้แล้วค่ะ เพราะช้าและรอไม่ได้” น.ส.พิมพฤดา กล่าว
น.ส.พิมพฤดา กล่าวต่อว่า ตนแปลกใจมากที่รัฐบาลทำไมถึงยังไม่ออกมาช่วย เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ชาวนาคาดหวังที่จะช่วยแก้ปัญหาปากท้อง ตนต้องถามกระทรวงพาณิชย์ว่ามาตรการช่วยเหลือจะพร้อมเมื่อไหร่ จะทันการหรือไม่
“ตัวดิฉันและเพื่อนสมาชิก ก็พูดตรงๆ ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปตอบกับพี่น้องชาวนาที่กำลังรอคำตอบอยู่ เพราะในแต่ละมาตรการที่ออกมาก็เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกก็ไม่รู้จะตอบอะไรกับพี่น้องเกษตรกร “ น.ส.พิมพฤดา กล่าว
ส่วนนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายเสนอว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เคยบอกว่าตลาดนำ นวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด แต่ตอนนี้ไม่มีอะไร เพราะแค่นาปรังที่ออกมาราคายังตกขนาดนี้ และถ้านโยบายออกมาช้าเงินก็จะไม่ตกถึงมือพี่น้องประชาชน กรรมาธิการการเกษตรฯ เคยพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 ให้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวนา ในฤดูกาลที่จะเก็บเกี่ยวนาปรัง ก่อนจะตั้งคำถามว่า เคยสัมผัสไหม ว่าความหิวเป็นยังไง เจ้าหนี้มารออยู่หน้าประตูบ้าน ความทุกข์ยากอย่างนี้ เขาถึงต้องออกมาประท้วงแบบนี้
"เปลี่ยนเถอะรัฐบาล มองไปข้างหน้าแล้วยังมีเกษตรกรที่ปลูกอีกหลายชนิด พืชผักผลไม้ต้องเผชิญกับการ ผันผวนทางราคา ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบาย ในการช่วยเหลือ ไม่รองรับรัฐบาลลำบากแน่ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทำอะไรอยู่ครับ 24 ต.ค. ที่เราไปประชุม เราเตือนแล้ว มาวันนี้เป็นการสารภาพเลย ว่ายังไม่ทำอะไรเลย เพิ่งมาประชุมอนุนบข. ตอน 14.00 น แล้วมันตกต่ำมาเท่าไหร่แล้ว กว่าจะออกมา ข้าวก็จะไปอยู่ในมือของโรงสี ในมือของพ่อค้าซะหมดก่อนก็ไม่ได้ช่วยพี่น้องเกษตรกรอยู่ดี 7-8 มาตรการมันควรทำตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอหลักการช่วงหนึ่ง โดยได้อ่านมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ พร้อมตั้งคำถามว่า “นี่หรือ มาตรการตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย กล่าวในเชิงเปรียบเทียบว่า ประเทศญี่ปุ่นเขาขายข้าวเป็นคำ แต่ประเทศไทยคิดเป็นกิโลกรัม ทำไมเขาทำได้
จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี